AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

UN เผย เด็กเสียชีวิตวันละกว่า 1.5 หมื่นคน จากโรคที่ป้องกันได้!

สหประชาชาติเผย มีเด็กเสียชีวิตวันละ 15,000 คน จากทั่วโลก โดยส่วนมากเป็นเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากโรคที่สามารถป้องกันได้ ถือเป็นจำนวนที่สูงอย่างยอมรับไม่ได้

โดยรายงานของสหประชาชาติระบุว่า แม้อัตราการเสียชีวิตของเด็กทารกลดลงอย่างมาก แต่ทั่วโลกยังคงมีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีเสียชีวิตวันละ 15,000 คนจากโรคที่สามารถป้องกันได้

UN เผย เด็กเสียชีวิต วันละกว่า 1.5 หมื่นคน จากโรคที่ป้องกันได้!!

ซึ่งทางรายงานเตือนว่า นับจากนี้จนถึงปี 2573 จะมีเด็กเล็กกว่า 60 ล้านคนเสียชีวิตจากโรคที่สามารถรักษาได้ เนื่องจากยังมีบางประเทศในแอฟริกาและเอเชียใต้ที่ยังขาดแคลนการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติหรือยูนิเซฟ องค์การอนามัยโลก และธนาคารโลกระบุในรายงานว่า เมื่อปี 2559 มีเด็กราว 5.6 ล้านคนเสียชีวิตก่อนอายุครบ 5 ปี ตัวเลขดังกล่าวลดลงอย่างมากจากเมื่อปี 2533 ซึ่งมีจำนวนถึง 12.6 ล้านคน แต่การเสียชีวิตของเด็กเล็ก 15,000 คนต่อวัน ก็ยังถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก

รายงานระบุว่า โรคที่สามารถป้องกันได้แต่คร่าชีวิตเด็กมากที่สุด ได้แก่

⇒ Must read : ปอดอักเสบ ในเด็ก (ปอดบวม) ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
⇒ Must read : รู้จัก ไวรัสโรต้า ต้นเหตุลูกน้อยท้องร่วง พร้อมราคาวัคซีน
⇒ Must read : ทำไม ยุงชอบกัดลูก และเด็กเล็ก?

 

โดยช่วงที่เด็กมีความเสี่ยงสูงสุดคือช่วงไม่กี่วันแรกหลังเด็กเกิด ซึ่ง 45% ของการเสียชีวิตเกิดขึ้น ก่อนที่เด็กจะอายุครบ 1 เดือน

 

นอกจากนี้ในรายงานยังได้ระบุอีกว่า…

 

อ่านต่อ >> โรคภาวะทุพโภชนาการ
สาเหตุหลักที่ทำให้เด็กเสียชีวิตกว่าครึ่งหนึ่งทั่วโลก” คลิกหน้า
2


ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก สำนักข่าวไทย และ www.prachachat.net

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ทั้งนี้การประชุมเวิร์ลด์ซัมมิทเมื่อปี พ.ศ.2558 กำหนดเป้าหมายที่จะลดอัตราการเสียชีวิตของเด็กทารกในปี พ.ศ.2573 ให้เด็กมีอัตราการเสียชีวิตน้อยลงที่ 25 คน ต่อเด็กเกิดใหม่ 1,000 คน ซึ่งตอนนี้มีอัตราการเสียชีวิตที่ 41 คน จากเด็ก 1,000 คน ลดลงจาก 93 ราย เมื่อปี 2533

ทั้งนี้ในบางประเทศความเสี่ยงที่เด็กจะเสียชีวิตก่อนอายุ 5 ขวบ สำหรับเด็กหญิงนั้นสูงกว่าเด็กชายอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นไปจามแนวโน้มทั่วโลก โดยประเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่เอเชียใต้และเอเชียตะวันตก

ทั้งนี้หลายประเทศในเอเชียมีวัฒนธรรมแต่ดั้งเดิมที่โปรดปรานเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง ทำให้มีการเลือกทำแท้งอย่างบ้าคลั่งและเด็กชายมักได้รับการเลี้ยงดูที่ดีกว่าทั้งด้านอาหารและการักษาพยาบาล

ภาวะทุพโภชนาการ หมายถึง?

ภาวะที่ทารกและเด็กบริโภคอาหารและได้ รับกำลังงานสารอาหารไม่ถูกต้องทั้ง ปริมาณ ชนิด และคุณภาพ ซึ่งอาจจะได้รับมากเกินความต้องการ จนกลายเป็นโรคอ้วนหรือมีภาวะน้ำหนักตัวเกิน หรืออาจได้รับน้อยเกินไปจนเกิดภาวะขาดโภชนาการ ซึ่งอาจรุนแรงจนเกิดภาวะขาดโปรตีนและกำลังงานสารอาหาร หรือบางคนได้อาหารเพียงพอ แต่สัดส่วนของอาหารไม่ถูกต้อง หรือบางคนอาจได้อาหารและกำลังงานเพียงพอแต่ขาดสารอา หารบางตัว เช่น วิตามินและเกลือแร่ ซึ่งในที่นี้จะเน้นเฉพาะเรื่องการขาดโปรตีนและกำลังงานสารอาหาร

สาเหตุของภาวะทุพโภชนาการ

สาเหตุหรือปัจจัยของภาวะทุพโภชนาการเกิดจากหลายสาเหตุร่วมกันตั้งแต่

วัยที่พบภาวะขาดโปรตีนและกำลังงานสารอาหารมากที่สุด

เด็กที่พบภาวะขาดโปรตีนและกำลังงานสารอาหารมากที่สุด คือ “เด็กวัยก่อนเรียน” เนื่องจาก

อ่านต่อ >> อาการของโรคขาดสารอาหารที่พ่อต้องควรรู้” คลิกหน้า 3


ขอบคุณข้อมูล ปัญหาโภชนาการในเด็ก : การขาดโปรตีนและกำลังงานสารอาหาร จาก : ศาสตราจารย์ แพทย์หญิง อรุณี เจตศรีสุภาพ วว.กุมารเวชศาสตร์, อว.โลหิตวิทยา โดยเว็บไซต์ haamor.com

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

อาการของโรคขาดสารอาหาร

อาการแสดงของโรคมีหลายแบบซึ่งมักขึ้นอยู่กับความรุนแรงและสาเหตุของโรค เช่น

สิ่งตรวจพบ

มักตรวจพบเด็กจะมีน้ำหนักน้อย ผอมแห้ง หรืออาจมีอาการบวม ผมบางเปราะแห้งและมีสีจาง มีอาการซีด ลิ้นมันเลี่ยน ตับโต

ภาวะแทรกซ้อน

เด็กจะมีภูมิคุ้มกันต่ำซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ เป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย เช่น ไข้หวัด ท้องเดิน ปอดอักเสบ หัด เป็นต้น เมื่อเป็นแล้วมักมีอาการรุนแรงอาจถึงตายได้ง่ายๆ อย่างก็ดีพบว่าโรคขาดสารอาหาร ทำให้เด็กอาจมีสติปัญญาต่ำกว่าปกติจากภาวะที่สมองเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่

การรักษา

  1. ควรส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลถ้าเด็กมีอาการบวม เบื่ออาหาร มีท่าทางเซื่องซึม อาจต้องป้อนอาหารทางสายยาง รักษาโรคติดเชื้อ และแก้ไขภาวะอื่นๆ ที่พบร่วมด้วย
  2. ควรส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลเช่นเดียวกันถ้าสงสัยว่ามีโรคติดเชื้อที่รุนแรง
  3. หากไม่มีอาการใดๆ ให้ดูแลรักษาดังนี้

การป้องกัน

  1. ควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน โดยเฉพาะในครอบครัวที่ยากจนและมีลูกมากไม่ควรหย่านมบุตรเร็วเกินไป
  2. ให้อาหารเสริมอย่างเพียงพอและถูกต้องแก่ทารก
  3. ให้วัคซีนป้องกันโรคแก่เด็กเล็ก
  4. ควรแนะนำการเลี้ยงดูและการให้อาหารเสริมถ้าพบว่าน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ปกติ จึงควรหมั่นชั่งน้ำหนักเด็กเป็นระยะๆ หากยังไม่ได้ผลควรแนะนำให้ไปพบแพทย์
  5. ไม่ต้องงดของแสลงเมื่อเด็กเจ็บป่วย เช่น มีบาดแผลอักเสบ คางทูม หัด อีสุกอีใส เป็นต้น เพื่อบำรุงร่างกายเด็กจึงควรให้กินอาหารประเภทโปรตีนมากๆ เช่น เนื้อ นม ไข่ และถั่วต่างๆ

อ่านต่อ “บทความดีๆ น่าสนใจ” คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก : www.healthcarethai.com