ไวรัสลงกระเพาะ เกิดขึ้นได้กับเด็กๆ โดยเฉพาะทารกวัย 6 เดือนขึ้นไปที่เริ่มมีพัฒนาการเอามือเข้าไปอมในปาก หรือกัดแทะเอาทุกอย่างที่ข้างหน้าเข้าปาก (ซึ่งเต็มไปด้วยเชื้อโรค) จึงทำให้ทารกมีอาการป่วยท้องเสียและอาจอาเจียนร่วมด้วย
แม่ฝากเตือน! ปล่อยให้คนอื่นทำแบบนี้….!?กับลูก เสี่ยงลูกป่วยติดเชื้อ ถ่ายท้อง ” ไวรัสลงกระเพราะ “
สาเหตุของโรคไวรัสลงกระเพาะและลำไส้ ในเด็กเล็กส่วนใหญ่มักเกิดจากเชื้อไวรัสหลายสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรค ที่สำคัญและเป็นที่รู้จักกันมาก คือ เชื้อไวรัสโรต้า เชื้อไวรัสนี้เกิดจากการสัมผัสกับสารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลายอุจจาระ การคลุกคลีกับผู้ป่วย การสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้ออยู่แล้วเอามือเข้าปาก ซึ่งเช่นเดียวกับคุณแม่ท่านนี้ ที่ตรวจพบว่าลูกชายวัย 6 เดือน ติดเชื้อไวรัส จนทำให้ถ่ายท้องติดต่อกันนานกว่า 9 วัน ซึ่งหมอได้วินิจฉัยว่าหนูน้อยเป็นไวรัสลงกระเพาะ อันเรื่องมาจากอาจเผลอเอามือเข้าปาก และมีผู้ใหญ่ที่มาจับมือลูกโดยไม่ได้ล้างมือก่อนจึง อาจทำให้เมื่อหนูน้อยเผลอนำมือเข้าไปอมนำปากจึงได้รับเชื้อโรคนั้นๆ โดยคุณแม่เล่าอาการและฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์ให้ดูแลลูกน้อยไว้ ดังนี้
อ่านต่อ >> “คุณแม่เล่าอาการ เมื่อลูกน้อยติดเชื้อไวรัสลงกระเพาะ พร้อมสิ่งที่พ่อแม่ต้องระวัง” คลิกหน้า 2
อ่านต่อ “บทความดีๆ น่าสนใจ” คลิก!
- แม่แชร์ประสบการณ์เตือน! ลูกท้องเสียถ่ายเหลว ไม่ใช่ยืดตัว แต่เพราะติดเชื้อในกระแสเลือด
- รู้ทันไวรัสลงกระเพาะและลำไส้ในเด็ก
- 5 โรคทางเดินอาหารยอดฮิตพบบ่อยในช่วงวัยขวบปีแรก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
จากที่คุณแม่ท่านนี้เล่ามา จะเห็นได้ว่า นั่นคือพัฒนาการของทารกในวัยนี้อยู่แล้วที่มักชอบอมมือ อมเท้า หรือนำสิ่งของต่าง ๆ เข้าปาก ซึ่งสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ คือ คอยระวังเรื่องเชื้อโรค แม้จะไม่สามารถระวังได้ทุกฝีเก้าก็ตาม แต่อย่างที่คุณแม่ท่านนี้แนะนำคือ อย่าให้ผู้อื่นเผลอมาจับมือหรือสัมผัสข้าวของที่ลูกน้อยชอบเอาไปกัดอม โดยไม่ล้างมือ และหมั่นเช็ดล้างมือของลูกน้อยเท่าที่ทำได้ เพื่อไม่ให้ลูกน้อยได้รับเชื้อโรค จนทำให้เกิดอาการท้องเสีย ไวรัสลงกระเพาะเช่นนี้
ไวรัสลงกระเพาะ ในเด็กเล็ก
ไวรัสลงกระเพาะ หรือท้องเดินจากไวรัส หรือทางเดินอาหารอักเสบจากไวรัส หรือไวรัสทางเดินอาหารอักเสบ หรือกระเพาะอาหารอักเสบจากไวรัส หรือไวรัสกระเพาะอาหารอักเสบ หรือหวัดลงกระเพาะ หรือท้องเสียจากไวรัส หรือท้องร่วงจากไวรัส (Viral gastroenteritis) เป็นโรคติดเชื้อเฉียบพลันที่เกิดจากติดเชื้อไวรัสในเยื่อเมือกของกระเพาะอาหารและของลำไส้ โดยจัดอยู่ในกลุ่มของโรคอาหารเป็นพิษ แต่เป็นชนิดที่เกิดจากเชื้อไวรัส ไม่ได้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่พบได้บ่อยเช่นกัน
