AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

โรคไข้เลือดออก วิธีสังเกตอาการและวิธีป้องกัน!

สังเกตอาการและวิธีป้องกันโรคไข้เลือดออก

โรคไข้เลือดออก เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue) ซึ่งมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ มีพาหะนำโรคคือยุงลาย ซึ่งมักมาพร้อมฝนและน้ำขัง ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่ถูกใจยุงลายอย่างยิ่ง ยุงลายนั้นปกติจะออกหากินเวลากลางวัน ตั้งแต่ช่วงสายจนถึงเย็น แต่บางครั้งก็พบยุงลายออกหากินช่วงพลบค่ำด้วย จุดสังเกตที่เห็นได้ชัดเจนคือมีสีดำสลับขาวทั้งหัว ตัว และขา

 

อย่าชะล่าใจเมื่อเป็น ไข้เลือดออก โอกาสเสียชีวิตสูง!

โรคไข้เลือดออก เป็นโรคอันตรายที่มีความรุนแรง (เป็นเชื้อไวรัสที่คล้ายโรคอีโบล่า) โดยในประเทศไทยพบได้ทั้งปีแต่จะพบมากช่วงฤดูฝน

โรคไข้เลือดออก อันตราย ป่วยได้ทั้งเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

ผู้ป่วยแต่ละรายจะมีความรุนแรงของอาการแตกต่างกัน ขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น อายุ ภูมิคุ้มกันของร่างกาย เป็นต้น การติดเชื้อไข้เลือดออกครั้งแรกผู้ป่วยมักมีอาการไม่รุนแรง แต่หากติดเชื้อครั้งที่ 2 ด้วยเชื้อต่างสายพันธุ์กับครั้งแรก อาการมักจะรุนแรงถึงขั้นเลือดออกหรือช็อกได้

ผู้ป่วย ไข้เลือดออก ในระยะที่มีไข้สูงจะมีเชื้อไวรัสเดงกีอยู่ในกระแสเลือด เมื่อยุงลายมากัดผู้ป่วย เชื้อไวรัสนั้นก็จะเข้าสู่ตัวยุง จากนั้นเชื้อจะเพิ่มจำนวนขึ้นในตัวยุงและไปรวมกันที่ต่อมน้ำลายของยุง เมื่อยุงไปกัดคนครั้งต่อไปจึงแพร่เชื้อเข้าสู่คนที่โดนยุงตัวนั้นกัดนั่นเอง

ลักษณะเด่นของ ไข้เลือดออก

** ในรายที่รุนแรงจะมีภาวะช็อก หากรักษาไม่ทัน ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ภายใน 24-48 ชั่วโมงเท่านั้น **

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

อ่านต่อ รักษาอย่างไร เมื่อเป็นไข้เลือดออก คลิกหน้า 2

โรคไข้เลือดออกอย่าชะล่าใจ

รู้เร็ว! ดูแลรักษาได้ทันท่วงที

ต้องหมั่นสังเกตตนเองและคนในครอบครัวอยู่เสมอ หากใครมีอาการที่สงสัยว่าอาจเป็นไข้เลือดออก คือ มีไข้เฉียบพลัน ติดต่อกันนานเกิน 3 วัน ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น เบาหวาน หัวใจ โรคไต เพราะต้องรับการรักษาอย่างทันท่วงที ไม่ควรปล่อยไว้หรือซื้อยาลดไข้มารับประทานเอง เนื่องจากผู้ป่วยไข้เลือดออกส่วนใหญ่มักไปพบแพทย์ช้า ไปเมื่อมีอาการมากแล้ว

หากลูกมีอาการเหล่านี้ พาไปพบแพทย์ด่วน!!

อาการของโรคไข้เลือดออก ที่ต้องพาลูกไปพบแพทย์ทันที ได้แก่

  1. เบื่ออาหาร
  2. ไม่ดื่มน้ำ ถ่ายปัสสาวะน้อยลง
  3. ซึมหรืออ่อนเพลียมาก
  4. มีเลือดกำเดาไหล
  5. อาเจียนเป็นเลือด
  6. ปวดท้องกะทันหัน
  7. ถ่ายอุจจาระดำ
  8. กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น

โรคไข้เลือดออก ยังไม่มียารักษาได้โดยตรง

ปัจจุบันยังไม่มียาหรือวัคซีนสำหรับป้องกันและต้านเชื้อไวรัสเดงกีโดยเฉพาะ จึงทำได้เพียงรักษาตามอาการ และประคับประคองอาการเท่านั้น ซึ่งหากแพทย์วินิจฉัยพบในระยะเริ่มต้นจะส่งผลดีที่สุดต่อผู้ป่วย เพื่อจะได้เข้ารับการดูแลรักษา รวมถึงเฝ้าระวังอาการแทรกซ้อนได้ก่อนที่อาการจะรุนแรง

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

อ่านต่อ วิธีป้องกันโรคไข้เลือดออกที่ดีที่สุด คลิกหน้า 3

มาตราการป้องกันโรคไข้เลือดออก

การป้องกัน ไข้เลือดออก

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ป้องกันได้ดีสุด

อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก!

10 ต้นไม้ไล่ยุง ที่ควรปลูกไว้บริเวณบ้าน

เปรียบเทียบสารสำคัญในสเปรย์กันยุงและแผ่นแปะกันยุง ซื้ออย่างไร แบบไหนดี?


ขอบคุณข้อมูลจาก

  1. บทความ “แพทย์เตือนทุกพื้นที่ ระวัง “โรคไข้เลือดออก”” โดย แพทย์หญิงกรุณา อธิกิจ อายุรแพทย์ โรงพยาบาลปิยะเวท
  2. หนังสือ “โรคไข้เลือดออกสำหรับประชาชน และเครือข่ายประชาสังคม” โดย สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการเว็บไซต์ Amarin Baby & Kids

ภาพ : Shutterstock