ลูกอมติดคอลูก …หนึ่งในเหตุการณ์สุดทรมานใจที่ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้เกิดขึ้นกับลูกของตัวเอง แต่หากมีสิ่งแปลกปลอมเกิดติดคอลูกจริงๆ หรือลูกสำลักอาหาร สิ่งที่พ่อแม่ต้องมีคือ “สติ” และควรเรียนรู้วิธีช่วยลูกที่ถูกต้องเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้ เพื่อจะได้ช่วยลูกน้อยได้อย่างทันท่วงที
ลูกอมติดคอลูก แม่เล่าวินาทีชีวิต ช่วยลูกรอดตายได้
เพราะดูคลิปวีดีโอนี้!
ลูกอมติดคอลูก ถ้าแม่ช่วยลูกไม่ทันภายใน 3 นาที แม่คงต้องเสียลูกไปแน่ๆ… นี่คือคำบอกเล่าจากคุณแม่ Rawinnipa Ekstrand แฟนเพจ Amarin Baby & Kids ซึ่งคุณแม่ได้ส่งคลิปวีดีโอมาให้กับแอดมิน ที่ฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์ให้กับแม่ ๆ ท่านอื่น ๆ
โดยคุณแม่ได้เล่าถึงวินาทีชีวิตที่ลูกสาววัย 3 ขวบที่กำลังพาลูกไปเดินเที่ยวงานแสดงสินค้าที่หนึ่ง ระหว่างนั้นมีคนในงานเอาลูกอมมาให้ลูกกิน และเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิด ระหว่างที่แม่กำลังคุยกับผู้ขายสินค้าอยู่ ลูกอมเกิดติดคอลูกน้อย ไม่มีเสียงแม้แต่จะร้องบอกแม่!
และด้วยสัญชาตญาณที่รู้ว่าลูกดูผิดปกติไป จึงทำให้คุณแม่รู้เลยว่า “ลูกอมกำลังติดคอลูกอยู่แน่ๆ” ซึ่งคุณแม่ก็เห็นว่าลูกสาวเริ่มมีอาการทุรนทุราย และตนทำอะไรไม่ถูก แม้จะตบหลังแล้วก็ไม่ออก ได้แต่คิดว่าถ้าทำไม่ทันภายใน 3 นาที จะต้องเสียลูกไปอย่างแน่นอน ระหว่างนั้นลูกก็เริ่มมีหน้าเปลี่ยนสี คล้ำม่วง ซึ่งมีคนล้อมรอบดูอยู่เยอะแต่ก็ไม่มีใครช่วยได้…
จนมีเสียงจากชายคนหนึ่งบอกให้คุณแม่เอานิ้วล้วงคอลูก ซึ่งคุณแม่ก็เกือบทำ แต่ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ถ้าเอามือล่วงไปลูกอมอาจติดคอลึกไปกว่านี้แน่ๆ จึงพยายามคิดหาวิธีเอาออก โดยการอุ้มลูกจากข้างหลังและใช้มือทุบหลังลูกอย่างแรง แต่ลูกอมก็ยังไม่หลุดออกมา….
ชมคลิป >> “คุณแม่เล่าเหตุการณ์วินาทีช่วยลูก เมื่อลูกอมติดคอ ให้รอดตายได้เพราะคลิปที่เคยดู” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
คลิป คุณแม่เล่าเหตุการณ์วินาทีช่วยลูก เมื่อลูกอมติดคอ
สุดท้ายคุณแม่จำได้ว่าเคยดูคลิป คลิปหนึ่งที่มีเด็กฝรั่งกำลังนั่งทานข้าวแล้วเกิดสำลักอาหารติดคอ และก็มีเพื่อนเดินเข้าไปช่วย จนเพื่อนคนนั้นรอดตาย คุณแม่จึงทำวิธีนั้นบ้าง จึงสามารถช่วยลูกน้อยจากอาการลูกอมติดคอได้สำเร็จ!
ถึงทุกๆคนค่ะ ยาว แต่อยากให้ทุกคนลองตั้งใจฟังค่ะ แชร์ได้ค่ะ เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นค่ะ
โพสต์โดย Rawinnipa Ekstrand บน 26 มิถุนายน 2017
ขอบคุณคลิปวีดีโอจาก คุณแม่ Rawinnipa Ekstrand
ซึ่งหลังจากที่ช่วยลูกได้แล้วคุณแม่ก็พบว่า ลูกน้อยมีอาการเจ็บกล้ามเนื้อบริเวณท้อง และได้พาไปเช็คร่างกายมาแล้วก็พบว่าปกติดี โดยการปฐมพยาบาลนั้น เรียนรู้ไว้ เป็นสิ่งที่ดี หากไม่ได้ช่วยลูกเราอาจจะได้ช่วยเหลือคนอื่นได้
⇒ อ่านต่อ >> คลิปนาทีชีวิต!! เด็กหนุ่มสำลักอาหารเกือบเสียชีวิต โชคดีเพื่อนใช้วิธีเฮมลิก แมนูเวอร์ ช่วยไว้ทัน
ทั้งนี้ คุณแม่ยังได้ฝากเตือนและแนะนำกับ แอดมิน Amarin Baby & Kids อีกว่า อยากให้คุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นได้เรียนรู้ถึงวิธีการปฐมพยาบาลและช่วยเหลืออย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ใดก็ตาม เพราะถึงแม่เรื่องร้ายนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นกับลูกของเรา เราก็สามารถนำวีนี้ไปช่วยคนอื่นๆ ได้เช่นกัน
สำหรับวิธีการช่วยลูกน้อยเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมติดคอ หรือลูกสำลักอาหาร คุณพ่อคุณแม่สามารถตามอ่านได้ จากลิงก์ด้านล่างนี้เลยค่ะ
วิธีช่วยชีวิตลูก สิ่งแปลกปลอมติดคอ สำลักอาหาร (มีคลิป)
อย่างไรก็ตามจากคลิปวีดีโอที่คุณแม่แฟนเพจส่งมาให้กับแอดมิน Amarin Baby & Kids นั้น “อย่าให้คลาดสายตา” นี่คงเป็นประโยคเตือนใจในการดูแลลูกน้อยวัย ตั้งแต่วัย 6 เดือน ถึง 5 ขวบ อันเป็นวัยซุกซนชอบจับชอบคว้า แล้ว…อ้ำ…เอาเข้าปากไปในทันใด ได้เป็นอย่างดี
จากสถิติในต่างประเทศ พบว่า…สิ่งที่เด็กกลืนลงไปกระทั่งติดคอนั้น
- 69% เป็นพวกเม็ดถั่ว และ เมล็ดผลไม้
- 5% เป็นชิ้นส่วนของเล่น และ เม็ดพลาสติก
เด็กที่เสียชีวิตเพราะของติดคอนั้น ในวัย 1-2 ขวบ มักเกิดจากชิ้นส่วนของเล่น ส่วนในวัย 3-4 ขวบ มักเกิดจาก อาหารประเภทไส้กรอกหรือลูกอม
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็พอสรุปได้ เป็นข้อคิด และข้อแนะนำ ให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้ ดังนี้
1) เด็กเล็กที่ชอบทานผลไม้ พ่อแม่ไม่ควรลืมเขี่ยเมล็ดออกให้หมดก่อนจะถึงปากของลูก และควร “เคลียร์พื้นที่” ให้มั่นใจว่าจะไม่มีสิ่งเหล่านี้ตกตามพื้น หรือซอกใดมุมใดที่เด็กอาจหยิบใส่ปาก
2) ระวังบรรดาลูกกวาด ลูกอม หรือแม้แต่น้ำแข็งก้อน ที่ผู้ใหญ่มักป้อนเด็กเล็กๆ ด้วยคิดว่า “อมๆไปเดี๋ยวมันก็ละลายเอง” โดยลืมไปว่าสิ่งใดก็ตามถ้าอุดตันหลอดลมเด็ก มีเวลาเพียง 4นาทีเท่านั้นที่จะช่วยชีวิตของพวกเขา!
