AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ไขปัญหา! น้ำดื่ม ทิ้งไว้ในรถ ตากแดด..เป็นพิษหรือไม่?

สงสัยกันมานานว่า น้ำดื่ม ทิ้งไว้ในรถ ตากแดดนั้น อันตรายหรือไม่ ขวดพลาสติกที่ตากแดดนานๆ จะมีสารไดออกซิน และสาร BPA แพร่ออกมาทำให้เสี่ยงมะเร็ง วันนี้ไขข้อข้องใจกันชัดๆ โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และอาจารย์จากมหาวิทยาลัยมหิดล

หากบริโภคน้ำดื่มจากขวดพลาสติกที่ทิ้งไว้ในรถ อาจได้รับสารไดออกซินที่แพร่ออกมาจากขวดน้ำพลาสติก เนื่องจากอากาศร้อนจัด อาจทำให้เกิดมะเร็งเต้านม หรือมะเร็งอื่นๆ ได้ ข้อมูลนี้เป็นจริงหรือไม่?

สารไดออกซิน คืออะไร?

สารไดออกซินเป็นผลผลิตทางเคมีที่เกิดขึ้นโดยมิได้ตั้งใจ จากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งกลุ่มสารไดออกซินที่ก่อให้เกิดพิษมี 29 ตัว แหล่งกำเนิดสำคัญของสารกลุ่มนี้คือกระบวนการผลิตเคมีภัณฑ์ที่มีสารคลอรีนเป็นองค์ประกอบ เช่น อุตสาหกรรมผลิตเยื่อกระดาษ อุตสาหกรรมผลิตยาฆ่าแมลง เป็นต้น หรือกระบวนการเผาไหม้อุณหภูมิสูงทุกชนิด เช่น เตาเผาขยะทั่วไป เตาเผาขยะจากโรงพยาบาล เตาเผาศพ การเผาไหม้ของเชื้อเพลิง และการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง เป็นต้น

การสร้างกลุ่มสารไดออกซินจากการเผาไหม้จะอยู่ในช่วงอุณหภูมิประมาณ 200-550 องศาเซลเซียส และจะเริ่มถูกทำลายเมื่ออุณหภูมิ 850 องศาเซลเซียสขึ้นไป ทำให้มีการปลดปล่อยและสะสมสารกลุ่มนี้ในสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นทางอากาศ ดิน หรือน้ำ ซึ่งสามารถปนเปื้อนเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ได้

สารไดออกซินแพร่ออกจากขวด น้ำดื่ม ทิ้งไว้ในรถ ได้หรือไม่?

สำหรับขวดน้ำพลาสติกขนาดเล็ก ปัจจุบันมีอยู่ 2 ชนิด คือขวดสีขาวขุ่น ทำจากพลาสติกชนิดพอลิเอทิลีน (PE)  และขวดใสไม่มีสีทำจากพลาสติกชนิดพอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PET) ซึ่งนิยมใช้กันมากกว่าขวดแบบขาวขุ่น

ขวดน้ำดื่มที่ทำจากพลาสติกชนิด PET พลาสติกเหล่านี้ไม่มีสารคลอรีนเป็นองค์ประกอบที่จะเป็นต้นกำเนิดของไดออกซิน หรือถึงแม้ว่าพลาสติกชนิดอื่น เช่น พอลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) มีสารคลอรีนเป็นองค์ประกอบ แต่อุณหภูมิของน้ำในขวดไม่ได้สูงมากพอที่จะทำให้เกิดสารไดออกซินขึ้นมาได้ อีกทั้งไม่นิยมใช้เพื่อบรรจุน้ำบริโภค

และจากการสืบค้นข้อมูลทางวิชาการที่มีการศึกษาวิจัย และเผยแพร่ในวารสารที่มีการพิจารณาตรวจแก้จากผู้ทรงคุณวุฒิ สรุปได้ว่า ไม่เคยมีรายงานการตรวจพบไดออกซินในพลาสติก

