AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

โรคหัด หัดเยอรมัน ต่างกันอย่างไร

หนาวนี้ระวัง โรคหัด หัดเยอรมัน ระบาดให้ดี! พร้อมวิธีการสังเกต ลูกป่วยเป็นโรคดังกล่าวหรือไม่

 

 

ทราบหรือไม่คะว่า หนึ่งในโรคที่มักจะระบาดในช่วงหน้าหนาวนั้นก็คือ โรคหัด และหัดเยอรมันนั่นเอง ซึ่งถือว่าเป็นโรคที่พบได้บ่อยในหน้านี้ ที่สำคัญ หากคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ติดโรคดังกล่าว ก็อาจส่งผลให้ทารกในครรภ์นั้นพิการได้

ด้วยความเป็นห่วง ทีมงาน Amarin Baby and Kids จะมาขอนำเสนอเรื่องราวของสองโรคนี้ พร้อมกับวิธีการสังเกตอาการของลูกและความแตกต่างระหว่างโรคหัดธรรมดากับโรคหัดเยอรมันด้วยเช่นกัน ถ้าพร้อมแล้ว ไปทำความเข้าใจพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

โรคหัดคืออะไร?

คือโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส Measles พบได้บ่อยในเด็กวัยก่อนเรียน คืออายุ 1-4 ปี เด็กอายุต่ำกว่าหกเดือนมักจะไม่เป็นเพราะได้รับภูมิคุ้มกันจากแม่ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ มีการระบาดในหน้าหนาว ติดต่อได้ง่ายมาก โดยการหายใจเอาละอองเสมหะจากการไอจามของผู้ที่เป็นโรค ซึ่งสามารถแพร่เชื้อได้ ก่อนผื่นขึ้น 5 วันจนถึง 5 วันหลังผื่นขึ้น หลังจากเด็กได้สัมผัสโรคได้ประมาณ 10 วัน ก็จะเริ่มมีไข้ ไอ น้ำมูกไหล และมักมีตาแดงร่วมด้วย

อ่านต่อ อาการของโรคหัดได้ที่หน้าถัดไปค่ะ >>

 

อาการของโรค

ยิ่งนานวันไข้ก็ยิ่งสูงขึ้นและลอยอยู่ วันที่ 2 หรือ 3 ของไข้จะมีจุดขาว ๆ ขนาดหัวเข็มหมุดในเยื่อบุปาก โดยเฉพาะใกล้ฟันกรามล่าง วันที่ 4 ของไข้ซึ่งเป็นวันที่ไข้สูงสุด จะมีผื่นเป็นจุดนูนแดงเล็ก ๆ คล้ายผด ไม่มีอาการคัน ปรากฏที่หน้าและหลังหูก่อน แล้วค่อยกระจายไปทั่วตัว และแขนขาในเวลา 3 วัน เมื่อผื่นถึงขาแล้ว ไข้ทีสูงลอยอยู่จะลดลงอย่างรวดเร็ว อาการต่าง ๆ ก็จะค่อยดีขึ้น ผื่นจะมีสีคล้ำลง และลอก เหลือตัวเป็นจุดลาย ๆ กระดำกระด่างต่อไปประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ เด็กบางคนอาจมีโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้น เช่น หูน้ำหนวก ท้องเสีย ปอดบวมหรือสมองอักเสบ เราจะทราบโดย เด็กพวกนี้เมื่อผื่นกระจายมาถึงขาแล้ว ไข้ไม่ยอมลดหรือลดลงสู่ปกติไปแล้ว กลับสูงขึ้นมาอีก และมีอาการเฉพาะโรคเกิดขึ้นเช่นปวดหู มีหนองไหลจากหู ถ่ายอุจจาระบ่อยเป็นน้ำหรือเป็นมูก หายใจเร็วหอบเขียว หรือปวดหัว อาเจียน ซึม หมดสติ ชัก