3) ขนมเยลลี่ ควรหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่จานแล้ววางช้อนให้เด็กๆ ตักกินกันทีละคำ ซึ่งวิธีการเพื่อความปลอดภัยนี้ ยังใช้ได้กับอาหารอีกหลากหลายชนิด เช่น ไส้กรอก ลูกชิ้น กุนเชียง หมูแผ่น แม้แต่ ลูกเชอรี่ ลูกองุ่น ฝรั่ง ส่วนของกินประเภทถั่ว ข้าวโพดคั่ว ควรบิเป็นชิ้นเล็กๆ
4) หลีกเลี่ยงการเร่งให้เด็กกินเร็วๆ ซึ่งนอกจากเสี่ยงต่อการสำลักจนอาหารหลุดลงไปอุดหลอดลมแล้ว ก็ยังเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหารอีกด้วย รวมถึงอย่าป้อนข้าวลูกคำโตๆ หรือป้อนในขณะที่พวกเขากำลังวิ่งเล่น
อ่านต่อ >> “อันตรายจากสิ่งแปลกปลอม หรือ ลูกอมติดคอลูก” คลิกหน้า 3
อ่านต่อ “บทความดีๆ น่าสนใจ” คลิก!
- อุทาหรณ์ 13 สิ่งของต้องระวัง ทำลูกน้อยเสี่ยงเสียชีวิต
- วิธีช่วยเหลือลูกน้อย เมื่ออยู่ในสถานการณ์เสี่ยงตาย
- อุทาหรณ์ เยลลี่ติดคอลูกสาวจนตาเหลือก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อันตรายจากสิ่งแปลกปลอม หรือ ลูกอมติดคอลูก
อันตรายที่อาจเกิดขึ้นและรุนแรงจนทำให้เสียชีวิตได้ เนื่องจากการที่ทางเดินหายใจถูกอุดตัน เพราะมีสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไปติดคาอยู่บริเวณทางเดินหายใจ ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นกับลูกน้อยในเวลารับประทานอาหาร เช่น เคี้ยวอาหารไม่ละเอียดแล้วรีบกลืน กลืนอาหารพร้อมกับหายใจผิดจังหวะ หัวเราะขณะที่มีอาหารอยู่ในปาก มีอาหารปริมาณมากอยู่ในปากและพยายามกลืนอาหารทั้งหมด หรือดื่มน้ำขณะที่มีอาหารอยู่ในปาก ทำให้อาหารตกลงไปในหลอดลมแทนที่จะถูกส่งไปที่หลอดอาหารและไหลลงสู่ลำไส้ตามกระบวนการย่อยอาหารปกติ
2 ใน 3 ของผู้ที่เกิดภาวะทางเดินหายใจอุดตันเสียชีวิตด้วยสาเหตุเล็กน้อยเหล่านี้ ส่วนมากมักเกิดกับเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากพัฒนาการของฟันในเด็กเล็กยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ การเคี้ยวอาหารจึงไม่ละเอียด เมื่อกลืนลงไปจึงอาจติดคอได้ อีกประการหนึ่งคือธรรมชาติของเด็ก เมื่อหยิบจับอะไรได้ก็มักจะเอาเข้าปาก จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่คุณพ่อคุณแม่ควรจะเอาใจใส่ดูแลให้มากเป็นพิเศษ
สัญญาณบ่งบอกว่ามีสิ่งแปลกปลอมอุดหลอดลม
