AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

เฝ้าระวัง ไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ ไป-กลับจีน เสี่ยงป่วยปอดอักเสบรุนแรง

เตือนก่อนเที่ยวจีน ต้องระวังโรคปอดอักเสบรุนแรงจาก ไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่จากเมืองจีน แพร่รวดเร็วจากตลาดสด ติดเชื้อแล้วหลายสิบราย เด็กเล็ก-ผู้สูงอายุเป็นแล้วอันตราย เสี่ยงเสียชีวิต

จากรายงานของประเทศจีนตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2562 ต่อเนื่องพบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรน่า  2019 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ ในเมืองอู่ฮั่น แล้วถึง 59 คน เสียชีวิตแล้ว 1 คน และมีอาการป่วยรุนแรงอยู่ในโรงพยาบาลอีกหลายมากกว่า 700 คน โดยได้ประกาศเฝ้าระวังการแพร่กระจายของเชื้อโรคทั้งในและต่างประเทศ

 

เตือนภัย ไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่จากจีน ทำป่วยปอดอักเสบรุนแรง ทารก-เด็กเล็กเสี่ยงสูง

การตรวจสอบเบื้องต้นในประเทศจีน พบว่าผู้ปวยทำงานหรือเดินทางไปยังตลาดปลา South China ที่เมืองดังกล่าว ซึ่งไม่ได้ขายเฉพาะอาหารทะเลเท่านั้น แต่ยังมีสัตว์ป่าอื่นๆ อย่าง นก ไก่ฟ้า งู กระต่าง และเครื่องในจากสัตว์ต่างๆด้วย จึงตั้งข้อสงสัยว่าไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่นี้อาจแพร่จากสัตว์สู่คน ทางการได้สั่งปิดตลาดแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นมา

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขของไทยเองได้ออกมาตรการเฝ้าระวังคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นตามสนามบินทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคมเรื่อยมาก โดยล่าสุด ( 13 มกราคม 2563) ตรวจพบนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนวัย 61 ปีติดเชื้อไวรัสดังกล่าวก่อนเข้าประเทศ ซึ่งถือเป็นรายแรกของไทย และเป็นผู้ป่วยรายแรกที่ตรวจพบนอกประเทศจีน พร้อมยืนยันว่า “ไม่ใช่การติดเชื้อในประเทศไทยแต่ติดต่อมาจากจีน”

 

ทำไม ไวรัสโคโรน่า จึงน่ากลัว

เชื้อไวรัสโคโรน่า (CoVs) ถูกพบครั้งแรกในปีค.ศ.  1965 สามารถติดเชื้อทั้งในคนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น หนู ไก่ วัว สุนัข แมว กระต่าย และหมู พบได้ทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศเขตอบอุ่นในช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ เมื่อติดเชื้อผู้ป่วยจะแสดงอาการทางระบบทางเดินหายใจส่วนบนมาถึง 35%  โรคไข้หวัดจาก ไวรัสโคโรน่ามีมากถึง 15%  สามารถติดเชื้อได้ทุกกลุ่มอายุ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่มักป่วยซ้ำๆ  มีความใกล้เคียงกับไวรัสซาร์ส (SARs) หรือโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง และไวรัสเมอร์ส (MERs) จึงทำให้ความรุนแรงของโรคมีค่อนข้างมาก

เมื่อติดเชื้อแล้ว มักมีอาการไข้ อ่อนเพลีย ปวดหัว น้ำมูกไหล เจ็บคอและไอคล้ายกับอาการของไข้หวัด แต่จะรุนแรงมากขึ้นในวัยทารกหรือเด็กเล็ก ทำให้เป็นโรคปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ รวมถึงติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารด้วย ส่วนเด็กโตก็มีอาการไม่ต่างกัน และมักตามมาด้วยโรคหอบหืดเรื้อรัง

