AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

19 วิธีแก้ ก้างปลาติดคอ ที่ถูกต้องและปลอดภัย

ก้างปลาติดคอ อุบัติเหตุที่ดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่แฝงไปด้วยความน่ากลัว พบ 19 วิธีแก้ที่ถูกต้อง ปลอดภัยได้ที่นี่!

 

 

คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองทุกท่านคะ ตั้งแต่เล็กจนโตเวลาที่พวกเราหรือลูกหลานรับประทานปลากัน ประโยคหนึ่งที่เรามักจะได้ยินผู้หลักผู้ใหญ่พูดกันเป็นอยู่เสมอก็คือ “ระวังก้าง!” กันใช่ไหมคะ เพราะเห็นก้างเล็ก ๆ แบบนี้แค่พิษสงนั้นร้ายแรงเสียเหลือเกินเลยละค่ะ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากแก้ไขไม่ทันเวลาหรือถูกวิธีแล้วละก็ จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ ดังนั้นวันนี้ทีมงาน Amarin Baby and Kids ก็ได้รวบรวมเอาวิธีแก้ก้างปลาติดคอที่ถูกต้องและปลอดภัยมาฝากกันค่ะ จะมีวิธีใดบ้างนั้น ไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

ก้างปลาติดคอ

ก้างติดคอ หรือ เศษกระดูกติดคอ สามารถพบได้ในทุกช่วงอายุ ทุกเพศและทุกวัย และที่จะพบเห็นได้บ่อยก็คือ ก้างปลาทู ที่จัดได้ว่าเป็นที่นิยมบริโภคกันมากกว่าปลาชนิดอื่น ๆ ส่วนปลาอื่น ๆ ก็มีมาให้เห็นบ้างแต่พบได้ไม่บ่อย

ก้างปลาหรือเศษกระดูกอาจติดได้ตั้งแต่เพดานอ่อน ต่อมทอนซิล ผนังคอหอย โคนลิ้น ฝาปิดกล่องเสียง หรือติดอยู่ในหลอดอาหารก็ได้ แต่ตำแหน่งที่พบก้างปลาติดบ่อย ๆ เห็นจะเป็นบริเวณข้าง ๆ ต่อมทอนซิล บริเวณโคนลิ้น บริเวณฝาปิดกล่องเสียง บริเวณใกล้หลอดรูเปิดทางเดินอาหาร

คลิกอ่าน! อาการที่เกิดขึ้นได้ที่หน้าถัดไป >>

 

 

อาการก้างปลาติดคอ

หากก้างปลาติดคอลูกหรือสมาชิกในครอบครัว อาการที่จะพบเห็นได้บ่อยก็คือ ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บในคอและกลืนลำบากทันทีในขณะรับประทานอาหาร ถ้าเป็นก้างปลาขนาดเล็ก ๆ อาจจะหลุดได้เองในเวลาต่อมา หรืออาจหลุดได้ด้วยการกลืนข้าวสุกหรือขนมปังนิ่ม ๆ แต่ถ้าก้างปลาหรือเศษกระดูกนั้นมีขนาดใหญ่ก็อาจติดคาอยู่ ทำให้มีอาการเจ็บบริเวณนั้น ๆ เมื่อยิ่งกลืนก็ยิ่งเจ็บ และถ้าติดอยู่เป็นเวลานานก็อาจทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อ เป็นหนองและมีไข้ได้

รวมทั้งอาจมีเลือดออกมาปนกับน้ำลายหรือมีเสียงเปลี่ยนได้ด้วย แต่โดยปกติแล้วเมื่อก้างปลาติดคอมักจะไม่ค่อยมีผลทำให้เสียงเปลี่ยน ยกเว้นในกรณีที่อาการอักเสบลุกลามไปที่กล่องเสียง ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาของการออกเสียงและมีปัญหาเรื่องของการหายใจตามมา

