AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

9 ปัจจัยที่พ่อแม่ต้องคำนึงถึงก่อน ซื้อของใช้ลูก

หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการ ซื้อของใช้ลูก สิ่งที่ต้องคำนึงถึงอันดับแรกคือความเหมาะสมกับช่วงวัย และความได้มาตรฐาน ปลอดภัยกับลูกน้อย

แต่สิ่งสำคัญคือ คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรปล่อยให้ลูกอยู่กับสิ่งของเครื่องใช้ที่อาจเป็นอันตรายได้โดยลำพัง มิเช่นนั้นอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เช่นเดียวกับเหตุการณ์นี้ ที่คุณแม่ท่านหนึ่งได้ออกมาโพสต์เตือน เกี่ยวกับการเลือกซื้อของใช้ให้ลูกน้อย อย่างรถเข็นเด็ก

โดยคุณแม่ Janewattanavit Janne ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่ลูกน้อยวัย 6 เดือน นิ้วดันเข้าไปติดอยู่ที่รูช่องว่างบริเวณตัวล็อกเข็มขัดของรถเข็น ที่คุณแม่ซื้อมาในราคาแพง เพราะเลือกอย่างดีที่มีมาตรฐาน แต่ก็ไม่แคล้ว ยังทำให้ลูกน้อยต้องเจ็บตัวเพราะเจ้ารถเข็นราคาแพงนี้ โดยคุณแม่โพสต์ว่า…

แม่โพสต์เตือน! ซื้อของใช้ลูก ต้องตรวจดูให้ดี ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ลูกเจ็บตัวได้

ฝากระวังกันด้วยนะค่ะ สำหรับคนมีเด็กอ่อน ทริปที่มีความสุข กลายเป็นทริปที่เจ็ปปวดของเด็กน้อย

น้องนั่งอยู่ในรถเข็นรัดเข็มขัดอย่างดี ในขณะที่แม่ทานข้าวเพียงแปปเดียว นิ้วน้องเข้าไปติดอยู่ในเข็มขัดรถเข็น

คุณแม่คุณพ่อช่วยกันเอาออก ใช้ทั้งสบู่ทั้งน้ำมันก็ไม่สำเร็จ เพราะขอบพลาสติกคมมาก นิ้วน้องเนื้อเยอะเลยเอาออกยากมาก น้องเจ็บปวดมาก 

ต้องขอขอบคุณน้ำใจของพนักงานโรงแรมทั้งทีมช่างที่พยายามเข้ามาช่วยเหลือน้อง

แต่สุดท้ายไม่สำเร็จเพราะนิ้วน้องบวมมาก จึงต้องรีบนำไปโรงพยาบาลใช้เครื่องมือแพทย์ตัดอุปกรณ์ออก ดีที่กระดูกนิ้วน้องไม่เป็นไรค่ะ

จึงอยากมาแชร์ประสบการณ์ เลือกซื้อสินค้าสำหรับเด็ก ควรต้องระวังให้ดี ตรวจสอบให้ดี ก่อนตัดสินใจ

#ลูกเจ็บแม่เจ็บกว่า 
#ลูกรักของแม่
#รถเข็นcapella

ขอบคุณเรื่องราวและภาพจาก : คุณแม่ Janewattanavit Janne

อย่างไรก็ดี! ในการเลือก ซื้อของใช้ลูก อย่างรถเข็นเด็กนั้น เป็นหนึ่งในของใช้เด็กที่คุณพ่อคุณแม่ในประเทศไทยเริ่มนิยมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในต่างประเทศทั้งยุโรปและอเมริกา รถเข็นเด็กเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมี (Must-Have) และเป็นของใช้เด็กที่จำเป็นตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งเด็กสามารถเดินได้ หรือประมาณ 3-4 ปี

