ระวังให้ดี..ลูกป่วยเป็น ไข้เลือดออก อาการ “ไข้ลด” ระยะอันตรายที่สุดของโรคนี้!! ไปหาหมอช้า อาจถึงขั้นช็อคและเสียชีวิตได้ จะมี วิธีสังเกตอาการไข้เลือดออก อย่างไร มาดูกัน
ไข้เลือดออก อาการ เริ่มต้นที่พ่อแม่ต้องเฝ้าระวัง!
ไข้เลือดออก เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี่ โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ประเทศไทยมีผู้ป่วย โรคไข้เลือดออก เป็นอันดับที่ 2 รองจากฟิลิปปินส์ กลุ่มอายุที่เป็นไข้เลือดออกมากที่สุด คืออายุ 10-14 ปี รองลงมาคือ 5-9 ปี, 15-24 ปี และ 25-34 ปีตามลำดับ เรียกได้ว่าเป็นโรคที่มีความรุนแรงสูง ทั้งนี้หากมีผู้ป่วย 1,000 ราย จะเสียชีวิต 1 ราย จาก 2 สาเหตุ คือภาวะเลือดออกมาก และเลือดรั่วจากเส้นเลือดจนเกิดภาวะช็อกและเสียชีวิต
สาเหตุที่เสียชีวิตจากไข้เลือดออก
หากลูกป่วยเป็นไข้เลือดออก ในช่วงที่รักษาตัวจนไข้ลด ภายใน 48 ชั่วโมง อาจมีอาการหนักจนเกิดอาการช็อก หรือเลือดออกตามร่างกาย ซึ่งสาเหตุจากการเสียชีวิตในโรคนี้ก็มาจากอาการช็อก ร่างกายขาดน้ำอย่างรุนแรง (แม้เราจะไม่เห็นว่าลูกมีอาการขาดน้ำจากภายนอกแต่ย่างใด) น้ำในหลอดเลือดจะไหลไปอยู่ในเนื้อเยื่อข้างเคียง ความดันเลือดลดลง จนเกิดอาการช็อกตามมา แต่หากไม่แสดงอาการใดๆ ก็จะถือว่าปลอดภัยแล้ว
- 10 รายชื่อหมอเด็ก ที่เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์และเฉพาะทางโรคเด็ก ที่แม่บอกต่อ
- โรคยอดฮิตในเด็กแรกเกิด ที่พ่อแม่ต้องระวัง
- แม่แชร์! ลูกเป็นโรค “เริมในเด็ก” เพราะการกอด-หอมจากคนอื่น
โดย อาการไข้เลือดออก แบ่งเป็น 3 ระยะได้แก่
ไข้เลือดออก อาการ ระยะที่ 1 = ระยะไข้สูง (2-7 วัน) ลูกจะมีไข้สูงเกือบตลอดเวลา เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง มักมีหน้าแดง และอาจมีผื่นหรือจุดเลือดออกตามลำตัว แขน ขา
ไข้เลือดออก อาการ ระยะที่ 2 = ระยะช็อคและมีเลือดออก ระยะนี้ไข้จะเริ่มลดลง ลูกจะมีอาการซึม เหงื่อออก มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเบาแต่เร็ว ปวดท้อง โดยเฉพาะบริเวณใต้ชายโครงขวา ปัสสาวะออกน้อย อาจมีเลือดออกง่าย เช่น มีเลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือด อุจจาระมีสีดำ ในรายที่รุนแรง จะมีความดันโลหิตต่ำ ช็อค และอาจถึงตายได้ ระยะนี้กินเวลา 24-48 ชั่วโมง ซึ่งแต่ละรายไม่จำเป็นต้องเป็นรุนแรงและเข้าสู่ภาวะช็อคทุกราย
ในเด็กที่เป็น ไข้เลือดออก อาการ ไม่รุนแรง เมื่อไข้ลดก็จะมีอาการดีขึ้น รับประทานอาหารได้ เข้าสู่ระยะฟื้นตัว
ไข้เลือดออกอาการ ระยะที่ 3 = ระยะฟื้นตัว อาการต่างๆจะเริ่มดีขึ้น รู้สึกอยากกินอาหาร ความดันโลหิตสูงขึ้น ชีพจรเต้นแรงขึ้นและช้าลง ปัสสาวะมากขึ้น บางรายมีผื่นแดงและมีจุดเลือดออกเล็กๆ ตามลำตัว
- หมอเตือน อย่าใช้ยาลดไข้สูง รักษาโรคไข้เลือดออก
- รู้ไหมว่า ไข้เลือดออก กับ ไข้หวัดใหญ่ ต่างกันอย่างไร?
- 5 วิธีปราบยุง ต้นเหตุไข้เลือดออก แบบไม่บาป
5 วิธีสังเกตอาการไข้เลือดออก อันตรายที่พ่อแม่ต้องรู้!
