AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ลูกเจ็บคอ ต่อมทอนซิลอักเสบ สังเกตให้ดี เสี่ยงเป็นโรคหัวใจ!

ลูกเจ็บคอ อาการที่น่ารำคาญและน่าสงสารที่สุดสำหรับลูกน้อย โดยเฉพาะลูกน้อยที่ยังพูดไม่ได้หรือบอกไม่ได้ว่าเจ็บอย่างไรตรงไหน ตามมาดูอาการต่อมทอนซิลอักเสบของลูกน้อย พร้อมวิธีรักษากันเลยค่ะ

อากาศช่วงนี้เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน ซึ่งอาจทำให้ลูกน้อยป่วย เป็นไข้หวัด แพ้อากาศและมีอาการเจ็บคอได้ แต่อย่างไรก็ดีอาการเจ็บคอที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อนั้นมีเพียงร้อยละ 10 แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ควรประมาท ทางที่ดีลองสำรวจจากข้อบ่งชี้เหล่านี้

ลูกเจ็บคอ ต่อมทอนซิลอักเสบ สังเกตให้ดี เสี่ยงเป็นโรคหัวใจ!

⇒ ไข้สูง ตั้งแต่ 38 องคาเซลเซียส หรือ 101 องศาฟาเรนไฮต์ ขึ้นไป มีอาการอ่อนเพลีย หนาวสั่น

⇒ ในลำคอมักมาพร้อมโรคที่ทำให้เกิดอาการเจ็บคออื่นๆ เช่น ไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ แต่อาการเจ็บคอเพราะติดเชื้อจะแสดงอาการนานกว่า

⇒ ต่อมทอนซิลอักเสบ ต่อมทอนซิลเป็นปุ่มเนื้อบริเวณช่องคอด้านในทั้งสองข้าง ทำหน้าที่ดักจับเชื้อโรคต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาทางปากและจมูกหากเกิดอาหารติดเชื้อในช่องคอ ทอนซิลจะอักเสบและบวมแดง บางครั้งอาจมีจุดหนองสีขาวเล็กๆ กระจายอยู่บนผิวทอนซิลด้วย

ทั้งนี้ ต่อมทอนซิล เป็นอวัยวะที่อยู่ภายในลำคอ เป็นต่อมน้ำเหลืองที่ทำหน้าที่จับสิ่งแปลกปลอม เช่น แบคทีเรียที่เข้าสู่ร่างกายคล้ายกองทหารด่านหน้า แต่บ่อยครั้งที่คุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตว่าลูกน้อยในบ้านบ่นเจ็บคอ สาเหตุเพราะการอักเสบภายในลำคอตามที่กล่าวมาข้างต้น และต่อมทอนซิลอักเสบนั่น มักพบบ่อยในลูกน้อยที่อยู่ในวัยเรียน ซึ่งคุณพ่อคุณแม่หลายคนคงสงสัยว่าจะเป็นอันตรายหรือไม่ ตามไปอ่านคำอธิบายจากคุณหมอกันเลยค่ะ

อ่านต่อ >> “สาเหตุที่ลูกเจ็บคอ จนเป็นต่อมทอนซิลอักเสบ” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

โดย ศ.พญ.นวลอนงค์ วิศิษฏสุนทร ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้อธิบายถึงอาการที่ลูกเจ็บคอ และเสี่ยงเป็นต่อมทอนซิลอักเสบว่า…

ลูกเจ็บคอสาเหตุเกิดจาก

1. เชื้อไวรัสเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย ส่วนใหญ่การรักษาทำได้ไม่ยาก เพียงรับประทานยา รักษาตามอาการ พักผ่อนให้เพียงพอ เจ้าหนูน้อยก็จะฟื้นตัวหายดีภายในระยะเวลาอันสั้น

2. เชื้อแบคทีเรียโดยเฉพาะที่เกิดจากเชื้อเบตา สเตรปโตค็อกคัส กลุ่มเอ ผู้ป่วยจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลรักษาของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะหากได้รับการรักษาไม่ถูกวิธี รับประทานยาไม่ครบขนาด หรือใช้ยาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิภาพไม่เพียงพอที่จะกำจัดเชื้อชนิดนี้ได้แม้อาการจะทุเลาลงแต่ก็มีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนรุนแรงได้

อาการที่พ่อแม่ต้องสังเกต!
เมื่อลูกเจ็บคอ เป็นทอนซิลอักเสบเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย

1. ไข้สูง ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดศีรษะ บางรายอาจมีไข้สูงจนชักได้

2. อ่อนเพลีย หรืออาจโยเย ร้องกวนไม่ยอมนอน

3. เบื่ออาหาร

4. คอหรือต่อมทอลซิลแดง บางรายอาจมีหนองร่วมด้วย

5. อาจกลืนอาหารและน้ำลำบาก โดยเฉพาะในเด็กเล็ก

6.อาจอาเจียน ปวดท้อง หรือมีอาการท้องเดินร่วมด้วย

โรคแทรกซ้อนสำคัญที่ต้องระวัง

เชื้อเบตา สเตรปโตค็อกคัส กลุ่มเอ อาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่รุนแรงต่อหัวใจของเด็ก โดยที่เชื้อนี้จะทำให้เกิดการอักเสบของข้อต่าง ๆ และมักมีอาการอักเสบของหัวใจร่วมด้วย เราเรียกว่า “ไข้รูมาติก” โดยทั่วไปจะพบภายหลังคออักเสบหรือต่อมทอนซิลอักเสบแล้วไม่ได้รับการรักษาภายใน 1 – 4 สัปดาห์ ทั้งนี้เนื่องจาก หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง หรือปล่อยให้อาการกำเริบซ้ำ ๆ จะทำให้หัวใจอักเสบเรื้อรัง และในที่สุดหัวใจก็จะตีบและรั่ว หรือที่เรียกว่า “โรคหัวใจรูมาติก” บางรายอาจต้องได้รับการการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ทำให้สิ้นเปลืองเงินทองและเวลาเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เชื้อกลุ่มนี้ยังทำให้เกิดอาการไตอักเสบได้หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง

อ่านต่อ >> “วิธีการรักษาคออักเสบ หรือต่อมทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย” คลิกหน้า 3

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ข้อแนะนำในการรักษา (คออักเสบ หรือต่อมทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย)

1. หลังจากแพทย์วินิจฉัยอาการ และสั่งยาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อเบตา สเตรปโตค็อกคัส กลุ่มเอ เช่น เพนิซิลิน อีริโทรมัยซิน คลาริโทรไมซิน ให้แล้ว ข้อสำคัญ คือ ผู้ป่วยจะต้องรับประทานยาต่อเนื่อง7 – 10 วันจนครบ แม้อาการจะทุเลาแล้วก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไข้รูมาติก หรือไตอักเสบแทรกซ้อน

2. เช็ดตัว ร่วมกับการให้ยาลดไข้เมื่อมีไข้สูง

3. พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ

4. รับประทานอาหารรสอ่อน ๆ และดื่มน้ำหวานบ่อย ๆ เนื่องจากเด็กจะเจ็บคอมากทำให้รับประทานได้น้อย

5. กลั้วคอทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือ วันละ2 – 3 ครั้ง

ข้อควรระวัง!

หากตัวคุณพ่อคุณแม่เองหรือลูกน้อยมีไข้ เจ็บคอมาก ควรนึกถึงโรคคออักเสบ หรือต่อมทอนซิลอักเสบไว้ด้วยเสมอ และควรรีบมาพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ รวมทั้งควรปฏิบัติตนตามคำแนะนำในการใช้ยาอย่างเคร่งครัดนะคะ …เพราะถึงแม้ว่าอาการคออักเสบ และต่อมทอนซิลอักเสบ จะเป็นความผิดปรกติที่ไม่รุนแรงต่อสุขภาพมากนัก แต่หากทิ้งไว้ก็อาจเป็นสาเหตุเริ่มต้นของ “ไข้รูมาติก” และ “โรคหัวใจรูมาติก”

 

ดังนั้นหากเด็กได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี และปฏิบัติตนตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด โอกาสที่จะเกิดความผิดปรกติทั้งสองอาการที่กล่าวมาก็จะเป็นไปได้ยาก ที่สำคัญต้องฝากถึงคุณพ่อคุณแม่หากลูกน้อยมีอาการ ลูกเจ็บคอ คออักเสบ หรือทอนซิลอักเสบ ควรรีบนำมาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย อย่าซื้อยารับประทานเองโดยเด็ดขาด เพราะอันตรายที่ท่านคาดไม่ถึงอาจมาเยือนคนที่ท่านรักได้ค่ะ

อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก : www.si.mahidol.ac.th