โรคติดต่อทางน้ำลาย เป็นโรคที่สามารถติดต่อกันได้ง่าย และในบางโรคก็เป็นโรคที่มีอาการรุนแรงถึงชีวิตเลยทีเดียว โดยเฉพาะหากผู้ที่ติดเชื้อยังเป็นเด็กเล็ก
9 โรคติดต่อทางน้ำลาย ติดต่อได้ง่าย ๆ แค่กินน้ำแก้วเดียวกัน
การแบ่งปันสิ่งของกันเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งของบางอย่างก็ไม่ควรใช้ร่วมกัน แม้จะเป็นเพื่อนที่สนิทกันหรือครอบครัวเดียวกันก็ตาม ดังเช่น หลอดดูดน้ำ ช้อนส้อม แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น เพราะสิ่งของเหล่านี้อาจเป็นตัวกลางที่นำ โรคติดต่อทางน้ำลาย มาให้ลูกของเราก็เป็นได้ โดยในเรื่องนี้ นพ.ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย ได้กล่าวว่า ปกติในปากและน้ำลายของแต่ละคนมีเอนไซม์และภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติได้บางส่วน และการติด โรคติดต่อทางน้ำลาย มีโอกาสเกิดขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับปริมาณความรุนแรงของเชื้อ และมีโอกาสติดเชื้อสูงในกรณีที่ผู้รับเชื้อมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำ หรือผู้รับเชื้อมีแผลในปาก มีเชื้อราในปาก เหงือกอักเสบ ก็จะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย ถ้าเช่นนั้นมาดูกันค่ะ ว่ามี โรคติดต่อทางน้ำลาย ไหนบ้างที่อาจติดต่อเข้าสู่ร่างกายของเราหรือคนที่เรารักได้ง่าย ๆ เพียงแค่กินน้ำแก้วเดียวกัน
9 โรคติดต่อทางน้ำลาย ติดต่อได้ง่าย ๆ แค่กินน้ำแก้วเดียวกัน
1. ไข้หวัด / ไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่ายมาก ติดต่อกันผ่านทางน้ำมูก น้ำลาย หายใจ ไอ จามรดกัน โดยแค่อยู่ใกล้คนเป็นหวัด หรือยิ่งดื่มน้ำแก้วเดียวกัน ใช้หลอดดูดน้ำร่วมกัน เราก็มีสิทธิ์ติด โรคติดต่อทางน้ำลาย ได้แล้ว ถึงไข้หวัดธรรมดาจะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงมาก เพราะสามารถหายได้เองภายใน 5-7 วัน แต่ก็ต้องระวังกรณีรับเชื้อไข้หวัดใหญ่เข้ามา จะมีอาการรุนแรงมากกว่าและอาจเสียชีวิตได้จากโรคแทรกซ้อน ที่เราเคยได้ยินกันก็อย่างเช่น โรคไข้หวัดใหญ่ H1N1, โรคไข้หวัดนก เป็นต้น
อ่านต่อ ไข้หวัดใหญ่ ระบาด รับหน้าฝน! หมอเตือน รีบพาลูกฉีดวัคซีน
2. โรคมือเท้าปาก
สาเหตุของโรคมือเท้าปาก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) และอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาะแทรกซ้อนหรืออาการที่รุนแรงเสี่ยงต่อการเสียชีวิตอย่างภาวะสมองอักเสบ โดยเชื้อไวรัสเหล่านี้จะสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนผ่านการปนเปื้อนอยู่ในของเหลวในร่างกายของผู้ที่ติดเชื้อ เช่น น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ ของเหลวในแผลหนอง อุจจาระ และของเหลวที่ออกมาจากการไอหรือจาม ดังนั้นการใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกัน ก็อาจเป็นการเพิ่มโอกาสให้น้ำมูกและน้ำลายของผู้ที่ติดเชื้อส่งต่อเชื้อให้กับผู้อื่นได้
อ่านต่อ เชื้อ EV71 โรคมือเท้าปาก สายพันธุ์รุนแรง พร้อมวิธีป้องกัน
3. คางทูม
โรคคางทูมเกิดขึ้นจากการติดเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า มัมส์ (Mumps) เป็นไวรัสที่อยู่ในอากาศ สามารถแพร่กระจายได้โดยการไอ จาม เหมือนโรคหวัด หรือสัมผัสละอองของเหลวทั้งน้ำลายและน้ำมูกจากผู้ป่วยที่อาจแฝงอยู่ตามวัตถุต่าง ๆ เช่น ลูกบิดประตู โต๊ะ หรือแม้แต่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้เป็นโรคนี้ ผู้ป่วยส่วนมากจะแพร่เชื้อก่อนมีอาการบวมของต่อมน้ำลายบริเวณข้างหู 2-3 วัน โดยเชื้อไวรัสนี้จะเคลื่อนจากระบบทางเดินหายใจตั้งแต่จมูก ปาก ลำคอ ไปยังต่อมน้ำลายบริเวณข้างหูข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้าง โรคนี้พบมากในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ 9 โรคติดต่อทางน้ำลาย ติดต่อได้ง่าย ๆ แค่กินน้ำแก้วเดียวกัน
9 โรคติดต่อทางน้ำลาย ติดต่อได้ง่าย ๆ แค่กินน้ำแก้วเดียวกัน
4. เริมที่ปาก
โรคเริม (Herpes Simplex) เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อไวรัส “Herpes simplex” โรคนี้จะมีอาการประมาณ 2-3 วัน หรืออาจนานถึง 3 สัปดาห์หลังจากได้รับเชื้อ อาการของโรคเริม คือ มีอาการระคายเคือง ปวดแสบปวดร้อนบริเวณที่จะเกิดตุ่มแผล บางรายอาจมีอาการปวดศีรษะ เป็นไข้สูง รวมไปถึงปวดเมื่อยกล้ามเนื้อก่อนที่จะเกิดตุ่มแผล และมีตุ่มใส ๆ เกิดขึ้น พร้อมกับมีอาการเจ็บปวดมากร่วมด้วย ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 10 วัน ก่อนจะยุบตัวลง หลังจากตุ่มแผลยุบหายไปแล้ว ไวรัสนี้จะฟักตัวอยู่ในร่างกายที่บริเวณปมประสาท ดังนั้นผู้ที่เคยเป็นโรคเริมมักจะมีอาการเกิดขึ้นซ้ำ
อ่านต่อ เริม อุทาหรณ์เตือนใจ ลูกเป็นเริมเพราะจูบของแม่
5. ไวรัสตับอักเสบ A และ E
ไวรัสตับอักเสบ A และ E สามารถติดต่อกันได้ง่ายมาก โดยติดต่อจากคนสู่คน โดยเชื้อจะอยู่ในอุจจาระของผู้ป่วยซึ่งอาจติดต่อสู่ผู้อื่นได้หากผู้เตรียมอาหารหรือน้ำเป็นพาหะของโรค รวมทั้งการรับประทานอาหารที่ไม่ได้ทำให้สุกหรือมีการจับต้องอาหารภายหลังปรุงสุก รวมทั้งนม สลัด หอยปรุงไม่สุก ที่เก็บจากน้ำบริเวณที่ปนเปื้อนเชื้ออีกด้วย
ผู้ป่วยมักมีอาการไม่สบายเล็กน้อยนำมาก่อน 1 อาทิตย์ เช่น เบื่ออาหาร ไข้ ปวดเมื่อย คลื่นไส้ อาเจียน ต่อมามีปัสสาวะสีเข้ม ตัวเหลือง ตาเหลือง จุกแน่นบริเวณใต้ชายโครงขวา มีผื่นที่ผิวหนัง และไม่มีประวัติได้รับยา หรือสารพิษที่เป็นสาเหตุของตับอักเสบเฉียบพลัน อาการต่างๆจะทุเลาและหายไป 3-4 สัปดาห์ ในเด็กเล็กมีอาการเล็กน้อย บางรายมีอาการเพียงไม่กี่วัน แต่ถ้าเป็นในเด็กโต หรือ ผู้ใหญ่จะมีอาการเป็นสัปดาห์ โดยเฉลี่ยประมาณ 3 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค เมื่อผู้ป่วยหายจากโรคจะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิต อาการแทรกซ้อนของโรคที่พบได้แก่ ตับวายเฉียบพลัน ตัวเหลืองยาวนานจากการคั่งน้ำดีในตับ
6. คอตีบ
โรคคอตีบ มีสาเหตุจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย Corynebacterium diphtheriae ติดต่อโดย การหายใจเอาละอองอากาศที่มาจากการไอจาม ละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วยหรือผู้ที่เป็นพาหะเข้าสู่ร่างกายทางระบบหายใจ อาจได้รับเชื้อจากการใช้ภาชนะร่วมกันได้ อาการของโรคคล้ายหวัดในระยะแรก คือ เจ็บคอ เบื่ออาหาร และไอเสียงก้อง สามารถพบเยื่อสีขาวปนเทาที่บริเวณทอนซิลและลิ้นไก่ สารพิษที่สร้างขึ้นในปริมาณมาก สามารถถูกดูดซึม เข้าสู่กระแสเลือด และกระจายไปก่อให้เกิดความผิดปกติในระบบอื่น โดยเฉพาะกล้ามเนื้อ หัวใจและระบบประสาท ในรายที่รุนแรงอาจทำให้เกิดการอุดตันของทางเดินหายใจส่วนบน หรือกล้ามเนื้อ หัวใจอักเสบ ทำให้เสียชีวิตได้
7. ไอกรน
โรคไอกรน เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Bordetella pertussis โรคนี้ติดต่อโดยการสัมผัสกับละอองเสมหะที่ปนเปื้อนเชื้อจากการไอ จามของผู้ป่วย ในเด็กจะเริ่มมีอาการ มีน้ำมูก และไอ เหมือนอาการเริ่มแรกของโรคหวัดธรรมดา อาจมีไข้ต่ำ ๆ ตาแดง น้ำตาไหล จะเป็นอยู่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่มีข้อสังเกตว่าไอนานเกิน 10 วัน เป็นแบบไอแห้ง ๆ และเมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 ไม่มีเสมหะ จะเริ่มมีลักษณะของไอกรน คือ มี อาการไอถี่ ๆ ติดกันเป็นชุด 5-10 ครั้ง ตามด้วยการหายใจเข้าอย่างแรงจนเกิดเสียงวู้ป (whoop) ซึ่งเป็นเสียงการดูดลมเข้าอย่างแรง ในช่วงที่ไอ ผู้ป่วยจะมีหน้าตาแดง น้ำมูก น้ำตาไหล ตาถลน ลิ้นจุกปาก เส้นเลือดที่คอโป่งพอง การไอเป็นกลไกที่จะขับ เสมหะที่เหนียวข้นในทางเดินหายใจออกมา ผู้ป่วยจึงจะไอติดต่อกันไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะสามารถขับเสมหะที่ เหนียวออกมาได้ บางครั้งเด็กอาจจะมีหน้าเขียว เพราะหายใจไม่ทันโดยเฉพาะเด็กเล็ก ๆ อายุน้อยกว่า 6 เดือน จะพบอาการหน้าเขียวได้บ่อย และบางครั้งมีการหยุดหายใจร่วมด้วย
อ่านต่อ ฉีดวัคซีนป้องกันไอกรน ให้ครบ ป้องกันลูกป่วย
8. โรคหัด
หัด เป็นโรคไข้ออกผื่นที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหัด (Measles virus) นับว่าเป็นโรคที่มีความสำคัญมากโรคหนึ่ง เพราะอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้ ส่วนผู้ที่เคยติดเชื้อมาแล้วจะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิต
การติดต่อจะติดต่อทางลมหายใจ ไอ จาม รดกัน ช่วงเวลาเสี่ยงโรคนี้คือ “ฤดูหนาว” โดยเฉพาะในเดือนมกราคม จะมียอดของผู้ที่ป่วยเพิ่มขึ้นทุกปี สามารถพบได้ในคนทุกวัย แต่มักพบในเด็กอายุ 2-14 ปี และพบได้บ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี มักไม่พบในทารกอายุต่ำกว่า 6-8 เดือน เนื่องจากยังมีภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากมารดาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ส่วนโอกาสในการเกิดโรคในผู้หญิงและผู้ชายมีใกล้เคียงกัน โรคนี้สามารถติดต่อแพร่กระจายได้ง่าย จึงอาจพบการระบาดตามชุมชน โรงเรียน หรือสถานรับเลี้ยงเด็ก
อ่านต่อ โรคหัดระบาด!! ตายแล้ว 23 ราย รีบพาลูกฉีดวัคซีน
9. หัดเยอรมัน
หัดเยอรมัน เป็นโรคไข้ออกผื่นที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหัดเยอรมัน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้และออกผื่นคล้ายโรคหัด แต่จะมีความรุนแรงและโรคแทรกซ้อนน้อยกว่าหัด โรคนี้ ถ้าเกิดในหญิงตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ เชื้ออาจแพร่กระจายเข้าทารกในครรภ์ ทำให้ทารกพิการ หูหนวก ตาเป็นต้อกระจก เกิดภาวะหัวใจรั่ว มีภาวะผิดปกติทางสมอง อวัยวะภายในไม่สมบูรณ์ แท้ง หรือตายในครรภ์ได้ สำหรับเด็กเล็ก อาการหัดเยอรมันจะแสดงออกมาเหมือนเด็กและผู้ใหญ่ทั่วไปที่เป็นโรคนี้ เพียงแต่เด็กเล็กจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน และมีไข้ออกผื่น ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอาการจะรุนแรงกว่าผู้ใหญ่ จึงนับได้ว่าเป็นโรคที่อันตรายสำหรับเด็กเล็กได้เช่นกัน
อ่านต่อ โรคหัด หัดเยอรมัน ต่างกันอย่างไร
จะเห็นได้ว่า โรคติดต่อทางน้ำลาย ในบางโรคก็ทำให้มีอันตรายถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะผู้ที่ติดเชื้อเป็นเด็กเล็กหรือหญิงตั้งครรภ์ และไม่ว่าจะเป็นโรคไหนก็ตาม เราก็ไม่อยากจะไม่สบายกันอยู่แล้วล่ะค่ะ ดังนั้น มารณรงค์ให้คนไทยทุกคนไม่ดื่มน้ำแก้วเดียวกับผู้อื่น กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ กันนะคะ
อ่านต่อบทความที่น่าสนใจคลิก
หมอจุฬาฯ เตือน! 4 โรคติดเชื้อในเด็ก ที่ลูกมักติดจากเพื่อนๆ ในโรงเรียน
11 โรคติดต่อทางพันธุกรรม จากพ่อแม่สู่ลูกและวิธีป้องกัน
โรคติดต่อทางน้ำมูกน้ำลาย Enterovirus รุนแรง
ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข, พบแพทย์, กองโรคป้องกันด้วยวัคซีน กรมควบคุมโรค
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่