ความรุนแรงของโรคจากเชื้อ ไวรัสโคโรน่า ค่อนข้างมาก เพราะหลังจากรับเชื้อแล้วจะใช้เวลาเพียง  2 วันในการฟักตัวก็พร้อมแสดงอาการของโรคทันที และแพร่เชื้อได้ง่ายผ่านการไอหรือจาม สำหรับเชื้อโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบนี้ ถือเป็นสายพันธุ์ที่ 7 ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่า “สามารถแพร่ระบาดจากคนสู่คน” ได้หรือไม่ เพราะไม่พบว่าผู้ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อในประเทศจีนได้รับเชื้อด้วย จึงคาดการณ์ว่าน่าจะแพร่ระบาดจากสัตว์สู่คนมากกว่า

อ่านต่อ ใครเสี่ยงติดเชื้ออ ไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ พร้อมวิธีป้องกัน หน้า 2

นอกจากการระบาดในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนแล้วยังไม่พบการระบาดในพื้นที่อื่น (เมืองไทยสกัดได้ทันก่อนเข้าประเทศ)  ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงแนะนำให้ ทุกคนที่จะเดินทางไปยังเมืองดังกล่าวหรือใกล้เคียงต้องระมัดระวังตัวจาก ไวรัสโคโรน่า ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

วิธีป้องกันจากโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่

หลังจากเดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงแล้ว ให้สังเกตอาการตัวเองว่า หากมีไข้ ไอจาม เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ภายใน 14 วันนับจากวันกลับ ควรรีบพบแพทย์ทันที พร้อมกับแจ้งประวัติการเดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่น ให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อเข้ากับการคัดกรองและสังเกตอาการต่อไป

อย่างไรก็ตาม นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรคให้ข้อมูลว่าไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ 2019 นี้มีความรุนแรงไม่เท่าซาร์ส แต่เด็กเล็กและผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีแผนเดินทางไปยังเมืองดังกล่าว ต้องดูแลสุขภาพตัวเองอย่างดี หรือเลื่อนการเดินทางออกไปก่อนเพื่อความปลอดภัย หากมีข้อสงสัยสามารถปรึกษาที่สายด่วนกรมควบคุมโรคที่ โทร.  1422 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เครดิต: โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ สภากาชาดไทย

 

สังเกตอาการ ลูกเป็นโรคปอดอักเสบหรือไม่

ปอดอักเสบเป็น  1 ในโรคอันตรายสำหรับทารกและเด็กเล็ก เนื่องจากมีทำลายระบบทางเดินหายใจ และลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ ได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตอาการเมื่อลูกไม่สบายให้ออกว่าเป็นโรคปอดอักเสบหรือไม่

1 อาการส่วนใหญ่คล้ายกับไข้หวัด คือ มีไข้ ไอ จาม แต่จะรุนแรงกว่าทำให้ลูกหายใจเหนื่อยหอบ ซี่โครงบานอกบุ๋ม หายใจเร็ว

2 เมื่อลูกหายใจยาก ก็จะดูดนมน้อยลง ดูดนมยาก ซึมลง และมีอาการตัวเขียว

3 ลูกร้องกวน ร้องงอแง กระสับกระส่ายหรือหน้าสั่นโดยไม่มีสาเหตุ หรือเจ็บหน้าตลอดเวลาหายใจเข้าออก

หากมีอาการใกล้เคียงเหล่านี้คุณแม่ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันที เพื่อตรวจและรับการรักษาอย่างทันท่วงที เพราะหากชะล่าใจ โรคปอดอักเสบจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา ได้แก่ ติดเชื้อเข้ากระแสเลือด ภาวะช็อก มีน้ำหรือหนองในเยื่อหุ้มปอด ฝีในปอด ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้

 อ่านบทความน่าสนใจอื่นๆ 

ลูกเป็นปอดอักเสบ 1 ในโรคร้ายอันตรายถึงชีวิต ที่พ่อแม่ต้องรู้จัก

แม่เตือน ลูกเป็นหวัด มีเสมหะ ปล่อยไว้นานเสี่ยงปอดอักเสบได้


แหล่งข้อมูล  กรมควบคุมโรค  ,  www.khaosod.co.th , www.pidst.or.th/

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids