คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงกำลังเฝ้าติดตามเกี่ยวกับข่าวคราวการขึ้นทะเบียน วัคซีนไข้เลือดออก และหลายๆ โรงพยาบาลก็ได้นำวัคซีนมาให้บริการกันแล้ว แต่เนื่องจากเป็นวัคซีนตัวใหม่ ทำให้เกิดคำถามว่า ฉีดแล้วจะป้องกันโรคได้ดีไหม? ต้องอายุเท่าไรถึงฉีดได้? มีผลข้างเคียงหรือไม่? ฉีดแล้ววัคซีนจะอยู่ได้นานกี่ปี? นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลล่าสุดมาอีกว่า วัคซีนไข้เลือดออก จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคสำหรับคนที่เคยติดเชื้อไวรัสเดงกีมาก่อนเท่านั้น ทีมงาน Amarin Baby & Kids ขอรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนไข้เลือดออกมาให้คุณพ่อคุณแม่ได้ตัดสินใจกันก่อนพาลูกไปฉีดกันค่ะ
อัพเดท! วัคซีนไข้เลือดออก ต้องเป็นก่อนถึงฉีดได้
ทำความรู้จักกับโรคไข้เลือดออกกันก่อน
- โรคไข้เลือดออกในประเทศไทย เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (dengue virus)
- เชื้อไวรัสเดงกีมี 4 สายพันธุ์ เชื่อว่าเมื่อติดเชื้อไวรัสเดงกีสายพันธุ์หนึ่งแล้วจะมีภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์นั้นไปตลอดชีวิต แต่ก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อไวรัสเดงกีสายพันธุ์อื่นซึ่งร่างกายยังไม่มีภูมิคุ้มกันได้เช่นกัน
- คนที่ติดเชื้อจากไวรัสเดงกีจะแสดงอาการต่างกัน บางรายอาจแค่มีไข้เล็กน้อยและหายได้เอง แต่ในบางรายอาจมีอากาารรุนแรงมาก เช่น มีไข้สูงมาก มีเลือดออกมากจนช็อคอย่างรุนแรง
- ทางการแพทย์เชื่อว่า การติดเชื้อไวรัสเดงกีจากเชื้อดคนละสายพันธุ์ในครั้งหลัง อาจทำให้มีอาการรุนแรงมากขึ้น
- ในขณะนี้ยังไม่มียารักษาที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสเดงกีได้ แต่โรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่สามารถหายได้เองจากภูมิคุ้มกันที่ตัวเองสร้างขึ้น สิ่งที่แพทย์จะทำหากลูกติดเชื้อไวรัสเดงกี คือ รักษาแบบประคับประคอง ให้น้ำเกลือ ให้เลือด ให้เกร็ดเลือด และเผ้าระวังไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ
- การป้องกันโรคไข้เลือดออกที่ดีที่สุดคือการป้องกันยุง อย่าให้ยุงกัด และทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
วัคซีนไข้เลือดออก คืออะไร?
วัคซีนไข้เลือดออก (Dengue Vaccine) เป็นวัคซีนผลิตจากเชื้อไวรัสมีชีวิต แต่ถูกทำให้ฤทธิ์อ่อนลงจนไม่สามารถก่อโรคในคนได้ ใช้ฉีดกระตุ้นเพื่อให้ร่างกายสร้างสารภูมิต้านทาน ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสเดงกี่ (Dengue) สาเหตุของโรคไข้เลือดออก
คำแนะนำในการฉีดวัคซีนไข้เลือดออก
ขอบคุณข้อมูลภาพจาก : www.chulalongkornhospital.go.th
- วัคซีนไข้เลือดออก สามารถป้องกันเชื้อได้ครอบคลุมทั้ง 4 สายพันธุ์ แต่ระดับการป้องกันเชื้อแต่ละสายพันธุ์จะแตกต่างกัน
- ประสิทธิภาพของวัคซีนต่อการป้องกันโรคโดยรวมเมื่อฉีดครบจำนวน 3 เข็ม อยู่ที่ประมาณ 65.6 %
- เพื่อให้ได้รับประสิทธิภาพต่อการป้องกันโรคสูงสุด ต้องฉีดทั้งหมด 3 เข็ม โดยฉีดห่างกัน 6 เดือน
- แนะนำสำหรับเด็กที่มีอายุ 9 ขึ้นไป และในผู้ใหญ่
- ในกลุ่มเด็กอายุมากกว่า 9 ปีและผู้ใหญ่ที่ได้รับวัคซีน เมื่อถูกยุงกัดและเป็นไข้เลือดออกตามธรรมชาติ วัคซีนสามารถลดการเกิดโรคไข้เลือดออกที่รุนแรงได้ และลดอัตราการนอนโรงพยาบาลได้ประมาณ 80%
- สามารถป้องกันโรคได้นาน 6 ปีเป็นอย่างต่ำ แต่ยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอว่าสามารถป้องกันโรคไปได้นานแค่ไหน เนื่องจากวัคซีนเพิ่งทดลองกับอาสาสมัครไปเพียง 6 ปี
- วัคซีนอาจเพิ่มความเสี่ยงในคนที่ไม่เคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาก่อน ดังนั้นจึงแนะนำให้ใช้เฉพาะคนที่เคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาแล้วเท่านั้น โดยมีคำแนะนำในการฉีดดังนี้
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
- สำหรับเด็กอายุ 9-45 ปี หากเคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน สามารถฉีดวัคซีนได้
- อายุ 15-45 ปี ที่น่าจะเคยติดเชื้อไวรัสเดงกีมาก่อน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการฉีดวัคซีน
- อายุ 9-15 ปี ไม่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีน (ควรรอข้อมูลและคำแนะนำในอนาคต)
- สำหรับคนที่เคยฉีดวัคซีนแล้ว 1-2 ครั้ง และมีอายุเกิน 15 ปีหรือเคยเป็นไข้เลือดออกแล้ว สามารถให้วัคซีนคร้้งต่อไปได้
- สำหรับคนที่เคยฉีดวัคซีนแล้ว 1-2 ครั้ง แต่ยังไม่เคยเป็นไข้เลือดออก ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดวัคซีนครั้งต่อไป
คำเตือนของการฉีด วัคซีนไข้เลือดออก
- ผู้ที่มีปฏิกิริยาแพ้รุนแรงหลังได้รับวัคซีนเข็มแรกหรือมีอาการแพ้ส่วนประกอบใด ๆ ของวัคซีน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพราะเสี่ยงเกิดอาการแพ้ตามมา
- ผู้ป่วยอาการปานกลางถึงรุนแรง มีไข้สูง หรือเป็นโรคไม่ร้ายแรงที่หายได้ภายในระยะสั้น ควรรอให้อาการดีขึ้นหรือหายขาดก่อนฉีดวัคซีนไข้เลือดออก รวมทั้งควรแจ้งแพทย์ให้ทราบถึงประวัติการป่วยของตนเอง
- ผู้มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น ติดเชื้อเอชไอวี เป็นโรคทางพันธุกรรมหรือโรคที่มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน อยู่ในช่วงรับประทานยาหรือเข้ารับการรักษาที่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น ควรแจ้งแพทย์และขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนก่อนทุกครั้ง
- เด็กอายุต่ำกว่า 9 ปี ไม่ควรฉีดวัคซีน เนื่องจากไม่อาจยืนยันถึงผลดีและผลเสียหลังได้รับวัคซีน
- หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรฉีดวัคซีนไข้เลือดออก ควรรอจนกว่าคลอดบุตรเรียบร้อย เพราะยังไม่มีรายงานยืนยันว่าปลอดภัยต่อทารก
- หญิงที่วางแผนมีบุตรควรทิ้งระยะเวลาตั้งครรภ์หลังฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เดือน
ผลข้างเคียงจากการใช้วัคซีนไข้เลือดออก
ผลข้างเคียงทั่วไป
- เจ็บหรือปวด บวมแดง ช้ำ หรือคันบริเวณที่ฉีดวัคซีน
- ปวดศีรษะ
- รู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว
- ปวดกล้ามเนื้อ
- อ่อนเพลีย หมดแรง
- มีไข้
สำหรับบางรายอาจเกิดผลข้างเคียงที่พบได้ไม่บ่อย ซึ่งคาดว่าพบได้ 1 ใน 100 คน เช่น
- ติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ
- เวียนศีรษะ คลื่นไส้
- เจ็บบริเวณคอหอย
- ไอ
- น้ำมูกไหล
- ปวดคอ
- ผิวหนังบริเวณที่ฉีดวัคซีนบวมเป็นไตแข็ง
- ต่อมน้ำเหลืองโต
- ปวดศีรษะข้างเดียว
- ปวดตามข้อ
- มีอาการคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย หนาวสั่น ปวดศีรษะ เป็นต้น
- ลมพิษ มักพบในเด็กอายุ 9-17 ปี
นอกจากนี้ บางรายอาจเกิดอาการแพ้รุนแรง แต่พบได้ค่อนข้างน้อย คิดเป็นประมาณ 1 ใน 10,000 คน โดยอาจมีอาการหายใจลำบาก ผื่นขึ้น ใบหน้าหรือลำคอบวม ปากและลิ้นเป็นสีม่วงคล้ำ ความดันเลือดต่ำจนทำให้เวียนศีรษะหรือล้มหมดสติ หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกอายุไม่ถึง 9 ปี แนะนำให้รอข้อมูลและคำแนะนำในอนาคตนะคะ ไม่ควรรีบไปฉีดเพราะอาจมีความเสี่ยงได้ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกอายุ 9 ปีขึ้นไปและเคยเป็นไข้เลือดออกแล้ว ลองใช้ข้อมูลเหล่านี้ประกอบการติดสินใจได้นะคะ เพราะถึงแม้ว่าจะสามารถป้องกันโรคได้เพียง 65% แต่สามารถลดความรุนแรงหากลูกติดเชื้อไวรัสอีกสายพันธุ์ได้ถึง 80% เลยค่ะ
ข้อมูลนี้อ้างอิงจาก :
Sanofi Pasteur. Sanofi updates information on dengue vaccine, Thai Travel Clinic Bloc, pobpad.com
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่
เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังแล้ว ไข้เลือดออกในเด็ก ระบาดหนัก
5 วิธีปราบยุง ต้นเหตุไข้เลือดออก แบบไม่บาป
แม่แชร์! กว่าจะรู้ว่า ลูกเป็นไข้เลือดออก ก็เกือบสาย
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่