AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

วิจัยเผย! “แปรงสีฟัน” แหล่งสะสมเชื้อโรค เสี่ยงลูกเป็นโรคช่องปาก

เชื่อหรือไม่? แปรงสีฟันเด็ก ที่คุณแม่ให้ลูกใช้แปรงฟัน แม้จะทำความสะอาดเป็นอย่างดี และวางไว้ในห้องน้ำอย่างเรียบร้อย ก็อาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคกว่า 10 ล้านตัว ซึ่งเป็นบ่อเกิดโรคทางช่องปากให้กับลูกน้อยได้

คุณแม่รู้หรือไม่ว่า …การทำความสะอาดแปรงสีฟันนั้นสำคัญพอ ๆ กับการเลือกซื้อแปรงสีฟันให้เหมาะสมลูก และการแปรงฟันอย่างถูกวิธีเลยทีเดียว เนื่องจากมีผลการวิจัยจากอังกฤษ ระบุว่า แปรงสีฟันเด็ก หรือทั้งของผู้ใหญ่นั้น อาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียได้มากถึง 10 ล้านตัว ซึ่งหากลูกใช้แปรงสีฟันที่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคแปรงฟันขณะมีแผลในช่องปากอาจทำให้ร่างกายได้รับเชื้อโรคผ่านทางบาดแผลได้

วิจัยเผย! แปรงสีฟันเด็ก แหล่งสะสมเชื้อโรค เสี่ยงลูกเป็นโรคช่องปาก

นับเป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่น้อย เมื่อ Charles Gerba นักจุลชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยแอริโซนาสเตต รายงานว่า สิ่งที่สะสมเชื้อโรคมากที่สุดในห้องน้ำคือ แปรงสีฟัน โดยเฉพาะหาก แปรงสีฟัน นั้นวางไว้ใกล้กับชักโครกมากเกินไป เพราะเวลาที่กดชักโครกขณะที่เปิดฝาทิ้งไว้ ละอองสิ่งสกปรกจะกระเด็นออกจากชักโครกไปติดตามพื้นผิวทุกอย่างในห้องน้ำ!

อีกทั้งเชื้อสเตรปโตค็อกคัส สแตฟฟีโลค็อกคัส ไข้หวัดใหญ่ และเริม สามารถมีชีวิตอยู่บนแปรงสีฟันที่มีทั้งอาหารและน้ำ (แม้เราจะล้างทำความสะอาดดีแล้วก็ตาม) แถมยังแพร่กระจายจากด้ามหนึ่งไปอีกด้ามหนึ่งได้อย่างง่ายดาย

ที่สำคัญทุกครั้งที่แปรงฟันก็จะมีเศษอาหาร แบคทีเรีย คราบเลือด และน้ำลายติดมากับ แปรงสีฟัน ซึ่งหากไม่ทำความสะอาดดีๆ หลังแปรงฟัน สารพันเชื้อโรคก็จะกลับเข้าร่างกายอีกครั้งเมื่อแปรงฟันครั้งต่อไป ส่งผลให้เกิดโรคในช่องปากและปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาอีกเป็นพรวน

อ่านต่อ >> “การทำความสะอาดและเก็บรักษาแปรงสีฟันให้ปลอดจากเชื้อแบคทีเรีย” คลิกหน้า 2


ขอบคุณที่มาจาก : www.gmlive.com

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ขณะที่ ดร.อาร์ ทอม กลาส แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคในช่องปากที่มหาวิทยาลัยโอคลาโฮมา บอกว่า แปรงสีฟัน แต่ละอันมีจุลินทรีย์อย่างน้อย 10 ล้านตัว! ซึ่งรวมถึงไวรัสไข้หวัดใหญ่สตาฟีโลคอคคัส สเตร็ปโตคอคคัส รวมถึงแบคทีเรียอีกหลายชนิดที่เป็นสาเหตุของโรคเหงือกและหินปูน โดยคำแนะนำที่ดีคือ พยายามเก็บ แปรงสีฟัน ของสมาชิกในครอบครัวให้ห่างกันอย่างน้อย 1 นิ้ว เพื่อไม่ให้เชื้อโรคติดต่อถึงกันได้ ให้เปลี่ยน แปรงสีฟัน ทุกครั้งหลังเป็นหวัด เป็นต้น
สำหรับการใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า ดร.อาร์ ทอม กลาส แห่งมหาวิทยาลัยโอคลาโฮมา กล่าวว่า การใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า ทำให้เชื้อโรคทำลายเหงือกของเราได้มากขึ้น ดังนั้นการใช้แปรงสีฟันแบบปกติที่มีขนาดเล็ก หัวแปรงสะอาด และเปลี่ยนทุกๆ 2 สัปดาห์จะดีกว่า

HOW – TO ทำความสะอาดแปรงสีฟันเด็ก แบบแม่มือโปร

หากคุณแม่สังเกตดี ๆ จะพบว่า เมื่อใช้งานแปรงสีฟันไปสักระยะอาจเกิดคราบสีเหลืองหรือสีดำบริเวณซอกขนแปรง ซึ่งสาเหตุของคราบดังกล่าวเกิดจากคราบเศษอาหารที่เหลือตกค้างจากการทำความสะอาด ร่วมกับการเก็บแปรงสีฟันในบริเวณที่อับชื้นจึงทำให้เกิดคราบเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียสะสมการป้องกันปัญหาดังกล่าวสามารถทำได้ดังนี้

1. หลังจากแปรงฟันแล้ว ต้องล้างแปรงสีฟันให้สะอาดทุกครั้ง โดยเปิดก๊อกน้ำให้น้ำไหลผ่านขนแปรงสักครู่ ใช้มือรูดขนแปรงเบา ๆ เพื่อชะล้างเศษอาหารที่ติดอยู่หลุดออก แต่ไม่ควรจุ่มแปรงสีฟันลงในแก้วน้ำ เพราะเชื้อโรคจากแปรงสีฟันจะถูกชะล้างลงในน้ำและกลับมาเกาะขนแปรงเช่นเดิม หลังจากนั้นต้องสะบัดขนแปรงให้แห้ง แล้วเก็บในที่แห้ง

2. หากแปรงสีฟันสกปรกมาก ให้บีบน้ำมะนาวลงบนขนแปรง ทิ้งไว้ 5 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง

3. ควรนำแปรงสีฟันที่ทำความสะอาดแล้วไปตากแดดสัปดาห์ละครั้ง เพื่อลดความชื้นและฆ่าเชื้อโรคได้บางส่วน

4. สำหรับผู้ป่วยที่เป็นหวัด ก่อนแปรงฟันสามารถแช่แปรงสีฟันลงในน้ำเกลือเพื่อช่วยกำจัดเชื้อโรค หรือเมื่อหายป่วยแล้วสามารถเปลี่ยนแปรงสีฟันใหม่เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อซ้ำจากขนแปรง

5. ไม่ควรให้ลูกใช้แปรงสีฟันร่วมกับคนอื่น

อ่านต่อ >> “การเก็บรักษาแปรงสีฟันให้ปลอดจากเชื้อแบคทีเรีย” คลิกหน้า 3

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

HOW – TO ทำความสะอาดแปรงสีฟันเด็ก แบบแม่มือโปร (ต่อ)

6. ล้างแปรงสีฟันให้สะอาด หลังจากที่ใช้แปรงสีฟันแล้วทุกครั้งให้ล้างแปรงสีฟันโดยให้น้ำก๊อกไหลผ่านแล้วสะบัดน้ำจากแปรงออกแล้วจึงนำแปรงมาวางไว้ในลักษณะตั้งตรงเพื่อให้น้ำที่ติดอยู่กับขนแปรงนั้นไหลออกจากขนแปรงได้ง่ายและปล่อยให้แปรงสีฟันแห้งในอาการที่โปร่ง และที่สำคัญการเก็บแปรงสีฟันนั้นไม่ควรเก็บไว้ในกล่องปิดเพราะนั้นจะทำให้ความชื้นบนขนแปรงนั้นจะทำให้เชื้อแบคทีเรียและเชื้อราสามารถเจริญเติบโตได้ดี

7. ไม่ควรนำแปรงสีฟันของสมาชิกในครอบครัววางไว้ใกล้กัน เพราะถ้าหากหัวของแปรงสีฟันชนกันแล้วละก็จะส่งผลทำให้เชื้อโรคส่งผ่านหากัน หากมีคนใดคนหนึ่งป่วยก็จะทำให้ติดเชื้อไวรัสได้เช่นกัน ดังนั้นควรทำความสะอาดแปรงสัปดาห์ละหนึ่งครั้งโดยการลวกในน้ำร้อนเป็นเวลาสั้น ๆ

8. หมั่นเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 3 เดือน หรือเมื่อสังเกตว่าขนแปรงบานหรือขนแปรงขาดแรงสปริงเวลาแปรง

เก็บแปรงสีฟันอย่างไรดี!

เมื่อทำความสะอาดแปรงสีฟันสะอาดแล้ว การเก็บแปรงสีฟันก็เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากเก็บไม่ถูกสุขลักษณะ ก็ไม่แคล้วทำให้สุขภาพช่องปากเราย่ำแย่ได้หลักการเก็บแปรงสีฟันให้ถูกวิธีมีดังนี้ค่ะ

♥ Tips วิธีเลือกแปรงสีฟันให้เหมาะกับช่องปาก

หนังสือ โรคของช่องปากและฟัน แนะนำวิธีเลือกแปรงสีฟันโดยสรุปว่า

อย่างไรก็ดีแม้ลูกน้อยอาจจะไม่ติดเชื้อจากแปรงสีฟันที่ใช้อยู่ แต่รู้หรือไม่ว่าความสะอาดและการดูแลแปรงสีฟันของเราเองเด็กนั้นก็เป็นเรื่องทีสำคัญและต้องใจใส่ การเก็บรักษาแปรงสีฟันเพื่อลดแบคทีเรียและเชื้อโรคที่จะไม่ทำให้เชื้อเหล่านี้มาสะสมอยู่ที่แปรงสีฟันของลูกน้อย เพื่อสุขอนามัยที่ดีนั่นเองค่ะ

อ่านต่อ “อ่านต่อบทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!


ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก นิตยสารชีวจิต