รถเข็นเด็กมีหลายรูปแบบแตกต่างกัน การจะเลือกรถเข็นเด็กให้เหมาะสมนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับ รูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละครอบครัวที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นก่อนที่จะซื้อของใช้ลูก อย่างรถเข็น คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ก่อนว่ารถเข็นเด็กมีกี่แบบ แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร และสิ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่อเลือกซื้อรถเข็นเด็ก เพื่อให้ลูกน้อยอยู่บนรถเข็นได้อย่างปลอดภัย มีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ…

อ่านต่อ >> ประเภทของรถเข็นเด็ก ที่พ่อแม่ควรรู้ก่อนซื้อของใช้ลูก” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

 

 

ประเภทของรถเข็นเด็ก

รถเข็นเด็กแบบมาตรฐาน (Standard-size strollers)

รถเข็นเด็กรูปแบบนี้จะมีหลากหลายดีไซน์ให้เลือก โดยรวมแล้ว บริเวณพนักพิงของที่นั่งจะสามารถปรับได้หลายระดับ มีที่บังแดด และมีที่เก็บของใต้ที่นั่ง รถเข็นเด็กบางรูปแบบ สามารถปรับให้เด็กหันหน้าออกหรือหันหน้าเข้าหาผู้เข็นได้ โดยราคาก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับรูปแบบ ฟังก์ชั่น และอุปกรณ์เสริมที่แตกต่างกันไป

ชุดรถเข็นเด็กแบบเดินทาง (Travel System)

เป็นรถเข็นเด็กแบบทั่วไปที่มีโครงสร้างใหญ่ และแข็งแรงกว่าแบบคาร์ซีทพร้อมโครงรถเข็น (Car sear stroller frames) โดยจะมาเป็นชุดแบบ 2 ชิ้น คือ รถเข็นเด็กและคาร์ซีท หรือเป็นชุดแบบ 3 ชิ้น คือ รถเข็นเด็ก คาร์ซีท และเตียงเด็กเล็ก (Carry Cot) โดยเตียงเด็กเล็กจะทำหน้าที่เป็นรถเข็นเด็กเมื่อเด็กยังอายุน้อยอยู่

เมื่อลูกเริ่มโตขึ้นจะสามารถสลับเปลี่ยนเป็นที่นั่งรถเข็นเด็กแทน แล้วใช้เป็นรถเข็นเด็กแบบทั่วไป ซึ่งรถเข็นเด็กประเภทนี้ จะเป็นที่นิยมมากในยุโรปและอเมริกา เนื่องจากโครงสร้างแข็งแรงและรองรับการกระแทกขณะเข็นได้ดี

รถเข็นเด็กแบบน้ำหนักเบา (Lightweight strollers) หรือ รถเข็นเด็กแบบก้านร่ม (umbrella strollers)

คือ เมื่อพับแล้วจะมีลักษณะคล้ายก้านร่ม รถเข็นเด็กประเภทนี้จะไม่ค่อยมีอุปกรณ์เสริม เนื่องจากเน้นที่น้ำหนักเบา ส่วนใหญ่มักจะใช้รถเข็นเด็กก้านร่มเมื่อต้องการเดินทาง เช่น ท่องเที่ยว รถเข็นเด็กประเภทนี้มีวางจำหน่ายในหลายรูปแบบและหลายระดับราคา

โดยน้ำหนักที่ให้ความแข็งแรงเพียงพอจะอยู่ที่ประมาณ 6 กิโลกรัม โดยหากคุณพ่อคุณแม่ต้องการใช้รถเข็นเด็กแบบก้านร่ม ควรเลือกที่มีความแข็งแรงเพียงพอ และรับน้ำหนักของลูกน้อยได้ดี

รถเข็นเด็กแบบ 2 ที่นั่ง หรือ 3 ที่นั่ง (Double and triple strollers)