ทั้งนี้ หากลูกหรือสมาชิกทุกคนในครอบครัวไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องละก็ อาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ ยกตัวอย่างเช่น หลอดอาหารทะลุมีหนองลามเข้าไปในช่องอกและเยื่อหุ้มหัวใจ ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ห้ามนิ่งนอนใจโดยเด็ดขาดนะคะ ให้รีบไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ ที่รู้สึกว่ามีอาการ

อ่านต่อวิธีแก้ >>

 

 

วิธีแก้ก้างปลาติดคอ

  1. ใช้น้ำกลั้วคอ หากก้างปลาอยู่ไม่ลึกมาก ยกตัวอย่างเช่น บริเวณลำคอส่วนบนและทอนซิล เพียงแค่ใช้น้ำกลั้วคอ โดยการเงยหน้าขึ้แล้วทำเสียงคร้อก ๆ ประมาณ 3 – 4 ครั้งแล้วให้บ้วนทิ้ง หากยังไม่ออกให้ทำซ้ำประมาณ 2 – 3 ครั้ง ก็จะช่วยให้ก้างปลาหลุดออกมาได้ค่ะ แต่ต้องมั่นใจนะคะว่า ก้างปลานั้นอยู่ไม่ลึกจริง ๆ
  2. ดื่มน้ำมะนาว ให้คุณพ่อคุณแม่คั้นน้ำมะนาวสด ๆ ประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ นำมาอมไว้แล้วค่อย ๆ กลืนหรือดื่มเข้าไป ซึ่งน้ำมะนาวที่มีฤทธิ์เป็นกรดอาจจะช่วยทำให้ก้างปลาอ่อน ๆ นิ่มขึ้นได้บ้าง และเป็นผลทำให้ก้างปลาหลุดออกได้ง่ายขึ้น
  3. การดื่มน้ำส้มสายชู เป็นวิธียอดนิยมที่ใช้กันเป็นอย่างมากในประเทศจีนค่ะ โดยการนำน้ำส้มสายชูมาผสมกับน้ำให้เจือจางแล้วดื่ม ซึ่งกรดของน้ำส้มสายชูจะช่วยทำให้ก้างปลาอ่อนนิ่มลงได้ แต่ควรจะผสมในระดับที่เจือจางมาก เพราะหากผสมเข้มข้นเกินไปก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองคอยิ่งไปกว่าเดิมได้
  4. กลืนข้าวคำโต ๆ ถ้าเป็นข้าวเหนียวก็จะยิ่งดี แต่ถ้าไม่มีข้าวเหนียวจะใช้ข้าวเจ้าแทนก็ได้นะคะ วิธีนี้เรียกได้ว่าเป็นวิธีแรก ๆ เลยที่คนส่วนใหญ่จะนึกถึงกัน วิธีการก็คือให้นำข้าวมาปั้นให้เป็นก้อนกลม ๆ ขนาดเท่าลูกชิ้นลูกเล็ก ๆ แล้วกลืนลงไปทั้งก้อนสักประมาณ 2-3 คำ ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการใช้ก้อนข้าวที่กลืนลงไปนั้นดันก้างที่ติดอยู่ในคอให้หลุดลงไปในท้องนั่นเองค่ะ
  5. การกลืนขนมปังนิ่ม ๆ ให้คุณพ่อคุณแม่นำขนมปัง หรือจะเป็นขนมสาลี่ก็ได้นะคะ เอาแบบที่นิ่ม ๆ แล้วให้กลืนลงไป ไม่ต้องเคี้ยวนะคะ เพียงแค่กลืนก้อนขนมปังนิ่ม ๆ สักประมาณ 2-3 คำ แล้วดื่มน้ำตาม ก้างปลาอาจจะหลุดไปได้เอง แต่หากทำแล้วยังไม่ดีขึ้นหรือเป็นก้างปลาขนาดใหญ่ อย่าพยายามเขี่ยหรือดึงออกเองนะคะ ให้รีบไปพบแพทย์จะดีกว่า
  6. การกลืนกล้วย หากคุณพ่อคุณแม่ไม่สามารถหาข้าวเหนียวหรือขนมปังได้ละก็ สามารถใช้กล้วยสุกแทนก็ได้นะคะ ให้นำกล้วยมาหั่นเป็นชิ้นขนาด 1/4-2/4 ลูก ขึ้นอยู่กับขนาดของกล้วย เสร็จแล้วให้นำมาอมไว้ในปากสัก 1-2 นาที แล้วจึงค่อย ๆ กลืนลงไปโดยไม่ต้องเคี้ยวก็ได้นะคะ
  7. การกลืนมาร์ชเมลโล่ คุณพ่อคุณแม่อาจจะรู้จักขนมชนิดนี้กันแล้ว เป็นขนมนิ่ม ๆ ส่วนใหญ่แล้วจะมีสีขาว ให้คุณพ่อคุณแม่รับประทานมาร์ชเมลโล่ครั้งละเยอะ ๆ และค่อย ๆ เคี้ยวขนมมาร์ชเมลโล่จนเริ่มเหนียว จากนั้นจึงค่อยกลืนลงไปในคอ

