ช่วงหน้าฝน ยิ่งฝนตกบ่อยๆ อาจเป็นโอกาสให้ยุงเพาะพันธุ์เพิ่มมากขึ้น และเสี่ยงต่อการเกิดโรคติดต่อได้ เช่น อาการไข้เลือดออก ที่เกิดจากยุงลาย ซึ่งล่าสุดมีข่าวเรื่องการระบาดของโรคไข้เลือดออก พบผู้ป่วยพุ่งสูงถึง 3,000 ราย ภายในสัปดาห์เดียว คุณพ่อคุณแม่จึงควรระมัดระวัง
โดยข้อมูลข่าวจาก Amarin TV ระบุว่าในปี 2561 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ไปจนถึงวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา พบผู้ป่วยทั้งหมด 40,194 ราย และเสียชีวิตแล้วกว่า 48 ราย ซึ่งกลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คือ วัยเด็กไปจนถึงวัยทำงาน ทางด้าน อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้ออกมาแนะนำให้ประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ควรป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัดอย่างยิ่ง
ความรุนแรงของ อาการไข้เลือดออก
โรคไข้เลือดออก เกิดจากเชื้อไวรัสเด็งกี่ โดยมีพาหะนำโรคคือยุงลาย ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมาก หลังจากมีไข้มาแล้วหลายวัน อาจเกิดภาวะการไหลเวียนโลหิตล้มเหลว หรือภาวะช็อก มีอาการกระสับกระส่าย ปลายมือปลายเท้าเย็น ปัสสาวะน้อยลง ไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว ความดันโลหิตลดต่ำ วัดชีพจรไม่ได้ จนถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด
ชมคลิปข่าวได้ที่นี่
อ่านต่อ “วิธีการป้องกันไม่ให้ยุงกัด” คลิกหน้า 2
วิธีการป้องกันไม่ให้ยุงกัด
ให้ยึดหลัก 3 เก็บ ดังนี้
1.เก็บบ้านให้สะอาด ป้องกันไม่ให้มีมุมมืด หรืออับชื้น ซึ่งเป็นที่เกาะพักของยุง
2.เก็บขยะ เศษภาชนะ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
3.เก็บน้ำ ภาชนะที่ใส่น้ำควรปิดฝา ไม่ปล่อยให้น้ำท่วมขัง เพื่อป้องกันยุงวางไข่ หรือเพาะพันธุ์
หากทำได้ทั้ง 3 ข้อนี้ จะสามารถป้องกันได้ถึง 3 โรค คือ โรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิก้า และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย นอกจากนี้ควรสังเกตตัวเอง และทุกคนในครอบครัว หากมีไข้สูงเฉียบพลัน หรือมีไข้นานเกิน 2 วัน รู้สึกอ่อนเพลีย ปวดเมื่อย หรือตาแดง มีผื่นขึ้นใต้ผิวหนัง ตามแขนขา หรือข้อพับ ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีที่โรงพยาบาล อย่าปล่อยไว้นาน หรือชะล่าใจ เพราะหากล่าช้าอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน และเสี่ยงเสียชีวิตได้
อ่านต่อ “โรคใกล้ตัวที่ต้องระวังในหน้าฝน” คลิกหน้า 3
โรคใกล้ตัวที่ต้องระวังในหน้าฝน
ในหน้าฝน นอกจากโรคไข้เลือดออกแล้ว คุณพ่อคุณแม่ต้องระมัดระวังโรคอื่นๆ เพิ่มเติม ได้แก่
1.โรคมาลาเรีย ซึ่งเกิดจากยุงก้นปล่อง พบมากในป่า หรือที่ที่มีต้นไม้มากๆ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่วางแผนจะพาลูกน้อยไปเที่ยวภูเขา ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะโรคนี้มีความรุนแรงมากกว่าโรคไข้เลือดออก ควรเตรียมยากันยุงติดตัวไปด้วยเสมอ
2.โรคหวัด ซึ่งเป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดในเด็ก โดยจะมีอาการเจ็บคอ น้ำมูกไหล คัดจมูก หายใจไม่สะดวก ไอ จาม เสียงแหบ อ่อนเพลีย และรู้สึกไม่สบายตัว คุณพ่อคุณแม่ควรป้องกันโดยการให้ลูกล้างมืออยู่เสมอ และสวมหน้ากากอนามัยป้องกันเมื่ออยู่ใกล้คนเป็นหวัด
3.โรคฉี่หนู เป็นโรคที่มากับน้ำท่วมขังในหน้าฝน ทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ หรือข้อต่อ เจ็บช่องท้อง รู้สึกเหนื่อยล้า ตาแดง หรือระคายเคืองตา มีผื่นข้น และไม่อยากอาหาร ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันหากต้องลุยน้ำ เช่น รองเท้าบู๊ต รีบอาบน้ำให้สะอาดเมื่อต้องโดนน้ำสกปรก
4.โรคมือเท้าปาก เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม เอนเทอโรไวรัส ทำให้มีตุ่ม ผื่น หรือแผลอักเสบ มีหนองที่ผิวหนังบริเวณมือ เท้า และปาก ซึ่งสร้างความเจ็บปวดให้ลูกน้อย รวมถึงมีอาการอื่นๆ เช่น ไอ เจ็บคอ อ่อนเพลีย ปวดท้อง ไม่อยากอาหาร คุณพ่อคุณแม่สามารถป้องกันโรคให้ลูกน้อยได้โดยการล้างมือบ่อยๆ ตัดเล็บให้สั้น หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกับคนอื่น ใช้ช้อนกลาง และรักษาความสะอาดอยู่เสมอ
คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลสุขภาพของตัวเอง และลูกน้อยให้ดี ควรล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ ป้องกันไม่ให้มียุงมาเพาะพันธุ์ หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม คุณพ่อคุณแม่สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม คลิก!!
อัพเดท! วัคซีนไข้เลือดออก ต้องเป็นก่อนถึงฉีดได้
ลูกเป็นไข้เลือดออก กว่าแม่จะรู้เกือบสาย!
ผู้ป่วยเด็กพุ่ง! ไข้เลือดออกระบาดหนัก ภาคอีสาน!!
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่