สังเกตได้จากหากลูกน้อยเอามือจับที่คอ พูดไม่ออก ไม่มีเสียง นั่นคือลูกพยายามที่จะหายใจ แต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากอากาศไม่สามารถผ่านหลอดลมได้หรือผ่านได้น้อยมาก จะได้ยินเสียงลมวี๊ด ๆ หรือเสียงครืด ๆ ใบหน้า มือ และเล็บ เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว หยุดหายใจ และหมดสติในที่สุด
หลักในการช่วยเหลือ เมื่อสิ่งแปลกปลอมอุดตันทางเดินหายใจ หรือลูกอมติดคอลูก
ต้องทำอย่างรวดเร็ว และถูกต้องที่สุด จะช่วยไม่ให้เสียชีวิต หรือพิการได้ โดยทั่วไปคนเราขาดอากาศหายใจได้ไม่เกิน 3-5 นาที หากนานกว่านั้นลูกน้อยอาจมีโอกาสฟื้น แต่สมองบางส่วนอาจได้รับผลกระทบ บางรายอาจกลายเป็นเจ้าหญิงหรือเจ้าชายนิทราไปตลอดชีวิต
กรณีที่สิ่งแปลกปลอมหลุดจากคอลงไปในกระเพาะอาหาร ส่วนใหญ่ที่พบ ได้แก่ เหรียญ แหวน เข็มเย็บผ้า ตะปู เข็มกลัด ฯลฯ หากเป็นวัตถุขนาดใหญ่จะทำให้ลำไส้อุดตัน อาหารผ่านไม่ได้ หากเป็นวัตถุปลายแหลมอาจทิ่มตำกระเพาะอาหารและลำไส้จนทะลุ
การปฐมพยาบาลทำได้โดยให้ผู้ป่วยรับประทานขนมปังปอนด์ ขนมฝรั่ง หรือขนมสาลี่ เข้าไปมากๆ จะช่วยเป็นตัวหุ้มหรือป้องกันไม่ให้วัตถุที่มีปลายแหลมแทงทะลุกระเพาะอาหารหรือลำไส้ จากนั้นรีบนำส่งโรงพยาบาล เพื่อเอกซเรย์ว่าวัตถุอยู่ในตำแหน่งใด แล้วรักษาโดยการผ่าตัดเอาออก โดยระหว่างนั้นห้ามกินยาถ่ายเป็นอันขาด
การมีสิ่งแปลกปลอมติดคออุดกั้นทางเดินหายใจ หรือลูกอมติดคอลูกน้อย ถ้าลูกขาดอากาศหายใจอาจเสียชีวิตได้ใน 10-15 นาที หากคุรพ่อคุณแม่ทำอะไรไม่ถูกแล้วยังพอมีสติอยู่บ้าง บริการการแพทย์ฉุกเฉิน สามารถช่วยคุณได้ เพียงโทร.1669 ก็จะมีชุดปฏิบัติการที่ผ่านการอบรมการช่วยชีวิตพื้นฐาน รวมถึงช่วยเหลือเบื้องต้นนำสิ่งแปลกปลอมที่อุดกั้นทางเดินหายใจออกมาอย่างถูกวิธี และเลือกนำส่งโรงพยาบาลที่จะให้การช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วทันท่วงที
เพราะคำว่า “ติดคอตาย” ไม่ใช่แค่เรื่องพูดกันเล่น… อย่าประมาท รู้วิธีแก้-รู้แหล่งขอความช่วยเหลือไว้ ก็ไม่เสียหายนะคะ!! เพื่อความปลอดภัยของคนที่คุณรัก
อ่านต่อ “บทความดีๆ น่าสนใจ” คลิก!
- ลูกชอบเอาของเข้าปาก
- ไส้กรอกมหันตภัย ติดหลอดลมลูกถึงตาย!!
- ก้างปลาติดคอลูก แก้ได้ด้วยน้ำมะนาวจริงหรือ? (มีคลิปคำตอบจากหมอ)
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.thaihealth.or.th , www.manager.co.th