AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

วิธีป้อนกล้วยทารก ที่ถูกต้อง! ไม่ทำร้ายลำไส้ลูก

การ ป้อนกล้วย ทารก หรือป้อนอาหารให้ลูก ก่อนวัยที่เหมาะสม จะทำให้ลำไส้ของลูกมีปัญหาได้ ทั้งลำไส้อักเสบ ลำไส้อุดตัน จนถึงไส้แตกตายได้

กล้วย ซึ่งเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่คนไทยรู้จักและคุ้นเคยกันมานานแสนนาน เพราะเมืองไทยเป็นแหล่งปลูกกล้วย หลายหลายสายพันธุ์ และ กล้วย ยังเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์และสรรพคุณ มากมาย โดยเฉพาะในเรื่องโภชนาการ ซึ่งต้องถือว่ากล้วยเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมากทีเดียว จึงมีประโยชน์แก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะเด็กๆ ซึ่งพ่อแม่หรือคนสมัยก่อนจึงไม่พลาดที่จะต้องป้อนกล้วย ทารก ตั้งแต่ยังตัวน้อย ๆ

ประโยชน์ของการ ป้อนกล้วย ทารก

ซึ่งจากที่คนแก่สมัยก่อนรู้จักกับประโยชน์ของการป้อนกล้วยให้กับลูกน้อยวัยทารก นั่นคือ…

กล้วย เป็นผลไม้ที่เหมาะเป็นอาหารเสริมสำหรับเด็กทารกโดยตรง เพราะเนื้อมีลักษณะนิ่ม ง่ายต่อการกินของทารกที่ยังไม่มีฟันหรือที่ฟันเพิ่งเริ่มขึ้น นอกจากนี้ กล้วยยังมีคุณค่าของธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารกด้วย เช่น มีกรดอะมิโนและเกลือแร่ที่จำเป็นสำหรับเด็กทารกหลายชนิด อีกทั้งมีส่วนประกอบของโปรตีนที่ใกล้เคียงกับน้ำนมแม่ เราจึงเห็นภูมิปัญญาของคนไทยตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันที่ใช้กล้วยน้ำว้ามาบดกับข้าวให้เด็กทารกกินเป็นอาหารเสริม เพราะทำให้เด็กทารกมีสุขภาพแข็งแรง

ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่จะ ป้อนกล้วย ทารก แต่หากคุณแม่ป้อนเร็วเกินไป ก่อนถึงวัยที่ลูกน้อยควรได้รับ ตามหลักที่แพทย์ องค์การอนามัยโลก หรือยูนิเซฟ ต่างบอกตรงกันคือไม่ควรกินอาหารที่ไม่ใช่นมที่อายุก่อน 6 เดือน ก็อาจทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายของลูกน้อยได้ โดยเฉพาะลำไส้ หรือระบบการย่อยอาหาร

เช่นเดียวกับคุณแม่ท่านนี้ ที่ได้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ Eve’z Thitapa‎ ออกมาโพสต์เตือนคุณแม่ๆ เกี่ยวกับการให้ป้อนกล้วย ทารก จนส่งผลให้ลูกเน่าลำไส้อักเสบ ซึ่งต้องคอยระวังให้ดี โดยเฉพาะบ้านไหนที่มีคนเฒ่าคนแก่อยู่ ซึ่งเชื่อว่าต้องกลายเป็นปัญหาระดับชาติ สร้างความทุกข์ใจให้กับคนในครอบครัวแน่นอน หากยังต้องเลี้ยงลูกที่อยู่ในสานการณ์แบบนี้

โดยคุณแม่เล่าว่า…

#ฝากไว้ให้เป็นเคสตัวอย่าง เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน
น้องแดนไทย 5 เดือน 3 วัน ซึ่งคุณย่าเค้าแอบป้อนกล้วยตั้งแต่ 3 เดือน เราก็ห้าม แกก็พูดแต่ว่าสมัยก่อนก็เลี้ยงมาแบบนี้ก็เห็นโตมาเป็นผัวมึงได้ไม่เจ็บไม่ป่วย จนอีแม่ยื่นคำขาดไม่ให้ป้อน แกก็หยุดไป

น้องได้ 4 เดือน 20 วัน แกก็แอบป้อนอีก ป้อนทุกวัน ซื้อมาเป็นหวีๆ เราเหนื่อยจะพูดเลยยอมให้ป้อน

อ่านต่อ >> “แม่เตือน! อย่างปล่อยให้ใครป้อนกล้วยลูกก่อนวัย เสี่ยงลำไส้อักเสบ” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

พอเข้า 5 เดือน จากที่ป้อนแค่ 1 มื้อ ตอนเที่ยงย่ากลับป้อนเช้า ป้อนเที่ยง ป้อนจนน้องกินนมแค่ 2 ออนซ์ ตั้งแต่เช้าถึงเที่ยง ขนาดเราบอกแกว่าอย่าป้อน