นอกจากนี้ ห้องปฏิบัติการไดออกซิน สำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยังทำการทดลองโดยซื้อตัวอย่างน้ำดื่มที่บรรจุในขวดพลาสติกชนิดพอลิเอทิลีน (PE) พอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PET) พอลิพรอพิลีน (PET)  พอลิคาร์บอเนต (PC)  และพอลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) ที่จำหน่ายในตลาดสดและซูเปอร์มาเก็ต จำนวน 18 ยี่ห้อ  และนำไปวางในรถที่จอดกลางแดดเป็นเวลา 1 วัน และ 7 วัน จากนั้นตรวจวิเคราะห์สารประกอบกลุ่มไดออกซิน จำนวน 17 ตัว และพีซีบี จำนวน 18 ตัว โดยใช้เทคนิคขั้นสูง Isotope Dilution และวัดปริมาณด้วยเครื่องมือ High Resolution Gas Chromatography/High Resolution Mass Spectrometry

ผลการวิเคราะห์สรุปว่า ตรวจไม่พบสารประกอบกลุ่มไดออกซินและพีซีบีในทุกตัวอย่าง

ดังนั้น สรุปได้ว่า ขวดพลาสติกบรรจุ น้ำดื่ม ทิ้งไว้ในรถ กลางแดด ไม่ได้มีสารไดออกซินปนเปื้อนลงไปในน้ำดื่มแต่อย่างใด สบายใจไปได้เปราะหนึ่งแล้วนะคะ

 

สำหรับสารเคมีอีกหนึ่งชนิด ที่คุณพ่อคุณแม่เป็นกังวลว่าจะสามารถแพร่ออกมาจากขวดน้ำพลาสติกและปนเปื้อนลงในน้ำดื่ม ได้แก่ สาร BPA มาไขข้อข้องใจกันต่อในหน้าถัดไป

อ่านต่อ รู้จัก สาร BPA คืออะไร คลิกหน้า 2>>

สาร BPA คืออะไร?

Bisphenol A (BPA) เป็นสารตั้งต้นเพื่อใช้ในการผลิตพลาสติก โดยเมื่อถูก form เป็นพลาสติกแล้ว เราจะเรียกพลาสติกชนิดนี้ว่า polycarbonates (PC)

Bisphenol A หรือรู้จักกันในชื่อ’BPA’ นั้นเป็นองค์ประกอบหลักของพอลิคาร์บอเนต ซึ่งเป็นพลาสติกชนิดหนึ่งที่แข็งและใส พลาสติกชนิดนี้จะมีสัญลักษณ์การรีไซเคิลพลาสติกเป็นหมายเลข ‘7’ หรือ ‘other’ มักใช้ทำขวดน้ำ ขวดนมเด็ก บรรจุภัณฑ์ รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น เลนส์สัมผัส ซีดี สารอุดฟัน เครื่องมือแพทย์และทันตกรรม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์กีฬา

สาร BPA นี้ มักถูกชะออกมาจากพลาสติกพอลิคาร์บอเนต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากภาชนะพลาสติกดังกล่าวบรรจุของเหลวที่มีฤทธิ์เป็นกรด หรือถูกทำความสะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์แรง หรือของเหลวที่มีอุณหภูมิสูง ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มจากขวดพอลิคาร์บอเนตมีระดับสาร BPA สูงกว่าผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มจากบรรจุภัณฑ์อื่นถึงสองในสามเท่า เช่นเดียวกับเด็กเล็กที่ดูดนมจากขวดก็พบว่ามีระดับของสารดังกล่าวสูงกว่าเด็กที่ดูดนมจากเต้า

BPA อันตรายอย่างไร?

การเกิดพิษของ BPA นั้นที่สำคัญคือ การรบกวนระบบต่อมไร้ท่อในร่างกาย ทั้งยังสามารถก่อให้เกิดโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เป็นพิษต่อตับ ระบบประสาทและระบบภูมิคุ้มกัน การก่อให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งด้วย ถึงแม้ว่าการได้รับ BPA ที่ปนเปื้อนมาในชีวิตประจำวันนั้นจะเลี่ยงไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม US EPA ได้กำหนดขนาดของการได้รับต่อวันไว้ที่ 50 ไมโครกรัมต่อน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ต่อวัน (ถ้าคนน้ำหนัก 80 กิโลกรัม จะสามารถรับสาร BPA ได้ 4 มิลลิกรัมต่อวัน) ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนี้เป็นปริมาณที่ปลอดภัยที่ร่างกายเมื่อได้รับ BPA จะสามารถกำจัดทิ้งหรือไม่เกิดพิษได้

เมื่อก่อนพลาสติก PC จะถูกนำมาใช้มากในขวดนมเด็ก ซึ่งหลังจากที่มีรายงานวิจัยที่เกี่ยวกับการปนเปื้อนของ BPA ออกมาตีพิมพ์อย่างมากมาย ทำให้หลายๆ ประเทศในกลุ่ม USA และ EU ทำการห้ามใช้ BPA ในขวดนมเด็ก รวมถึงของใช้และของเล่นของเด็กเล็ก จึงทำให้แบรนด์สินค้าสำหรับเด็กเล็กมักมีคำว่า BPA free ติดข้างผลิตภัณฑ์

อ่านต่อ วิธีเลือกภาชนะบรรจุอาหารให้ลูกน้อย สะดวก ปลอดภัยไร้สารเคมี

การควบคุมการใช้ BPA นั้นถูก focus กับผลิตภัณฑ์เด็กเล็ก เนื่องด้วยว่าเด็กมีน้ำหนักตัวน้อย (3-10 กิโลกรัม) หากคิดตามตัวเลขตามด้านบนแล้ว เด็กเพิ่งเกิดที่มีน้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัมจะทนต่อ BPA ได้แค่ 150 ไมโครกรัม หากเทียบให้เห็นภาพ 1 ขีดหนัก 100 กรัม ถ้าปริมาณ 100 ไมโครกรัม ก็คือหนึ่งในล้านของปริมาณของ 1 ขีด ซึ่งมีโอกาสเกิดพิษสูง หากได้รับ BPA เป็นเวลานานๆ

BPA มีผลต่อสุขภาพอย่างไร?

  1. ทำให้ระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ
  2. การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในเพศชาย
  3. ส่งผลให้เป็นโรคหัวใจในผู้หญิง
  4. ส่งผลให้เป็นโรคหัวใจในผู้ใหญ่
  5. ทำให้ฮอร์โมนในเพศชายมีการเปลี่ยนแปลง
  6. ทำให้เกิดโรคเบาหวานชนิดที่สอง
  7. มีผลต่อการทำงานของสมอง ความจำและการเรียนรู้
  8. มีผลต่อคุณภาพของไข่ในเพศหญิง
  9. ลดประสิทธิภาพการรักษาด้วยเคมีบำบัดในผู้ป่วย
  10. ทำให้เกิดมะเร็งเต้านม
  11. ทำให้เกิดโรคหืดหอบ

 อ่านต่อ สาร BPA ในขวดน้ำพลาสติก ทิ้งไว้ในรถ อันตรายหรือไม่ คลิกหน้า 3>>

สาร BPA ในขวดน้ำพลาสติก ทิ้งไว้ในรถ อันตรายหรือไม่

รศ.ดร.พลังพล คงเสรี ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล กล่าวถึง การดื่มน้ำในขวดพลาสติกแล้วเก็บไว้ในรถ หรือ พอน้ำหมดขวดแล้ว เอาขวดไปเติมน้ำเพื่อนำมาใช้ซ้ำ ในทางเคมีนั้นขวดน้ำพลาสติกสามารถใช้ซ้ำได้ แต่คนกังวลกันว่า สาร BPA bisphenol A ที่อยู่ในขวดพลาสติก จะหลุดออกมาปนเปื้อนในน้ำดื่ม จริงอยู่ที่สาร BPA ปริมาณเยอะๆ หรือปริมาณน้อยที่สะสมเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดความผิดปกติบางอย่าง แต่ความจริงคือ ขวดน้ำที่เราใช้เป็นขวด PET Polyethylene Terephthalate ซึ่งไม่ได้ใช้ BPA ในการผลิต ดังนั้น การตากแดดหรือได้รับความร้อนสูงจะไม่ทำให้เกิด BPA ออกมาจากขวดน้ำพลาสติก เพราะพลาสติกที่ใช้ไม่มีสาร BPA อยู่แล้ว

ข้อควรระวัง

สิ่งที่ต้องระวังจากการดื่มน้ำที่เปิดทิ้งไว้เป็นเวลานานๆ ก็คือ ในเรื่องการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ ไม่ว่าในบ้านหรือในรถก็ตาม เพื่อความปลอดภัย ควรทำตามคำแนะนำ ดังนี้

ชมคลิปจาก Mahidol Channel ด้านล่าง

อ่านต่อ บทความน่าสนใจ คลิก

BPA free สำคัญต่อลูกน้อยอย่างไร?

แก้วน้ำอันตราย เลือกใช้แก้วน้ำให้ปลอดภัย 6 ชนิค


ขอบคุณข้อมูลจาก : kapook.com , vcharkarn.com , mtec.or.th , mahidolchannel