เป็นรถเข็นเด็กที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่คุณพ่อ-คุณแม่ที่มีลูกมากกว่า 1 คน หรือเป็นลูกแฝด โดยไม่จำเป็นต้องใช้รถเข็นเด็กหลายคัน รถเข็นเด็กแบบ 2 ที่นั่งนี้ มีแบบหน้า-หลัง ที่สะดวกสบายในการเข็น รวมถึงการผ่านเข้าประตูในที่ต่างๆ หรือแม้แต่การเข้าประตูลิฟท์ อย่างไรก็ตาม รถเข็นเด็กแบบหน้า-หลัง อาจมีที่วางเท้าจำกัดสำหรับเด็กที่นั่งด้านหลัง นอกจากนี้ ยังมีรถเข็นเด็ก 2 ที่นั่งแบบนั่งด้านข้าง โดยเด็กทั้ง 2 คนจะนั่งข้างๆ กัน

ซึ่งรถเข็นเด็กแบบนี้ จะไม่สะดวกสำหรับการเข็นในพื้นที่ที่มีคนจำนวนมาก รวมถึงไม่สะดวกในการผ่านประตูต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม เด็กทั้ง 2 คนก็จะไม่มีข้อจำกัดเรื่องที่วางเท้า

รถเข็นเด็กที่รองรับการวิ่ง (Jogging Strollers)

เป็นรถเข็นเด็กแบบ 3 ล้อ โดยจะมีล้อที่ใหญ่ และมีโครงสร้างแบบเบา ออกแบบให้เข็นได้สะดวก และลดการกระแทกได้ดีเมื่อไม่ได้เข็นบนพื้นที่ราบ รถเข็นเด็กประเภทนี้เหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มักพาลูกน้อยไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะ รวมถึงเหมาะกับการเข็นในพื้นที่ที่เป็นเนิน

คุณพ่อคุณแม่ในยุโรปและอเมริกาที่นิยมพาเด็กไปวิ่งออกกำลังกายด้วยมักใช้รถเข็นประเภทนี้ อย่างไรก็ตาม รถเข็นเด็กประเภทนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในประเทศไทย และหาซื้อได้ยาก

คาร์ซีทพร้อมโครงรถเข็น (Car sear stroller frames)

โดยทั่วไปจะเป็นโครงรถเข็นเด็กแบบเบา ที่มีส่วนที่เชื่อมต่อเพื่อวางคาร์ซีท รถเข็นเด็กประเภทนี้จะเหมาะสำหรับคุณพ่อ-คุณแม่ที่เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว โดยจะสามารถนำคาร์ซีทออกจากรถและวางบนรถเข็นเด็กได้ โดยไม่ทำให้เด็กตื่น ซึ่งรูปแบบรถเข็นเด็กประเภทนี้ มักจะไม่ค่อยมีวางจำหน่ายในประเทศไทย เนื่องจากไม่เป็นที่นิยม

ทั้งนี้สำหรับรถเข็นเด็กแต่ละรูปแบบ จะเน้นลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันไป โดยน้ำหนัก และฟังก์ชั่นต่างๆ ก็จะขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของรถเข็นเด็กแต่ละรูปแบบ ดังนั้น รถเข็นเด็กแต่ละรูปแบบก็จะมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไป เช่น รถเข็นเด็กที่มีน้ำหนักเบาก็จะมีตัวโครงสร้างที่แข็งแรงน้อยกว่ารถเข็นเด็กที่มีโครงสร้างใหญ่ ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรคำนึงการใช้งานของรถเข็นเด็กที่เหมาะสมกับรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันของครอบครัวมากที่สุดคะ

อ่านต่อ >> ปัจจัยที่ควรคำนึงถึงเมื่อเลือกซื้อรถเข็นเด็ก” คลิกหน้า 3

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

 

ปัจจัยที่ควรคำนึงถึงเมื่อเลือกซื้อรถเข็นเด็ก

 

 

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม หากคุณพ่อคุณแม่เลือกซื้อรถเข็นเด็กที่ได้มาตรฐานสากล เรื่องความแข็งแรงและความปลอดภัยก็จะไม่ใช้เรื่องที่ต้องกังวลคะ

 

อ่านต่อ “บทความดีๆ น่าสนใจ” คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก : www.babyfirst.co.th