ไข้เลือดออก อาการ จะแตกต่างกันไปแล้วแต่บุคคล แต่โดยส่วนใหญ่ที่พบ คือ
- มีไข้สูงเฉียบพลัน หรืออาจสูงถึง 40-41 องศาเซลเซียส ซึ่งบางรายอาจมีอาการชักเกิดขึ้น โดยเฉพาะในเด็กที่เคยมีประวัติชัก และมีเลือดออกที่ผิวหนัง เป็นจุดเลือดเล็กๆ กระจายอยู่ตามแขน ขา ลำตัว รักแร้ อาจมีเลือดกำเดา หรือเลือดออกตามไรฟัน
- ในรายที่รุนแรงอาจมีอาเจียนและถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ซึ่งมักจะเป็นสีดำ (melena) อาการเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนใหญ่จะพบร่วมกับภาวะช็อก
- สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุด คืออาการช็อก ที่ทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดล้มเหลว
- บางรายมีภาวะตับโต กดเจ็บ ส่วนใหญ่จะคลำพบตับโตได้ประมาณวันที่ 3-4 นับตั้งแต่เริ่มป่วย ตับจะนุ่มและกดเจ็บ
- มีภาวการณ์ไหลเวียนล้มเหลว ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยไข้เลือดออกจะมีอาการรุนแรง โดยเกิดภาวะการไหลเวียนโลหิตล้มเหลว หรือภาวะช็อก เนื่องจากมีการรั่วของพลาสมาออกไปยังช่องปอด ช่องท้อง เกิด hypovolemic shock ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นพร้อมๆ มีไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว เวลาที่เกิดอาการช็อกจึงขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่มีไข้ อาจเกิดได้ตั้งแต่วันที่ 3 ของโรค หรือวันที่ 8 ของโรค ซึ่งจะมีอาการเลวลง เริ่มมีอาการกระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ชีพจรเบา เร็ว และความดันโลหิตเปลี่ยนแปลง
การรักษาโรคไข้เลือดออก หากอาการไม่รุนแรง มีเพียงไข้สูง ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร ยังไม่มีอาการเลือดออกหรือภาวะช็อก พ่อแม่ควรให้ลูกนอนพักผ่อนมากๆ หากมีไข้สูง ควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวบ่อยๆ และให้ยาลดไข้พาราเซตามอล (ห้ามใช้แอสไพรินโดยเด็ดขาด) ถ้าลูกเคยชัก ควรให้รับประทานยากันชักไว้ก่อน และเฝ้าสังเกตอาการของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด และหากลูกอาเจียนมาก มีภาวะช็อก หรือเลือดออก ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที
- อัพเดท! วัคซีนไข้เลือดออก ต้องเป็นก่อนถึงฉีดได้
- อาการขั้นวิกฤต ไข้ลด ตัวเย็น เสี่ยงช็อกเสียชีวิต จากไข้เลือดออก!
- แม่เล่าอาการ “ลูกเป็นไข้เลือดออก ครั้งที่ 2” อันตรายมาก เตือนอย่าให้ป่วยซ้ำ!
ทั้งนี้อาการป่วยไข้เลือดออก ครั้งแรกจะไม่ค่อยรุนแรงมาก แต่หากเป็นครั้งที่ 2 จะเกิดความรุนแรงมากขึ้น ทำให้เลือดออก และช็อกได้ ส่วนการวินิจฉัยโรคในช่วงแรกจะแยกจากอาการไข้ทั่วไปค่อนข้างยาก ต้องตรวจจากการเจาะเลือด ซึ่งหากป่วยเพียง 1-2 วัน การเจาะเลือดอาจจะไม่พบเชื้อ ต้องใช้เวลา 3-4 วัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคลด้วย … และแม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่มีตัวยาฆ่าเชื้อไวรัสเดงกี่ได้ แต่พ่อแม่ก็สามารถป้องกันลูกน้อยและตัวเองจากภัยเงียบที่น่ากลัวนี้ได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก พร้อมคอยดูแลบริเวณบ้านให้สะอาด อย่าให้มีน้ำขัง เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย เพียงเท่านี้ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงโรคไข้เลือดออก ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะนำเชื้อดังกล่าวมาสู่สมาชิกในครอบครัวและคนรอบข้างได้
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : www.phyathai.com , www.paolohospital.com , www.mukinter.com , www.thonburihospital.com
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิกที่ภาพได้เลย ⇓
แพทย์เผย! ข้อมูลใหม่ แม่ต้องรู้ก่อนให้ลูก ฉีดวัคซีนไข้เลือดออก
โรคไข้หวัดใหญ่ ระบาดหนัก 3 เดือนแรก พบเด็กแรกเกิด-4 ปี ป่วยมากสุด!
6 โรคที่มากับหน้าฝน ในเด็กที่ต้องระวัง รู้เท่าทันป้องกันลูกป่วย
โรคติดเชื้อในกระแสเลือด ในเด็ก อาการเป็นอย่างไร อันตรายแค่ไหน แม่ควรรู้!