AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ภัยน้ำท่วมที่มีต่อเด็ก สอนลูกอย่างไรให้เข้าใจน้ำท่วม?

ภัยน้ำท่วมที่มีต่อเด็ก สอนลูกเข้าใจเรื่องน้ำท่วม

เมื่อฝนตกหนักปริมาณน้ำจึงเพิ่มขึ้น บวกกับช่วงที่มีน้ำทะเลหนุน ถ้าระบบระบายน้ำไม่ดี ก็อาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมได้ ทำให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อครอบครัว โดยเฉพาะ ภัยน้ำท่วมที่มีต่อเด็ก เมื่อปี 2554 เกิดน้ำท่วมหนัก ทำให้มีเด็กเสียชีวิตมากถึง 91 คน ซึ่งเกิดจากการจมน้ำ

ภัยที่มากับน้ำท่วม

1.จมน้ำ

นายโทโมโอะ โฮซูมิ ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทยกล่าวว่า “เด็กเป็นกลุ่มที่เปราะบางที่สุด ในสถานการน้ำท่วม เพราะอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้”

ช่วงนี้ฝนตกหนัก ไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาที่พักอาศัย อาหาร และน้ำดื่ม น้ำใช้เท่านั้น คุณพ่อ คุณแม่ยังต้องดูแลตัวเองและเด็กๆ ให้ห่างจากอันตรายที่มากับน้ำท่วม คุณพ่อ คุณแม่ควรสอนลูกว่ายน้ำเพื่อเอาตัวรอดจากการจมน้ำด้วย

พญ. พิมพ์ภัค ประชาศิลป์ชัย ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) กรมการแพทย์  กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ““จริงๆ แล้วแค่เพียงระดับน้ำเพียง 1-2 นิ้ว ก็สามารถทำให้เด็กเล็กๆ จมน้ำได้แล้ว  และเด็กส่วนมากมักจมน้ำบริเวณแหล่งน้ำใกล้บ้าน คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลเด็กๆอย่างใกล้ชิด”

อันตรายจากน้ําท่วม

เครดิตภาพ: midnightvisitor

2.อุบัติเหตุ

อุบัติเหตุที่มากับน้ำท่วมอื่นๆ ที่พบบ่อย ได้แก่ ไฟดูด เหยียบของมีคม อันตรายจากสัตว์มีพิษ เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง ซึ่งหนีน้ำเข้ามาหลบในบ้าน การป้องกันง่ายๆ คืออย่าให้ลูกเดินเท้าเปล่า ถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด สับคัทเอาท์ตัดไฟฟ้า ก่อนที่น้ำจะท่วมถึง เก็บกวาดขยะของมีคม ถ้าเกิดบาดแผลให้ล้างด้วยน้ำสะอาดและสบู่ แล้วไปปรึกษาคุณหมอฉีดวัคซีนกันบาดทะยัก

อ่านต่อ “โรคภัยที่มากับน้ำท่วม” คลิกหน้า 2

3.โรคภัย

เกิดจากเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายจากการรับประทานอาหาร น้ำดื่ม โดยมีแมลงวันเป็นพาหะ เด็กจะมีไข้ ปวดท้อง ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำวันละหลายครั้ง หรือถ่ายอุจจาระมีมูก เลือดปน คลื่นไส้ อาเจียน ในเด็กจะพบอาการรุนแรง เสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ และเกลือแร่มากกว่าผู้ใหญ่

การป้องกัน คือ ดื่ม และใช้น้ำที่สะอาด อย่าให้น้ำที่ท่วมขังเข้าปาก ล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำ ไม่ถ่ายลงในน้ำ เก็บภาชนะอาหารให้มิดชิด ถ้าลูกมีอาการท้องร่วงให้ดื่มน้ำเกลือแร่ รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก งดอาหารรสจัด อาหารทอดน้ำมัน เพราะจะทำให้ท้องอืด ปวดท้องมากขึ้น ถ้าไม่ดีขึ้นควรพาไปหาคุณหมอ

เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส ติดต่อด้วยการสัมผัสจากมือ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว เด็กๆ จะมีอาการคันตา น้ำตาไหลมากผิดปกติ มีขี้ตามาก เยื่อบุตาขาวอักเสบแดง ป้องกันโดยการให้ลูกล้างมือบ่อยๆ เมื่อน้ำสกปรกเข้าตาให้รีบทำความสะอาดตาด้วยน้ำสะอาด ถ้าลูกปวดตา หรือมองแสงไม่ได้ ควรรีบพาไปพบแพทย์

โรคที่มากับน้ําท่วม

เครดิตภาพ: pattayaunlimited

เกิดจากการย่ำน้ำ หรือแช่ในน้ำที่มีเชื้อโรค หรือทำให้เท้าอับชื้นเป็นเวลานาน อาการจะเริ่มด้วยมีตุ่มใสบริเวณง่ามเท้า คันตามซอกนิ้วเท้า ผิวหนังลอกเป็นขุย บางครั้งอาจแตกเป็นแผล ควรป้องกันโดยล้างเท้าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง ถ้าเป็นแล้วให้ทายารักษาเชื้อรา ถ้ามีอาการรุนแรง เรื้อรัง ควรรีบพบแพทย์

ติดต่อจากสัตว์ เชื้อโรคอยู่ในปัสสาวะสัตว์ เช่น หนู โค กระบือ สัตว์เลี้ยงในบ้านอย่างสุนัข และแมว สามารถติดเชื้อผ่านทางบาดแผล หรือผิวหนังที่แช่น้ำนานๆ รวมถึงทางตาและปากด้วย จะมีอาการไข้สูง ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะมาก เด็กบางคนมีอาการตาแดง เจ็บคอ เบื่ออาหาร ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะน้อย ซึม ท้องเดิน จำเป็นจะต้องรีบพบแพทย์ เพราะจะทำให้เยื่อบุสมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และเสียชีวิตได้

ป้องกันโดยการหลีกเลี่ยงการเดิน หรือเล่นน้ำในบริเวณที่มีน้ำท่วม โดยเฉพาะเด็กๆ ที่มักจะสนุกสนานไปกับการย่ำน้ำ หรือเล่นน้ำในช่วงน้ำท่วม ควรใส่รองเท้าบูธทุกครั้งที่ลุยน้ำ

อ่านต่อ “การสอนลูกเรื่องน้ำท่วม” คลิกหน้า 3

การสอนลูกเรื่องน้ำท่วม

1.สอนให้ลูกรู้จักเรื่องของธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เด็กๆ ควรเรียนรู้ธรรมชาติรอบตัว เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิต ไม่มีชีวิต สิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ เช่น ฤดูกาล กลางวัน กลางคืน เพื่อให้สามารถรับมือได้ในชีวิตจริง โดยเฉพาะภัยน้ำท่วม เพื่อให้ลูกปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้

2.สอนให้ลูกสังเกตเหตุการณ์ที่อาจจะทำให้เกิดน้ำท่วม เพื่อลดการสูญเสีย เช่น มีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน มีสัตว์หรือแมลงเข้าบ้าน มีเสียงกบ อึ่งอ่างร้องติดกันหลายวัน น้ำในแม่น้ำมีสีขุ่นผิดปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าน้ำจะท่วม เตรียมขนย้ายข้าวของไปไว้ที่สูง

3.สอนให้ลูกรู้จักปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ เช่น เตรียมสิ่งของต่างๆ กักตุนอาหาร น้ำดื่ม เครื่องใช้ต่างๆ ล่วงหน้า เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้ในช่วงที่เกิดปัญหา

4.สอนให้ลูกเรียนรู้เรื่องการรักษาสุขภาพ และระวังโรคที่มากับน้ำท่วม เพราะมีคนจำนวนมากที่สัมผัสน้ำสกปรก แล้วป่วยเป็นโรค เช่น โรคน้ำกัดเท้า โรคฉี่หนู โรคตาแดง โรคไข้หวัดใหญ่ โรคไข้เลือดออก โรคอุจจาระร่วง ลูกควรเรียนรู้การรักษาความสะอาดของร่างกาย และเสื้อผ้า การรับประทานอาหาร การดื่มน้ำ ไม่เดินลุยน้ำ ทำความสะอาดมือ และเท้าสม่ำเสมอ ป้องกันยุงหรือสัตว์อันตรายเข้าบ้าน

เครดิตภาพ: bangkokpost

5.ปลูกฝังคุณธรรมให้ลูก สอนให้ลูกมีความรัก ความเมตตากับคนอื่น เสียสละช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนกว่า สอนให้ลูกรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เป็นการปลูกฝังคุณลักษณะที่ดีให้ลูกในอนาคตด้วย

เครดิต: องค์การยูนิเซฟ, Jolly Jilla kids, ถามครู.com

Save

Save