อ่านต่อวิธีแก้ >>

 

 

8. การรับประทานถั่วเปลือกแข็ง เช่น ถั่วอัลมอนด์ ถั่ววอลนัท ถั่วพีแคน ถั่วลิสง เป็นต้น เพียงแค่นำมารับประทาน  ครั้งละมาก ๆ ให้เต็มปาก จากนั้นเคี้ยวให้ละเอียดแล้วจึงค่อย ๆ กลืนลงคอไป โดยหวังว่าเนื้อหยาบ ๆ ของถั่วจะช่วยดันก้างปลาให้ลงไปในท้องได้

9. ใช้นิ้วล้วงหรือเขี่ยออก หากก้างปลาติดอยู่ในคอไม่ลึกมาก คุณพ่อคุณแม่อาจใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งที่สะอาดเข้าไปจับแล้วดึงหรือเขี่ยออกมาก็ได้ค่ะ แต่วิธีนี้จะเหมาะสำหรับคนที่มีนิ้วเล็กเท่านั้นนะคะ แต่วิธีนี้ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนนะคะ เพราะบางคนพอมีอะไรเข้าไปในปากก็จะขย้อนออกมา โอกาสที่จะทำให้ก้างปลาที่ฝังอยู่นั้นเอาออกได้ยากขึ้นค่ะ และแน่นอนว่าเสี่ยงต่อการอักเสบและติดเชื้อตามมาได้

10. การล้วงคอ ในกรณีที่ก้างปลามีขนาดเล็ก คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้นิ้วสะอาด ๆ หรือตะเกียบกดที่โคนลิ้นด้านในแล้วให้ลูกอาเจียนออกมาเองก็ได้นะคะ แต่ถ้าน้อง ๆ สามารถอาเจียนออกมาหมดได้ในคราวเดียวจะดีมาก เพราะก้างปลาเล็กจะติดออกมาพร้อมกับอาเจียน แต่ในกรณีที่คุณพ่อคุณแม่ไม่แน่ใจว่าก้างปลามีขนาดเล็กหรือใหญ่นั้น ไม่แนะนำให้ลูกทานอะไรตามลงไป และห้ามพยายามให้น้องอาเจียนออกมา และควรรีบพาน้องไปจบแพทย์ให้เร็วที่สุดค่ะ

11. ใช้อุปกรณ์คีบออกเอง ในกรณีที่อ้าปากแล้วมองเห็นก้างปลาหรือเศษกระดูกติดอยู่ที่คอหรือต่อมทอนซิลอย่างชัดเจน ให้คุณพ่อคุณแม่ใช้ไฟฉายส่องดูภายในลำคอ แล้วจึงใช้ช้อนหรือแผ่นไม้กดลิ้นลงด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วใช้อุปกรณ์คีบออกด้วยมืออีกข้างหนึ่ง หรือจะใช้ตะเกียบคีบออกมาก็ได้แล้วแต่ความสามารถของแต่ละท่านเลยค่ะ

