AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

สีของน้ำมูก สามารถบอกสุขภาพของลูกได้

สีของน้ำมูก แบบไหน แปลว่าไม่สบาย

อากาศเริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว มีทั้งลมหนาว แดดออก และฝนเล็กๆน้อยๆ จึงทำให้เด็กเล็กที่มีภูมิต้านทานน้อย อาจเป็นหวัดมีน้ำมูกได้ แต่ถ้าไม่ได้เป็นหวัดแล้วมีน้ำมูก สีของน้ำมูก ก็สามารถ บอกได้เช่นกันว่าลูกของเรากำลังป่วยเป็นอะไร

สีของน้ำมูก บอกโรคได้

 

น้ำมูก ทำหน้าที่จับกับสิ่งต่างๆ ที่ปนมากับลมหายใจ เช่น สารก่อภูมิแพ้ และเชื้อโรค นอกจากนี้ในน้ำมูกยังมีสารต่อต้านเชื้อโรคอีกด้วย ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ให้ความสนใจกับน้ำมูกหรือเสมหะ ทั้งของตัวเองและของลูกมากนัก แค่ขอให้สั่ง หรือเช็ดออกไปได้ ยิ่งเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี … แต่เชื่อหรือไม่ ว่าสีของน้ำมูก หรือเสมหะนี้ สามารถบ่งบอกถึงโรค หรือภาวะสุขภาพของลูกน้อยได้

น้ำมูกมาจากไหน

ทางเดินหายใจและทางเดินอาหารของมนุษย์เรามีเยื่อบุทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร ซึ่งมีต่อมสร้างน้ำมูก เมือก หรือเสมหะ ไม่ว่าจะเป็นจมูก ไซนัส โพรงหลังจมูก ช่องปาก ช่องคอ กล่องเสียง หลอดลม ซึ่งน้ำมูก เมือก หรือเสมหะ ทำหน้าที่ป้องกันอวัยวะภายใต้เยื่อบุจากสารพิษหรือสารระคายเคืองต่างๆ ทำให้อวัยวะดังกล่าวชื้นตลอดเวลา ถ้าเยื่อบุที่คลุมอวัยวะดังกล่าวแห้งจะทำให้อัตราเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูงขึ้น

น้ำมูกหรือเมือกในทางเดินหายใจจะทำหน้าที่จับกับสิ่งต่างๆ ที่ปนมากับลมหายใจ เช่น สารก่อภูมิแพ้ (ไรฝุ่น ละอองเกสร) ควัน ฝุ่นบ้าน เชื้อโรค นอกจากนี้

ในน้ำมูกหรือเมือกยังมีสารต่อต้านเชื้อโรคด้วย เช่น แอนติบอดี เอนไซม์ เป็นต้น ทราบหรือไม่ว่าร่างกายมนุษย์เราสามารถผลิตน้ำมูกหรือเมือกได้มากถึง 2 ลิตรต่อวัน

สีของน้ำมูก แบบไหน แปลว่าไม่สบาย

ในขณะที่ร่างกายแข็งแรงปกติ ก็อาจมีน้ำมูกได้ โดยเฉพาะในช่วงเช้า ๆ อาจจะมีน้ำมูกที่ค้างอยู่ในจมูกช่วงกลางคืน แต่เมื่อสั่งออกก็หมดไป แสดงว่าไม่ได้ป่วย แต่ถ้าน้ำมูกมีตลอดทั้งวัน สีข้นกว่าปกติ แสดงว่ามีอาการหวัด ถ้าเป็นหวัดธรรมดา (ไม่มีไข้) ประมาณ 2-3 วัน น้ำมูกก็จะหายไปเองตามธรรมชาติ (ไม่ต้องใช้ยา แต่ต้องดูแลให้ถูกหลักด้วย เช่น ไม่ดื่มน้ำเย็น พักผ่อนมาก ๆ ทำร่างกายให้อบอุ่น) แต่ถ้าเป็นมากกว่า 10 วัน ต้องระวังเรื่องภูมิแพ้ หรือไซนัสอักเสบ และไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน ต้องรีบพาลูกไปหาหมอ เพราะอาจเรื้อรังเป็นโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจได้อีก
เพื่อให้รู้ทันโรคที่มาจากน้ำมูก คุณพ่อคุณแม่ก็ควรสังเกตสีน้ำมูกหรือเสมหะ ของลูกน้อย ว่ามีสีอะไร ซึ่งสีนั้นก็อาจบ่งบอกถึงปัญหาเกี่ยวกับจมูกของลูกน้อยได้ และใช้วิธีนี้สังเกตดูกับคุณพ่อคุณแม่ได้เช่นกัน

1.สีใส

น้ำมูกหรือเสมหะที่ใส มักประกอบด้วยน้ำ, แอนติบอดีที่ต่อต้านเชื้อโรค, เกลือ และโปรตีน  ส่วนใหญ่มักจะไหลลงคอ และเรามักจะกลืนลงไปในกระเพาะ ซึ่งสาเหตุเกิดจาก หวัด (เยื่อบุจมูกอักเสบ) หรือการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ หรืออาจเกิดจากโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้  ไวรัสมากระตุ้นทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุจมูก ทำให้มีน้ำมูกใสๆ ไหลออกมา หรือไหลลงคอได้  สารก่อภูมิแพ้ก็เช่นเดียวกัน สามารถกระตุ้นเยื่อบุจมูกของผู้ป่วยที่เป็นโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ ทำให้มีการหลั่งของฮิสทามีน (histamine) ออกมา ซึ่งฮิสทามีนสามารถกระตุ้นต่อมสร้างน้ำมูกในเยื่อบุจมูกให้ผลิตน้ำมูกใสๆออกมาได้  การให้ยาต้านฮิสทามีน และการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือสามารถบรรเทาอาการน้ำมูกที่ไหลออกมา หรือไหลลงคอได้

2.สีขาว

การที่น้ำมูกไหลออกมามีลักษณะหนา เหนียว และขาวขุ่น อาจเนื่องมาจาก การที่น้ำมูกถูกขังอยู่ในโพรงจมูกเป็นระยะเวลานาน จากเยื่อบุจมูกที่บวม นอกจากนั้นการที่เรารับประทานผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับนมมากเกินไป อาจทำให้น้ำมูกที่ออกมา หรือไหลลงคอ มีสีขาวขุ่นได้ เนื่องจากไขมันในผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับนม สามารถทำให้น้ำมูกสูญเสียความชุ่มชื้น ทำให้น้ำมูก หรือเสมหะมีลักษณะหนาและเหนียว และมีสีขาวขุ่นตามมาได้

อ่านต่อ >> สีของน้ำมูก แบบไหนบอกถึงโรคอะไร” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

สีของน้ำมูก บอกโรคได้

 

3. สีเหลือง

ถ้ามีการติดเชื้อแบคทีเรียในโพรงจมูกหรือไซนัส ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเรา จะส่งเซลล์ที่ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย เช่น เซลล์เม็ดเลือดขาว ออกมาทำลายเชื้อแบคทีเรีย ทั้งเซลล์เม็ดเลือดขาว และเชื้อแบคทีเรียที่ตายแล้ว รวมทั้งเมือกและหนองต่างๆ จะรวมตัวกัน ทำให้น้ำมูกมีสีเหลืองได้  นอกจากนั้นการที่น้ำมูกค้างอยู่ในโพรงจมูกเป็นระยะเวลานานมากๆ เช่น ทั้งช่วงกลางคืน อาจทำให้น้ำมูกมีสีเหลืองได้ เวลาตื่นมาตอนเช้า โดยที่ไม่มีการติดเชื้อแบคทีเรียก็ได้ แต่ในกรณีนี้ น้ำมูกมักจะมีสีเหลือง เวลาตื่นนอนตอนเช้า แต่ในช่วงเวลาอื่นของวัน น้ำมูกจะมีสีใส

4. สีเทา

น้ำมูกที่มีสีเทา อาจบ่งบอกว่าในจมูกของคุณมีริดสีดวงจมูก (nasal polyp)  ริดสีดวงจมูกเกิดจากเยื่อบุจมูกหรือไซนัสที่บวมออกมาเป็นก้อนในโพรงจมูก หรือไซนัส ซึ่งไม่ใช่เนื้องอกร้ายแต่อย่างใด มักเกิดจากการอักเสบเรื้อรังของเยื่อบุจมูก ซึ่งมีสาเหตุมาจากโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้, โรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง, โรคหืด หรือภาวะแพ้ยาแอสไพริน โรคไซนัสอักเสบจากเชื้อรา สามารถทำให้น้ำมูกหรือเสมหะมีสีเทาได้ ซึ่งมักเกิดจากสปอร์ของเชื้อรามาเกาะที่ผิวเยื่อบุจมูก และเจริญเติบโตมากขึ้น  มักมีสาเหตุมาจากการบาดเจ็บของเยื่อบุจมูกเรื้อรัง หรือภูมิต้านทานของร่างกายลดน้อยลง

5. สีเขียว

แสดงถึงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย กำลังทำงานต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย เหมือนกับการที่น้ำมูกมีสีเหลือง  สีเขียวเกิดจากเอนไซม์ ซึ่งสร้างโดยเม็ดเลือดขาว น้ำมูกที่มีสีเขียว มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียภายในโพรงจมูกหรือไซนัส (ไซนัสอักเสบ)

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

6. สีแดง

มักเกิดจากมีเส้นเลือดในโพรงจมูกแตก แล้วปนมากับน้ำมูก ซึ่งเส้นเลือดที่แตก อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การระคายเคือง หรือบาดเจ็บบริเวณจมูก, การอักเสบในโพรงจมูก, เนื้องอก, โรคของหลอดเลือดชนิดต่างๆ หรือแม้แต่การที่เยื่อบุจมูกแห้ง ทำให้เส้นเลือดในเยื่อบุโพรงจมูกอยู่ชิดกับผิวมากขึ้น ทำให้มีการแตกของเส้นเลือดได้ง่าย ซึ่งในกรณีที่น้ำมูกมีสีแดง โดยเฉพาะออกจากจมูกเพียงข้างใดข้างหนึ่ง ควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด  สาเหตุของจมูกแห้ง ได้แก่ ดื่มน้ำน้อย, อยู่ในห้องแอร์ ซึ่งมักจะทำให้เราต้องสัมผัสกับอากาศที่เย็นและแห้งเป็นประจำ หรือเปิดพัดลมเป่าจ่อที่หน้า หรือจมูกเป็นระยะเวลานาน หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีอากาศเย็นหรือหนาวจัด อาจต้องพ่นน้ำเกลือเข้าในโพรงจมูกบ่อยๆ หรือใช้เครื่องปรับอากาศให้อุ่นและชื้นขึ้น (humidifier)

7. สีดำ

การที่น้ำมูกมีสีดำ มักพบในผู้ที่สูบบุหรี่หรือสูดยานัตถ์, ใช้ยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย หรือผู้ที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีมลภาวะทางอากาศมาก หรืออาจเกิดจากการติดเชื้อราของโพรงจมูกหรือไซนัส

ดังนั้น ครั้งหน้าที่คุณสั่งน้ำมูก หรือสูดน้ำมูกลงคอแล้วขับออกมาเป็นเสมหะ แล้วบ้วนทิ้ง อย่าลืมดูสีของน้ำมูก หรือเสมหะด้วยนะคะ เพราะสีของน้ำมูก อาจบ่งบอกถึงโรค หรือพยาธิสภาพที่ซ่อนอยู่ในโพรงจมูกหรือไซนัสคุณได้ แต่ถ้าให้แน่ใจ ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อให้ได้การวินิจฉัย และการรักษาที่ถูกต้อง

อ่านต่อ >> “วิธีดูแลลูกเมื่อมีน้ำมูก” คลิกหน้า 3

ทั้งนี้เมื่อคุณพ่อคุณแม่ทราบแล้วว่า สีของน้ำมูก แบบต่างๆของลูกนั้น หมายถึงลูกกำลังป่วยเป็นโรคอะไร ทั้งนี้การสั่งน้ำมูกก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เด็กๆ จมูกโล่งได้ แต่ก็ไม่ควรสั่งแรง ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่จะต้องสอนลูกสั่งน้ำมูก หรือต้องดูแลลูกน้อยเมื่อมีน้ำมูกอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

วิธีสอนลูกสั่งน้ำมูก

การสั่งน้ำมูก เหมาะกับเด็กที่มีอายุได้ตั้งแต่ 2-3 ขวบ ควรฝึกลูกสั่งน้ำมูกเอง โดยคุณแม่ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ด้วยการใช้กระดาษทิชชู่กดรูจมูกข้างหนึ่งแล้วหายใจออกดังฟิด ใช้ทิชชู่ที่เตรียมไว้เช็ด ทำสลับกันทั้ง 2 ข้าง  โดยแรก ๆ คุณแม่อาจจะเป็นคนกดรูจมูกให้ลูกก่อน และอย่าสั่งแรงจนเกินไป

ดูแลยามน้ำมูกไหล

ทั้งนี้ยังมีวิธีลดน้ำมูกให้ลูกได้ ด้วยสมุนไพรในครัวที่มีอยู่ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถใช้บรรเทาอาการให้ลูกได้ดังนี้

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ข้อห้ามทำ เมื่อลูกมีน้ำมูก หรือเสมหะ

คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรซื้อยาลดน้ำมูกมาป้อนลูกเอง รวมถึงยาแก้ไอด้วย เพราะยาทั้งสองชนิดนี้ มีฤทธิ์ทำให้น้ำมูกและเสมหะแห้ง อาจทำให้เสมหะติดค้างในหลอดลม ไอออกมาไม่ได้ และการที่น้ำมูกไหล เป็นการขจัดเชื้อโรคออกจากร่างกายด้วยวิธีธรรมชาติดังนั้น ถ้าจำเป็นต้องกินยา ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของคุณหมอรวมทั้งยาหยอดจมูกเพื่อทำให้จมูกโล่งด้วยเช่นกัน

และไม่ควรแคะจมูกให้ลูกด้วยนิ้วหรือเล็บ ให้ใช้กระดาษทิชชู่หรือผ้านุ่ม ๆ บาง ๆ พันปลายเขี่ยภายในโพรงจมูกเบา ๆ เพื่อให้เด็กจามออกมา หรือใช้ไม้พันสำลีเช็ดรอบ ๆ รูจมูกเท่านั้น และต้องใช้อย่างระมัดระวังไม่ควรให้เด็กใช้ไม้พันสำลีเอง

อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก!

โรคติดต่อทางน้ำมูกน้ำลาย Enterovirus รุนแรง

เคาะปอดขับเสมหะ ให้ลูกน้อย วิธีง่ายๆทำได้เองที่บ้าน


ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก :  www.si.mahidol.ac.th

ขอบคุณส่วนหนึ่งจาก : หนังสือเลี้ยงลูกด้วยสมุนไพร หน้า 29 โดย พญ.อารีย์ โอบอ้อมรัก สำนักพิมพ์เอเชียบูรพา
ขอบคุณรูปภาพจาก www.dumenu.com/article/600/

Save