สำหรับโรคไวรัสลงกระเพาะและลำไส้ในเด็กเล็ก เมื่อลูกน้อยเคยเป็นแล้วก็อาจมีโอกาสเป็นอีกได้ ถ้าหากได้รับเชื้อไวรัสคนละสายพันธุ์กับที่เคยเป็น เพราะมีเชื้อไวรัสหลายสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรคนี้ โดยการติดต่อของเชื้อไวรัส เกิดจากการสัมผัสกับสารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลาย อุจจาระ จากการคลุกคลีกับผู้ป่วยโดยตรงหรือการสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้ออยู่แล้วเอามือเข้าปาก โดยหลังการสัมผัสเชื้อโรคจนกระทั่งแสดงอาการอาจใช้เวลาสั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงจนถึง 2 วัน
สาเหตุ ที่ทำให้ลูกน้อยป่วยเป็นไวรัสลงกระเพาะ
ไวรัสลงกระเพาะเกิดจากเรากินอาหาร ดื่มน้ำ/เครื่องดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสที่ก่อการติดเชื้อกับเยื่อเมือกของกระเพาะอาหารและลำไส้ ทั้งนี้รวมทั้งการที่เรากลืนเชื้อไวรัสนี้เข้าไปทางปากจากเชื้อติดอยู่กับอุจจาระ หรือกลืนสารคัดหลัง (เช่น น้ำลาย) ของผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสนี้ หรือ ของผู้ป่วยที่เป็นพาหะโรคนี้เช่น อุจจาระหรือน้ำลายจากการคลุกคลีผู้ป่วยโรคนี้ จากมือ จากแก้วน้ำ ช้อน ชาม เสื้อผ้า ผ้าอ้อม ที่มีเชื้อไวรัสนี้ติดอยู่ ซึ่งเชื้อไวรัสที่ก่อโรคไวรัสลงกระเพาะ มีหลากหลายชนิดที่พบบ่อยเช่น
- Norovirus (Norwalk like virus หรือไวรัสในกลุ่ม Calicivirus) เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด พบได้ในทุกอายุพบบ่อยในเด็กวัยเรียน และเป็นชนิดที่ก่อให้เกิดการระบาดในโรงเรียน ในค่ายต่างๆ รวมถึงในเรือสำราญ
- Rotavirus เป็นชนิดมักก่อโรคในเด็กโดยเฉพาะในเด็กเล็กที่มักก่อโรครุนแรง ในผู้ใหญ่มักพบในผู้ที่อยู่ในสถานพยาบาล (Nursing home) อนึ่งอ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ com บท ความเรื่อง ท้องร่วงจากไวรัสโรตา
- Astrovirus มักก่อโรคในเด็กอ่อนและเด็กเล็กแต่ก็พบในผู้ใหญ่ได้ และมักก่ออาการไม่รุนแรง
- Adenovirus เป็นไวรัสชนิดที่มีหลากหลายสายพันธุ์ย่อย และก่อโรคได้หลายระบบในร่างกาย ขึ้นกับชนิดของแต่ละสายพันธุ์ย่อยเช่น ระบบหายใจ ระบบทางเดินอาหาร ในระบบทางเดินอาหารก่อโรคได้ในทุกอายุแต่มักพบในอายุต่ำกว่า 2 ปี และมีความรุนแรงของอาการได้ตั้งแต่อาการน้อยไปจนถึงอาการรุนแรง ทั้งนี้ขึ้นกับแต่ละชนิดย่อยของไวรัสและปริมาณไวรัสที่ร่างกายได้รับ
อ่านต่อ >> “วิธีการดูแลรักษาลูกน้อย เมื่อป่วยเป็นไวรัสลงกระเพาะ” คลิกหน้า 3
ขอขอบคุณข้อมูลเรื่อง ไวรัสลงกระเพาะ ท้องเดินจากไวรัส (Viral gastroenteritis) จาก ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์ วว.รังสีรักษา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์ haamor.com
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อาการของโรค
เริ่มจากอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อาจมีไข้ต่ำๆ หรือมีไข้สูงก็ได้ เบื่ออาหาร ถ่ายเหลวเป็นน้ำ อาจมีมูกแต่ไม่มีเลือด กลิ่นไม่เหม็นคาว ส่วนใหญ่มีอาการ 3 – 7 วัน แต่บางรายอาจนานถึง 2 สัปดาห์ ความรุนแรงขึ้นอยู่กับระดับภูมิต้านทาน บางคนรุนแรงน้อย อาเจียนไม่กี่ครั้ง ให้ยากินระงับอาเจียนก็ดีขึ้น แต่บางคนต้องฉีดยาหรือนอนโรงพยาบาลเพื่อให้น้ำเกลือทางเส้นเลือด