12. ดื่มน้ำอุ่นจัด 1 แก้วใหญ่ เพื่อหวังจะให้ก้างปลาอ่อนนิ่มลง แต่บางท่านก็ให้ดื่มน้ำเย็น อันนี้ก็แล้วแต่สูตรใครนะคะ

13. การดื่มน้ำผสมน้ำมันมะกอก โดยการนำน้ำมันมะกอกมาต้มกับน้ำแล้วค่อย ๆ ดื่มตอนที่ยังอุ่น ๆ เพื่อหวังให้น้ำมันมะกอกเข้าไปเคลือบในลำคอและทำให้ก้างปลาหลุดออกและช่วยรักษาแผลที่เกิดจากก้างปลา

14. การใช้เปลือกกิ่งก้านอ่อนของต้นปอกระสา นำมาตำให้ละเอียดคั้นเอาน้ำแล้วกลืนลงไปในคออย่างช้า ๆ ซึ่งชาวบ้านมักเชื่อว่าวิธีนี้จะช่วยละลายก้างปลาให้หลุดลงไปในกระเพาะอาหารได้โดยไม่มีอันตรายค่ะ

15. ใช้ใบบัวบก ทั้งต้นประมาณ 1 กำมือ นำมาต้ม แล้วกลืนน้ำลงไปเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ ชาวบ้านเชื่อว่า วิธีนี้จะช่วยละลายก้างปลาให้หลุดออกจากลำคอได้

16. การใช้เมล็ดเทียนบ้าน ในกรณีที่กระดูกไก่ติดคอ ให้ใช้เมล็ดเทียนบ้านนำมาตำให้ละเอียดแล้วค่อย ๆ กลืนลงไป โดยระวังอย่าให้ถูกฟัน หรือจะใช้รากสด ๆ นำมาเคี้ยวให้ละเอียด แล้วกลืนลงไปอย่างช้า ๆ ใช้น้ำอุ่นอมบ้วนปาก เพื่อป้องกันฟันเสีย เนื่องจากยานี้มีฤทธิ์ละลายกระดูกและฟันได้ แต่ไม่แนะนำให้ใช้กับหญิงตั้งครรภ์โดยเด็ดขาดนะคะ

17. พบแพทย์หู คอ จมูก ในกรณีที่มองไม่เห็นก้างปลาหรือสงสัยว่า มีก้างปลาหรือเศษกระดูกชิ้นใหญ่ติดคออยู่ และใช้วิธีที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดข้างต้นและก็ไม่ได้ผลละก็ แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล โดยเฉพาะแพทย์หู คอ จมูก ที่จะเป็นผู้จัดการกับปัญหานี้ได้อย่างดีที่สุดค่ะ

18. หากก้างปลาติดคอลูกหลานละก็ แนะนำว่า ห้ามนวดหรือบีบคอด้านนอกเด็ดขาดเลยนะคะ เพราะจะยิ่งทำให้ก้างปลาทิ่มลึกลงไปมากกว่าเดิมและเอาออกมาได้ยาก อีกทั้งยังอาจทำให้รู้สึกมากขึ้นด้วยค่ะ

19. หากคอเกิดอาการบวมและเริ่มหายใจลำบาก ควรหยุดนำก้างปลาออกด้วยตัวเองแล้วรีบไปพบแพทย์โดยทันทีค่ะ

ก้างปลาติดคอไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยใช่ไหมละคะ หากลองวิธีการดังกล่าวแล้วไม่ได้ผลละก็ อย่าปล่อยทิ้งไว้นะคะ แนะนำให้รีบพาน้อง ๆ ไปหาหมอให้เร็วที่สุดค่ะ

เครดิต: MedThai

อ่านต่อเรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids