ภูมิแพ้ หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่างกันอย่างไร อาการ 3 โรคร้าย - Amarin Baby & Kids
ภูมิแพ้ หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่างกันอย่างไร

ภูมิแพ้ หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่างกันอย่างไร แยกให้ออกลูกเป็นโรคอะไรกันแน่!

account_circle
event
ภูมิแพ้ หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่างกันอย่างไร
ภูมิแพ้ หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่างกันอย่างไร

แยกให้ออก! ภูมิแพ้ หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่างกันอย่างไร วิธีสังเกตอาการลูกรักป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่

ภูมิแพ้ หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่างกันอย่างไร

ในช่วงท้ายของปีอย่างนี้ มีโรคร้ายมากมายที่เข้ามาเยี่ยมเยียน ทั้งฟ้าฝนที่ไม่เป็นใจทำให้สภาพอากาศมีความชื้นสูง ทั้งยังเริ่มมีลมหนาว อากาศเย็น แวะเวียนเข้ามาบ้างแล้ว อากาศทั้งร้อน ทั้งชื้น ทั้งหนาวแบบนี้ ขนาดคนสุขภาพดี ๆ ยังเจ็บป่วยกันได้ง่าย เด็กเล็ก ทารก จึงเป็นกลุ่มเสี่ยงอันตราย ที่จะเจอกับอาการป่วยได้ โดยโรคสำคัญที่พบได้บ่อย ได้แก่ ภูมิแพ้ หวัด ไข้หวัดใหญ่ แล้ว 3 โรคนี้ แตกต่างกันอย่างไร แม่จะสังเกตได้ไหมว่าลูกป่วยเป็นอะไรกันแน่

ทำไม 3 ภูมิแพ้ หวัด ไข้หวัดใหญ่ ถึงมีลักษณะอาการคล้ายคลึงกัน

พญ.ลินน่า งามตระกูลพานิช ผู้อำนวยการศูนย์โรคภูมิแพ้ และหอบหืด รพ.กรุงเทพ กล่าวว่า โรคภูมิแพ้ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ รวมถึงโควิด-19 มักจะมีอาการที่คล้ายคลึงกัน เพราะเป็นโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ อาการแสดงจึงคล้ายกัน โรคเหล่านี้ผู้ป่วยเป็นได้ตั้งแต่อาการเล็กน้อยจนถึงขั้นรุนแรง ความแตกต่างของอาการทั้ง ภูมิแพ้ หวัด และไข้หวัดใหญ่ หากทำความรู้จักจริง ๆ จะสามารถแยกอาการแตกต่างของโรคจากกันได้

โรคภูมิแพ้

ภูมิแพ้เป็นโรคที่เกิดจากการตอบสนองของร่างกายที่ไวต่อสารก่อภูมิแพ้มากกว่าปกติ จนเกิดอาการที่ผิดปกติกับอวัยวะที่สัมผัสสารก่อภูมิแพ้นั้น ๆ ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้แต่ละคนจะมีอาการแตกต่างกัน รวมถึงระดับความรุนแรงที่ไม่เท่ากันด้วย เนื่องจากชนิดของสารก่อภูมิแพ้ที่ได้รับและการตอบสนองของร่างกายแต่ละบุคคลนั้นแตกต่างกัน โดยอาการของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จะเกิดตามอวัยวะที่มีการอักเสบจากการกระตุ้นของสารก่อภูมิแพ้

ภูมิแพ้ หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่างกันอย่างไร
ภูมิแพ้ หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่างกันอย่างไร

อาการสำคัญของโรคภูมิแพ้มีดังนี้

  • ผื่นคัน เกิดผื่นแพ้
  • คันตา
  • น้ำตาไหล
  • คันจมูก/คัดจมูก
  • จาม
  • มีน้ำมูก
  • ไอ
  • หอบ
  • แน่นหน้าอก
  • หายใจไม่คล่อง

การรักษาและวิธีป้องกันโรคภูมิแพ้

ควรหลีกเลี่ยงจากสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการแพ้จะเป็นวิธีป้องกันโรคภูมิแพ้ได้ดีที่สุด ส่วนการรักษาควรใช้ยาตามแพทย์สั่ง อาจต้องล้างจมูก พ่นยาจมูก เพื่อป้องกันไม่ให้อาการภูมิแพ้กำเริบ

ภูมิแพ้ หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่างกันอย่างไร
ภูมิแพ้ หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่างกันอย่างไร

โรคไข้หวัด

ไข้หวัดเป็นโรคติดเชื้อพบได้บ่อย ๆ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งไวรัสนั้นก็มีอยู่หลายสายพันธุ์ พบได้ในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงความรุนแรงของโรคไม่มาก หวัดนั้นสามารถหายเองได้ในไม่กี่วัน การติดต่อของเชื้อหวัดสามารถติดต่อได้ผ่านทางน้ำมูก น้ำลายและเสมหะ ด้วยการหายใจเอาเชื้อที่กระจายจากการไอ จาม หรือมือที่เปื้อนเชื้อโรคสัมผัสจมูกหรือตา