อาการอื่นๆ ที่อาจพบได้ เช่น
- มีไข้อาจหนาวสั้น
- ปวดศีรษะ
- ปวดกล้ามเนื้อ ปวดเนื้อตัว ปวดข้อ
- เหงื่อออกมาก
- อ่อนเพลีย
กรณีอาการรุนแรงอาการที่พบได้ เช่น
- กระหายน้ำมากหรือเกิดภาวะขาดน้ำ
- ตาแห้ง เบ้าตาลึก (Sunken eyes) ปากแห้ง น้ำลายเหนียว
- ผิวแห้ง/ผิวหนังแห้ง
- ปัสสาวะน้อยจนถึงไม่มีปัสสาวะ
- อ่อนเพลียมาก ซึม กระสับกระส่าย
- กิน/ดื่มไม่ได้ มีท้องเสียทุกครั้งที่กิน/ดื่ม
- ท้องเสีย อาเจียน ไม่หยุด
- ไข้สูง
- เป็นลม
ทำอย่างไรเมื่อลูกป่วยท้องเสีย
- การดูแลเบื้องต้น คือ ให้ยาระงับอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้อาเจียน ยาแก้ปวดท้อง ยาขับลม
- ยาแก้อาเจียน คือ Domperidone หรือ Motilium ขนาดยาคือ ช้อนชา (2.5 ซีซี) ต่อน้ำหนักตัว 10 กิโลกรัม กินก่อนอาหารครึ่งชั่วโมง วันละ 3 – 4 ครั้ง ไม่ควรกินยาแล้วกินอาหารทันทีเพราะอาจอาเจียนได้อีก เนื่องจากยายังไม่ได้ดูดซึมเข้าร่างกาย
- ยาแก้ปวดท้อง คือ Berclomine ให้ในรายที่มีอาการปวดเกร็งปวดบิด ขนาดยาเหมือนยาแก้อาเจียน แต่กินหลังอาหาร
- ยาขับลม คือ Simethicone แก้ท้องอืด ลดแก๊ส กินครั้งละ 0.5 – 1 ซีซี ทุก 2 – 4 ชั่วโมง
- ให้อาหารอ่อนย่อยง่ายครั้งละน้อยๆ เช่น ข้าวต้มครั้งละ 5 – 6 คำแต่ให้บ่อยๆ ไม่เลี่ยนมัน หากลูกกินนมผสม ให้ชงนมจางกว่าปกติ ให้ดื่มครั้งละไม่เกินครึ่งหนึ่งของปริมาณปกติ เพื่อไม่ให้ลำไส้ทำงานหนัก
- ให้จิบน้ำเกลือแร่ ORS จะได้ไม่มีอาการอ่อนเพลียจากการเสียสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย ไม่ให้น้ำหวาน น้ำอัดลม หรือน้ำเกลือแร่สำหรับผู้เสียเหงื่อจากการเล่นกีฬา เพราะน้ำตาลที่เข้มข้นมากเกินไปจะทำให้ท้องเสียมากขึ้น เนื่องจากน้ำตาลที่ระดับความเข้มข้นไม่เหมาะสมจะดึงน้ำออกจากเซลล์เยื่อบุลำไส้มากขึ้น
- งดของแสลงเวลาที่ท้องเสีย จนกว่าอาการจะดีขึ้น เช่น ผัก ผลไม้ ไข่ นมวัว แล้วเปลี่ยนเป็นนมถั่วเหลืองหรือนมวัวสูตรพิเศษที่ไม่มีน้ำตาลแล็กโทส หากลูกไม่ยอมเปลี่ยนนม อาจลองชงนมเดิมที่กินอยู่ แต่ให้เจือจางกว่าปกติเท่าตัว (มักหายช้ากว่าเปลี่ยนเป็นนมที่ไม่มีน้ำตาลแล็กโทส)
สำหรับเด็กที่กินอาหารเสริมแล้ว หากชงนมผสมเจือจางแล้วยังมีอาการถ่ายเหลวไม่หยุด แต่ไม่ยอมกินนมถั่วเหลือง ให้เน้นกินข้าวต้มหรือโจ๊กใส่เนื้อสัตว์เล็กน้อย และน้ำข้าวต้มใส่เกลือเล็กน้อย แล้วงดนมวัวไปได้เลย เมื่ออาการดีขึ้นต้องค่อยๆ กลับไปกินอาหารตามปกติ อย่ารีบร้อนเปลี่ยนกลับทันที เพราะอาจกลับไปท้องเสียใหม่ได้ ในกรณีที่ลูกดูดนมแม่ สามารถให้ได้ตามปกติ ไม่ต้องงดค่ะ
- คอยระวังก้นแดงจากการถ่ายบ่อย ต้องคอยเปลี่ยนผ้าอ้อมทันทีอย่าแช่นาน และควรพาไปล้างก้นด้วยน้ำธรรมดา ไม่ต้องอุ่นและไม่ต้องใช้สบู่ เพราะจะทำให้ผิวหนังแห้งเป็นผื่นง่าย อาจทาวาสลีนหรือปิโตรเลียมเจลเคลือบผิวบริเวณก้น เพื่อช่วยบรรเทาการระคายเคืองจากเศษอุจจาระ จะช่วยป้องกันไม่ให้ก้นแดงได้
- ห้ามให้ยาหยุดถ่ายในเด็ก เพราะทำให้เชื้อโรคคั่งในร่างกายจนเป็นอันตรายหรือมีอาการปวดมวนท้องมากขึ้น
อาการไหน ควรพาลูกไปหาหมอ?