แล้ววันนี้พอก่อนน้องกินนมแค่ 2 ออนซ์เอง วัยแค่ 5 เดือน กินนมน้อยลงมันไม่ดีนะ แกก็ทำเฉยเดินไปหยิบช้อน หยิบกล้วยมานั่งป้อน เหมือนไม่ได้สนใจในคำพูดเรา

เราหมดความอดทนทะเลาะกันแรงมากเรื่องการเลี้ยงลูก เราเป็นแม่แต่ไม่เคยได้ตัดสินใจเองสักอย่างโดนขัดตลอด แกหาว่าเราเชื่อในเน็ตมากเกินที่ให้ลูกกินนมแม่อย่างเดียวถึง 6 เดือน

สุดท้ายสิ่งที่อีแม่กลัวที่สุดว่าจะเกิดกับลูกตัวเองเพราะเห็นเคสเด็กที่กินอาหารก่อนวัยก็เกิด

ลูกเราถ่ายแข็งปนก้อนเลือดออกมารูก้นแดง อาเจียนกินนมเข้าไปก้อแหวะนอนกลางคืนอยู่ๆ ก็ตื่นมาหวีดร้องเหมือนปวดท้องพาไปหาหมอ ดีที่เจออาจารย์หมอเด็กพอดี เราเก็บอึน้องไปด้วย พาย่าเค้าไปนั่งฟังด้วยจะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง

หมอรู้ว่าลูกเราโดนป้อนกล้วย หมอด่าใหญ่เลย ไม่ใช้แค่กล้วยนะ ลืมบอกน้ำส้มด้วยคั้นให้กินทุกวัน แกซื้อมาเป็นโลๆ เราบอกว่ามันเป็นกรดก็ไม่เชื่อสุดยอดของความดื้อ ดัน แม่ผัวเรา

หมอบอกลูกเราลำไส้อักเสบ งดกล้วย ส้ม ไม่งั้นถ้าอักเสบกว่านี้อาจถึงขั้นเน่า ต้องผ่าตัด ทีนี้ความกดดันก็มาตกที่อีแม่ ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์นะคะ สำหรับคนที่มีผู้ใหญ่ในบ้านความคิดเหมือนแม่ผัวเรา ลูกพูดไม่ได้คนเป็นแม่นี้แหละที่ต้องปกป้องลูก เพราะถ้าลูกเป็นอะไรขึ้นมาคนที่ทุกข์ที่สุดก็คือแม่อย่างเรา

“กล้วย” ทำร้าย ลำไส้ลูกได้อย่างไร?

จากที่คุณแม่เล่ามา ข้างต้นในเรื่องที่คุณย่าแอบป้อนกล้วยลูก จนทำให้ลูกน้อยลำไส้ อักเสบ เป็นเพราะเนื่องจากก่อน 6 เดือนเด็กยังมีกระเพาะอาหารและลำไส้ไม่แข็งแรงเต็มที่ ระบบการย่อยยังไม่สมบูรณ์ หากกินอาหารอื่นที่ไม่ใช่นมเข้าไป อาจมีความผิดปกติได้ เช่น ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ท้องผูก ท้องเสีย แพ้อาหารเนื่องจากเยื่อบุลำไส้ยังอยู่กันหลวมๆ

ทำให้โปรตีนแปลกปลอมเล็ดลอดเข้าสู่กระแสเลือด ไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารต่อต้านโปรตีนแปลกปลอม แล้วนำไปสู่การเกิดโรคภูมิแพ้ในอนาคต

ซึ่งจากเหตุผลที่ว่า ต้องการให้ลูกอายุยังไม่ถึง 6 เดือน กินกล้วยเข้าไปเพื่อให้อยู่ท้อง นั้น ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง

เพราะเคยมีกรณีที่ป้อนกล้วยให้กับเด็กอายุยังไม่ถึงเดือนด้วยเหตุผลนี้ ผลที่เกิดขึ้น คือ กล้วยไปทำให้ลำไส้อุดตัน กระเพาะอาหารแตก และเสียชีวิต

⇒ Must read : ทารกกินกล้วย เสียชีวิต! ด้วยวัยเพียง 7 วัน

และหากใครที่ให้ลูกกินกล้วยก่อนอายุ 6 เดือน แล้วลูกปกติดี ไม่เป็นอะไร ก็ถือว่าโชคดีไปค่ะ ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะไม่ได้ป้อนเยอะเกินไปจนเกิดปัญหา และ ถ้าลูกกินกล้วยก่อน 6 เดือน แล้วพบว่า… ลูกก็เป็นเด็กฉลาด นั่นไม่ได้เป็นเพราะกล้วยนะคะ คนจะฉลาด กินอะไรก็ฉลาดค่ะ นั่นแสดงว่า ลูกฉลาดเพราะได้พันธุกรรมที่ดีมาจากพ่อแม่ และ ได้รับการเลี้ยงดูที่ดี ได้รับการกระตุ้นพัฒนาการอย่างเหมาะสม จึงทำให้ลูกเป็นเด็กฉลาดค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ(ป้าหมอ) กุมารแพทย์ทารกแรกเกิด โรงพยาบาลบีเอ็นเอช