หากพบว่าเด็กมีอาการตามที่ได้กล่าวไปแล้ว อย่ารอช้านะคะ ให้รีบพาไปหาแพทย์โดยด่วน เนื่องจากมีอันตรายถึงชีวิตได้

การรักษา

การป้องกัน

โดยปกติวัคซีนป้องกันโรคหัดเป็นวัคซีนตามเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องฉีดให้เด็กทุกคนที่อายุระหว่าง 9 ถึง 12 เดือน ฉีดเพียงครั้งเดียวสามารถป้องกันโรคหัดได้ตลอดไป และให้ฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่อเด็กอายุ 4 ถึง 6 ปี วัคซีนป้องกันโรคหัดมีทั้งชนิดเดี่ยวและชนิดที่รวมกับวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันและโรคคางทูม ในเข็มเดียวกัน

โรคหัดและหัดเยอรมันต่างกันอย่างไร หาคำตอบ คลิก!

 

โรคหัด หัดเยอรมัน ต่างกันอย่างไร?

โรคหัดเยอรมันเกิดจากไวรัสคนละชนิดกับที่ทำให้เกิดโรคหัด มักพบเป็นบ่อยในเด็กโต และวัยหนุ่มสาว อาการอ่อนกว่าโรคหัด อาการมีน้อยและไม่รุนแรงเท่ากับเด็กเล็ก ๆ อาจปรากฎอาการผื่นเป็นอาการแรกโดยไม่มีไข้นำมา เด็กโตจะมีไข้และเลือดไหล ไอ จะมีเจ็บคอ ตาแดงเล็กน้อย นำมาก่อน 1-5 วัน ต่อมน้ำเหลืองบริเวณใต้ท้ายทอยหลังหู และหลังคอ โต และเจ็บเล็กน้อย ผื่นจะเริ่มที่หน้า เป็นเม็ดนูนเล็ก ๆ คล้ายหัด แต่สีออกชมพูไม่คล้ำเหมือนหัด กระจายไปทั่วตัวและแขนขาในหนึ่งวันเร็วกว่าหัด ผื่นจะจางหายไปหมดไม่เหลือร่องรอย และไม่ลอกภายใน 2-3 วัน ตรงที่เกิดก่อนจะหายก่อน บางคนอาจเป็นโรคหัดเยอรมันโดยไม่มีผื่นขึ้นเลยก็ได้ แต่มีเป็นส่วนน้อย

โรคแทรกซ้อนพบน้อย และไม่ค่อยรุนแรง เช่น ข้ออักเสบ จุดเลือดออกและสมองอักเสบ ยกเว้นถ้าเป็นกับหญิงมีครรภ์ จะทำให้เด็กที่เกิดมามีความพิการสมองเล็ก หูหนวก ตาเป็นต้อกระจก หัวใจพิการแต่กำเนิดได้

โรคนี้มีวัคซีนป้องกันที่ดีแล้วเช่นกัน อาจฉีดพร้อมกับวัคซีนหัดและคางทูมเมื่ออายุได้ 9-12 เดือนหรือฉีดอย่างเดียวเมื่อลูกอายุครบ 12 ปีก็ได้ค่ะ เรียกได้ว่าให้ครั้งเดียวคุ้มกันได้ตลอดชีวิตเลย

ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่คะ เพื่อเป็นการป้องกัน เมื่อไรก็ตามที่ถึงเวลาฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดนั้น อย่าพลาดหรือมองข้ามเพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องไกลตัวเด็ดขาดนะคะ  และถ้าหากพบว่า ลูกน้อยของเรามีอาการน่าสงสารตามที่ได้กล่าวมาในเบื้องต้นแล้ว อย่ารอช้า รีบพาพบแพทย์ทันที ของแบบนี้รอช้าไม่ได้นะคะ เพราะถือเป็นอีกโรคที่สามารถเป็นอันตรายต่อชีวิตลูกของเราเลยก็ว่าได้ค่ะ

เครดิต: Happy และ Bangkok Health

อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids