ไวรัสโคโรน่าระบาด ไม่หยุดขยายวงกว้างจากจีนสู่ประเทศอื่นๆ ไทยพบผู้ป่วยแล้ว 8 ราย กระทรวงสาธารณสุขสั่งคุมเข้มการตรวจคัดกรองโรคกลุ่มเสี่ยง สพฐ สั่งโรงเรียนทั่วประเทศเฝ้าระวังกลุ่มเด็กนักเรียน ซึ่งภูมิคุ้มกันต่ำและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ พบเด็กป่วยเสี่ยงโรคให้ปิดโรงเรียนได้ทันที
สั่งโรงเรียนทั่วประเทศ เฝ้าระวัง พร้อมแนะวิธีป้องกัน ไวรัสโคโรน่าระบาด
จากสถานการณ์ ไวรัสโคโรน่าระบาด ไปทั่วโลกเมื่อปลายเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา หลังค้นพบการติดเชื้อของผู้ป่วยชาวจีน ในมณฑลอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน จากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (2019 nCoV) ซึ่งเข้าจู่โจมระบบทางเดินหายใจ และเป็นสาเหตุของโรคปอดอักเสบ โลกเคยรู้จักไวรัสชนิดนี้ในชื่อ “โรคซาร์ส” และ “โรคเมอร์ส” ที่เคยทำให้มีคนติดเชื้อและเสียชีวิตในหลายประเทศ
ปัจจุบัน (วันที่ 27 มกราคม 2563) เชื้อโรคขยายวงกว้างไปหลายเมืองในประเทศจีน ทำให้มีผู้ติดเชื้อมากถึง 2744 ราย และเสียชีวิตแล้ว 80 คน ขณะที่ยังแพร่ระบาดไปยังหลายประเทศทั่วโลกอีก 13 ประเทศ รวมถึงประเทศไทยที่พบผู้ติดเชื้อแล้ว 8 ราย
กรมควบคุมโรคได้ดำเนินมาตรการคัดกรองและป้องกันไวรัส ยังคงมาตรการคัดกรองและเฝ้าระวังโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง หากใครมีแผนการเดินทางไปยังประเทศจีน ขอให้เลื่อนกำหนดไปก่อน ส่วนคนในประเทศขอให้ระมัดระวังป้องกันตนแอง หากมีอาการน่าสงสัย ให้รีบพบแพทย์และโทรแจ้งสายด่วนกรมควบคุมโรคทันที
สั่งเฝ้าระวังโรงเรียน พบเด็กเสี่ยง ปิดได้ทันที
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ออกประกาศ เรื่องป้องกันการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ไปยังโรงเรียนภายใต้สังกัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อสู่เด็ก โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันได้เกิดโรคปอดอักเสบ ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ๒๐๑๙ ในประเทศจีนและแพร่ขยายเข้าสู่ประเทศไทย โดยเด็กจะเป็นผู้รับเชื้อได้ง่าย เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ๒๐๑๙ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้แจ้งเตือนผ่านสื่อให้เฝ้าระวังและติดตามการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงขอให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประชาสัมพันธ์ เฝ้าระวังการแพร่ระบาดและป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ในโรงเรียนตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้แจ้ง ดังนี้
วิธีป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๑. ดื่มน้ำอุ่น เมื่อรู้สึกกระหายน้ำ (เด็ก ๓๐ –๕๐ ซีซี, ผู้ใหญ่ ๕๐ – ๘๐ ซีซี)
๒. หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยไอจาม
๓. หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด
๔. สวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่ชุมชน
๕. ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว
๖. หลีกเลี่ยงการเข้าไปตลาดค้าสัตว์ และไม่สัมผัสหรืออยู่ใกล้กับสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ที่ป่วย หรือตาย