อ่านต่อ >> สรรพคุณของกล้วย ป้อนให้ถูกเวลา ช่วยให้ลูกได้ประโยชน์เต็มๆ” คลิกหน้า 3

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

สรรพคุณของกล้วย ป้อนกล้วย ทารก ให้ถูกเวลา
ช่วยให้ลูกได้ประโยชน์เต็มๆ

 

กล้วย เป็นแหล่งพลังงานสำรองชั้นดี ซึ่งในกล้วย 1 ผล สามารถให้พลังงานได้ร่วม 100 แคลอรี่ มีน้ำตาลธรรมชาติอยู่ 3 ชนิด ทั้ง ซูโครส ฟรุคโทส และกลูโครส รวมไปถึงเส้นใยและกากอาหาร และอุดมด้วย วิตามินบี 6 ที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทาน แถมแร่ธาตุอย่างแมกนีเซียมและโพแทสเซียม ที่ช่วยป้องกันโรคความดันได้อีกด้วย

และในบรรดากล้วยทั้งหมด กล้วยน้ำว้า เป็นพันธุ์ที่ให้แคลเซียมสูงสุด นอกจากนั้นก็ยังมีวิตามินบี 1 บี 2 ซี และไนอะซิน (บี 6) ในปริมาณที่เท่า ๆ กัน แต่ที่ทำให้กล้วยน้ำว้า มีคุณค่าสารอาหารที่พิเศษกว่ากล้วยชนิดอื่น นั่นก็คือ โปรตีนที่อยู่ในกล้วยน้ำว้า มีกรดอะมิโน อาร์จินิน และฮีสติดิน

ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก ถึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตอนเด็ก ๆ ผู้ใหญ่ จึงป้อนกล้วยบดให้กิน เพราะอุดมด้วยสารอาหาร และวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายของลูกน้อยนั่นเอง

สรรพคุณของกล้วยน้ำว้าช่วยป้องกันโรค

  1. กล้วยน้ำว้า ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ รับประทานวันละ 5 – 6 ผล จะช่วยให้อาการคะคายเคืองลดน้อยลง
  2. กล้วยน้ำว้า ยังช่วยระงับกลิ่นปากได้ วิธีการก็คือ รับประทานกล้วยน้ำว้าหลังตื่นนอนทันที แล้วค่อยแปรงฟัน จะช่วยลดกลิ่นปากได้มาก
  3. กล้วยน้ำว้ายังสามารถรักษาโรคกระเพาะ เพราะในกล้วยน้ำว้ามีสารแทนนินอยู่มาก จึงสามารถช่วยรักษาอาการท้องเสียแบบไม่รุนแรงได้
  4. กล้วยน้ำว้า สามารถแก้ท้องผูก และแก้อาการท้องเดินหรือท้องเสียได้

จะเห็นได้ว่ากล้วยน้ำว่ามีประโยชน์มากมาย ซึ่งหารับประทานได้ไม่ยาก ราคาของกล้วยน้ำว้าก็ไม่แพงเมื่อเทียบกับผลไม้อื่น หากได้รับประทานกล้วยน้ำว้า เพียงวันละ 1 ลูก ก็จะทำให้ห่างไกลหมอได้พอสมควร นอกจากนี้ กล้วยน้ำว้า ยังมีแคลเซียมสูงและดูดซึมได้เร็ว 5-6 เท่า เมื่อถูกความร้อน ซึ่งคุณแม่สามารถ ป้อนกล้วย ทารก เมื่อถึงวัย 6 เดือนขึ้นไปแล้วได้ โดยเฉพาะกล้วยบวชชีและกล้วยปิ้ง

อย่างไรก็ดีหากคุณพ่อคุณแม่ หรือคุณปู่ยาตายาย อยาก ป้อนกล้วยให้ลูกน้อยของเราจริงๆ ก็ควรบอกให้เค้าป้อนได้ แต่ต้องป้อนหลัง 6 เดือนขึ้นไปจะดีกว่า แล้วก็บอกไปว่า… เพราะช่วงนี้หากลูกกินกล้วยจะช่วยให้ได้รับประโยชน์ที่ดีในเวลาที่เหมาะสมกว่ากินตอนที่ยังเล็กๆ หรือไม่ก็หาข่าวที่มีให้เห็นอยู่หลายบ้าน ซึ่งต้องเสียลูกน้อยไป เพราะการ ป้อนกล้วย ทารก ก่อนวัยอันควร ให้เค้าได้อ่านได้เห็นของจริง ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยได้

อ่านต่อ “บทความน่าสนใจ” คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก : www.sanook.com