อาการสำคัญของโรคหวัดมีดังนี้

  • คัดจมูก
  • น้ำมูกไหลลักษณะใส
  • ไอมีเสมหะ
  • จาม
  • เจ็บคอ
  • เสียงแหบ
  • ไข้ต่ำ ๆ
  • ปวดศีรษะ

การรักษาและวิธีป้องกันโรคหวัด

อาการของโรคหวัดมักเป็นไม่เกิน 2-5 วัน แต่อาจมีน้ำมูกไหลนาน 10-14 วัน ในบางรายอาจจำเป็นต้องกินยาแก้คัดจมูกและยาลดไข้ การดูแลร่างกายทำได้ตั้งแต่การดื่มน้ำอุ่น พักผ่อนนอนหลับให้มาก เช็ดตัวเมื่อมีอาการไข้ หรือกลั้วคอด้วยน้ำเกลือจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอหรือระคายเคืองลงได้ แต่ในเด็กเล็กหรือทารก หากพบว่าอาการผิดปกติ ควรได้รับการตรวจและวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาการรักษาให้เหมาะสม

โรคไข้หวัดใหญ่

ไข้หวัดใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza virus) แบ่งเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล เชื้อไข้หวัดใหญ่ที่พบมานานอาการไม่รุนแรง และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่พบปะปนกับสายพันธุ์ต่าง ๆ ทั่วไป

อาการสำคัญของโรคไข้หวัดใหญ่มีดังนี้

  • ไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส ไข้สูงติดกันหลายวัน
  • ปวดศีรษะ
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • ไอแห้ง ๆ
  • จาม
  • เจ็บคอ
  • มีน้ำมูก

การรักษาและวิธีป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

โรคไข้หวัดใหญ่สามารถติดต่อได้โดยผ่านการสัมผัสเสมหะ การไอ จาม หรือแม้แต่การใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย โดยใช้ระยะเวลาการฟักตัวของโรค 1-4 วัน สามารถหายเองภายใน 1-2 สัปดาห์ ส่วนแนวทางการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่จะมียาต้านไวรัส ใช้ยาลดไข้ เช่น พาราเซตตามอล หรือเช็ดตัวบ่อย ๆ พักผ่อนมาก ๆ ดื่มน้ำสะอาดหรือจิบน้ำอุ่น และรับประทานยาลดอาการต่าง ๆ เช่น ยาแก้ไอ และยาลดน้ำมูก สำหรับเด็กไม่ควรรับประทานยาลดไข้ชนิดแอสไพริน เพราะอาจเกิดอาการตับวายและสมองอักเสบ การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ เด็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี ผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ไตวาย เบาหวาน ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด ผู้พิการทางสมอง ผู้ป่วยธาลัสซีเมีย ผู้ที่มีผู้คุ้มกันบกพร่อง และผู้ที่เป็นโรคอ้วน

ข่าวล่าสุดในเดือนพฤศจิกายน 2563 กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคทรวงอก ได้เตือนให้ระวังโรคไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดเป็นประจำทุกปีในฤดูฝนและหนาว ซึ่งไข้หวัดใหญ่นั้นมักจะมีอาการที่รุนแรง และอาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด ไตวาย เบาหวาน โรคหัวใจ รวมถึงผู้ที่มีภูมิต้านทานร่างกายไม่แข็งแรง อาจมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น โรคปอดอักเสบที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย และภาวะขาดน้ำ

3 อาการเด่นของทั้ง 3 โรคภูมิแพ้ หวัด ไข้หวัดใหญ่ ที่แตกต่าง

  • ภูมิแพ้ – ผื่นแพ้ คันตา หายใจไม่คล่อง
  • หวัด – ไอมีเสมหะ เสียงแหบ ไข้ต่ำ
  • ไข้หวัดใหญ่ – ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไอแห้ง ไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส

หากสังเกตอาการลูกดี ๆ จะพบความแตกต่างและสามารถแยกเบื้องต้นได้ว่าลูกป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ หวัด หรือไข้หวัดใหญ่กันแน่ สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการดูแลสุขภาพของลูกรักในช่วงที่ยังมีโรคระบาดอย่างโควิด-19 และโรคร้ายประจำปีอย่างนี้ พ่อแม่ต้องคอยดูแลเรื่องความสะอาด ล้างมือบ่อย ๆ สวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่และโรคเรื้อรังอื่น ๆ

อ้างอิงข้อมูล : dmh.go.th และ pr.moph.go.th

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

ผลเสียของการให้ลูกเล่นโทรศัพท์ ทารกดูมือถือนานกระทบต่อความฉลาด!

นมแม่หดถึงคราวพึ่ง นมกล่อง เลือกยังไงหากลูกแพ้นมวัว

อันตรายไหม?ลูก นอนหลับ แล้วทำไมตาปิดไม่สนิทกรอกไปมา

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up