๗. หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำและสบู่ หรือ แอลกอฮอล์ เจลล้างมือ
๘. ห้ามรับประทานของดิบ รับประทานอาหารที่สะอาดปลอดภัย มีสารอาหารครบถ้วน
๙.นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
๑๐. หากพบนักเรียนมีอาการไข้ขึ้นอย่างรวดเร็ว ลดยาก ปวดศีรษะและลำตัว มีอาการไอต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน มีน้ำมูก ให้รีบพาไปแพทย์ หรือโทรแจ้งสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร ๑๔๒๒
ทั้งนี้ หากพบผู้มีภาวะเสี่ยงต่อโรคให้ประสานและส่งต่อหน่วยงานด้านสาธารณสุขทันที และหากมีจำเป็นต้องปิดโรงเรียนให้อยู่ในดุลพินิจของผู้อำนวยการโรงเรียน
อ่านต่อ ไวรัสโคโรน่าระบาดอันตรายแค่ไหน หน้า 2
เชื้อไวรัสโคโรน่าที่ระบาดอยู่นี้เป็นสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งคาดการณ์ว่าอาจมาจากค้างคาวผลไม้ และตัวงูที่กินค้างคาวติดเชื้อเข้าไปด้วย นั่นหมายความว่า เชื้อไวรัสแข็งแกร่งพอที่จะถ่ายทอดจากสัตว์เลือดอุ่นมายังสัตว์เลือดเย็น และส่งต่อมาถึงมนุษย์ด้วย ที่สำคัญยังแพร่ระบาดจากคนสู่คนได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย คล้าย “ไข้หวัด”
ไวรัสโคโรน่าระบาด ทำไมถึงน่ากลัว
การแพร่เชื้อจากคนสู่คนมักเกิดการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ เช่น ละอองจากการไอจาม และการสัมผัสกับสิ่งที่ผู้ติดเชื้อสัมผัส เช่น แตะปาก จมูก หรือตา โดยมีระยะเวลาฟักตัวก่อนแสดงอาการสั้นมากเพียง 2- 14 วัน จากนั้นผู้ป่วยจะเริ่มมีไอแห้ง ๆ เจ็บคอ น้ำมูกไหล จาม มีไข้สูง หรืออาจท้องเสียด้วย
เชื้อโรคจะเข้าไปทำลายระบบทางเดินหายใจ และปอดอักเสบ ขณะนี้ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 40 -90 ปี เช่นเดียวกับโรคซาร์สและเมอร์ส ขณะที่มีรายงานว่า พบเด็กวัย 10 ขวบติดเชื้อไวรัสนี้ด้วย เพราะระบบภูมิคุ้มกันของเด็กยังทำงานไม่เต็มที่
อย่างไรก็ตาม ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่นี้รุนแรงน้อยกว่าโรคซาร์ส และโรคเมอร์ส โดยมีอัตราการเสียชีวิตเพียง 3 % เมื่อรุนแรงน้อย นั่นหมายความว่า ผู้ติดเชื้ออาจไม่แสดงอาการใดๆ และไม่ปอดบวมทุกคน ทำให้เพิ่มโอกาสที่จะกระจายเชื้อมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว อีกทั้งเป็น “โรคชนิดใหม่” ทุกคนไม่มีภูมิต้านทานจึงมีสิทธิ์ติดเชื้อได้ทุกคน
สำหรับคนที่ร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ถึงจะรับเชื้อไวรัสแต่มีอาการไม่รุนแรง สามารถรักษาตามอาการให้หายได้ แต่กลุ่มเสี่ยงทั้ง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว เด็กและทารก ต้องให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ คุณพ่อคุณแม่ควรปฏิบัติตามแนวทางป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด เพื่อตัวลูกน้อยและครอบครัว
อ่านบทความน่าสนใจอื่นๆ
เฝ้าระวัง ไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ ไป-กลับจีน เสี่ยงป่วยปอดอักเสบรุนแรง
ลูกเป็นปอดอักเสบ 1 ในโรคร้ายอันตรายถึงชีวิต ที่พ่อแม่ต้องรู้จัก
แหล่งข้อมูล www.matichon.co.th thematter.co https://thestandard.co/