- ลูกยังอาเจียนอยู่ทั้งที่รับประทานทานยาแก้อาเจียนแล้ว
- ไม่อาเจียนแล้ว แต่รับประทานอาหารไม่ได้
- มีอาการซึม อ่อนเพลีย มีอาการของการขาดน้ำและปัสสาวะออกน้อย
- ถ่ายอุจจาระมีมูกเลือด หรือกลิ่นแรงเหม็นคาว หรือถ่ายรุนแรงมากเป็นน้ำตลอดเวลา กรณีนี้ควรนำอุจจาระไปโรงพยาบาลด้วยเพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการและเพาะเชื้อต่อไป
การรักษาโรคไวรัสลงกระเพาะในเด็ก เมื่อถึงมือหมอ
- หมอจะฉีดยาแก้อาเจียนเข้ากล้ามเนื้อต้นขาหรือสะโพก สังเกตอาการประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วให้ลองจิบน้ำ ถ้าไม่มีอาเจียนอีกให้กลับไปดูอาการต่อที่บ้านได้ ยาฉีดจะออกฤทธิ์นาน 6 ชั่วโมง เมื่อใกล้หมดฤทธิ์ยาฉีด ให้ยาแก้อาเจียนกินต่อเนื่องอีกประมาณ 1 – 2 วัน แต่ถ้าฉีดยาแล้วยังมีอาเจียนอีก หรือไม่อาเจียนแล้วแต่ไม่ยอมกินอะไรเลย หมอจะรับตัวไว้ในโรงพยาบาลแล้วให้น้ำเกลือทางเส้นเลือดเพื่อแก้ไขภาวะขาดน้ำ และพลังงาน
- หมอจะตรวจปัสสาวะเพื่อประเมินภาวะขาดน้ำและพลังงาน หากพบว่ามีภาวะขาดน้ำและพลังงานขั้นรุนแรงจะรับตัวไว้ในโรงพยาบาล
- หมออาจสั่งยา Infloran ซึ่งเป็นเชื้อ lactobacilli ช่วยปรับสภาพลำไส้ในกรณีที่มีภาวะท้องเสียเรื้อรังเนื่องจากการดูดซึมบกพร่อง
ทั้งนี้วิธีการป้องกันลูกน้อย ไม่ให้ป่วยเป็นไวรัสลงกระเพาะ สำหรับลูกโตควรให้ล้างมือให้สะอาดก่อนหยิบอาหารเข้าปาก กินแต่อาหารที่ปรุงสุก ไม่มีแมลงวันตอม หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดหรือสัมผัสสารคัดหลั่งจากผู้เป็นโรค และล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสโรค สำหรับลูกเล็กควรให้ลูกดื่มนมแม่ เพราะในนมแม่มีสารต้านไวรัสและแบคทีเรียรวมถึงลดโอกาสการปนเปื้อนจากภาชนะที่ไม่สะอาด และในปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันไวรัสโรต้าซึ่งเป็นสาเหตุที่พบบ่อยของโรคนี้ในเด็กเล็ก เป็นวัคซีนชนิดรับประทาน ซึ่งสามารถรับได้เมื่อเด็กอายุ 2 เดือน วัคซีนนี้จะทำให้เด็กมีภูมิคุ้มกันโรคเพิ่มมากขึ้น
อ่านต่อ “บทความดีๆ น่าสนใจ” คลิก!
- ไวรัสลงกระเพาะในเด็กเล็ก
- เด็กท้องเสีย อาเจียน เพราะโนโรไวรัสระบาด
- ลำไส้กลืนกัน ความเจ็บปวดของลูกน้อยที่บอกไม่ได้
- เสียหลานชายวัย 1 ขวบ เพราะ โรต้าไวรัส
ขอขอบคุณข้อมูลเรื่องจาก : พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทารกแรกเกิด