AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

อุทาหรณ์! เด็กชาย 7 ขวบ กางร่มกระโดดตึกจากชั้น 5 เพราะเลียนแบบฉากในการ์ตูน

เพราะพ่อแม่ปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียว และชอบให้ลูกดูโทรทัศน์โดยพ่อแม่ไม่ได้คอยนั่งอธิบายเรื่องราวถูกผิด จึงทำให้มีข่าว เด็กชาย เลียนแบบการ์ตูน กางร่มแล้วกระโดดลงมาจากตึกชั้น 5 ตกกระแทกพื้นคอนกรีต แต่โชคดีที่ยังไม่เสียชีวิต

ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ของประเทศจีนรายงานว่า ได้มีคลิปวีดิโอเหตุการณ์สุดระทึกหวาดเสียวหนึ่งถูกส่งต่อบนโลกออนไลน์ของจีนอย่างแพร่หลาย โดยเป็นภาพของเด็กชายคนหนึ่งที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นหน้าร้านตัดผม เนื่องจากกระโดดลงมาจากตึกโดยมีร่มคันหนึ่งอยู่ในมือ ซึ่งด้านข้างมีผู้ปกครองคนหนึ่งนั่งคุกเข่าร่ำไห้อยู่ ท่ามกลางฝูงชนจำนวนไม่น้อย

โดยเหตุการณ์นี้ได้พยานหลายคนที่เห็นและได้เผยว่า เด็กชายคนดังกล่าวร่วงตกลงมาจากตึกที่พักชั้น 5 แต่เนื่องจากตึกนั้นเป็นตึกที่พักแบบสองชั้นในชั้นเดียว ดังนั้นบริเวณชั้น 5 จึงมีความสูงเทียบเท่ากับตึกชั้น 10 ของตึกทั่วไป โดยหลังเกิดเหตุก็มีคนรีบแจ้งตำรวจให้เข้าช่วยเหลือ

ซึ่งแพทย์ได้แจ้งว่า ขณะนี้เด็กชายคนดังกล่าวพ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วนสาเหตุเกิดจากวันเกิดเหตุเด็กชายอยู่บ้านคนเดียว แล้วเกิดอยากเลียนแบบหนังการ์ตูนที่ดูขึ้นมา จึงได้ถือร่มออกไปกางแล้วกระโดดลงจากตึก ซึ่งขณะที่เด็กกำลังดิ่งลงมา ก็ตกไปเกี่ยวบริเวณเสาไฟฟ้าชั้น 2 พอดี ก่อนร่วงกระแทกลงพื้น

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ลักษณะคล้ายกันนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่ผ่านมา ที่เด็กหญิงวัย 5 ขวบ เลียนแบบตัวการ์ตูนหมีขาว กางร่มกระโดดลงมาจากตึกชั้น 11 กระแทกระเบียงบริเวณชั้น 4 บาดเจ็บสาหัส เช่นกัน

เมื่อข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็มีชาวเน็ตมาแสดงความเห็นว่า นี่เคยเป็นความคิดหนึ่งที่ตนอยากทำเช่นกันเมื่อตอนยังเด็กเช่นกัน แต่ไม่กล้าพอ อย่างไรก็ดี เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้ปกครองควรแนะนำบุตรหลานของตนขณะดูการ์ตูนหรือดูทีวีเพื่อให้เด็กมีความเข้าใจต่อสิ่งต่างๆ ที่ถูกต้อง จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์การเลียนแบบ แบบผิดๆนี้อีก เพราะการเลียนแบบตัวละครการ์ตูนบางฉาก การณ์ตูนไม่ตาย แต่ในชีวิตจริงอาจจะทำให้อันตรายถึงแก่ชีวิตได้

⇒ แนะนำบทความน่าอ่าน ก่อนคลิกหน้าถัดไป!

ขอคุณข้อมูลข่าวและภาพจาก : news.sanook.com , society.qq.com

อ่านต่อ >> “วิธีจัดการพฤติกรรมการลอกเลียนแบบของลูกน้อย” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

พฤติกรรมการลอกเลียนแบบในเด็ก

ในเชิงจิตวิทยา หมายถึง การแสดงออกทางพฤติกรรมของเด็กที่ถูกกระตุ้นด้วยระบบการรับรู้ของจากแบบอย่าง  ที่คอยดึงความสนใจและชี้นำให้เด็กปฏิบัติตาม หากจะพูดถึงพฤติกรรมการลอกเลียนแบบในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ลูกสัตว์จะเฝ้าสังเกต จดจำ และลอกเลียนแบบการกระทำของสมาชิกรุ่นพี่

ส่วนมนุษย์นั้น การลอกเลียนแบบเกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่ค่อยๆ สั่งสมในแต่ละวัน สมองส่วนที่เรียกว่า “เซลล์กระจกเงา” ซึ่งเป็นระบบการทำงานของสมองที่ทำงานแบบ เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม เมื่อเด็กเห็นพฤติกรรมดังกล่าวซ้ำๆ ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ เด็กจะเริ่มลอกเลียนแบบพฤติกรรมทางสังคมดังกล่าว เช่น เมื่อเห็นผู้อื่นหาวเด็กก็มักจะหาวตาม เป็นต้น ทั้งนี้เซลล์กระจกเงาเป็นเสมือนไมโครชิพที่ฝังลึกในสมองของมนุษย์ที่มีอยู่ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่ก่อให้เกิดสัญชาตญาณและความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์

ลักษณะของเด็กที่มีพฤติกรรมการลอกเลียนแบบ

ปัญหาพฤติกรรมการลอกเลียนแบบจะแตกต่างไปตามพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็ก อายุ และเพศ พฤติกรรมการแสดงออกของเด็กสามารถสะท้อนความใส่ใจและการเลี้ยงดูของผู้ปกครอง รวมถึงสภาพแวดล้อมที่หล่อหลอมเขา ปัญหาพฤติกรรมการลอกเลียนแบบในเด็กมีลักษณะดังนี้

ในช่วงวัย 6 – 9 ขวบนั้น การแก้ไขปัญหาพฤติกรรมการลอกเลียนแบบในเด็กจะละเอียดอ่อนและซับซ้อนมากขึ้น ในระดับปฐมวัยเป็นพื้นฐานสำคัญที่ผู้ปกครองควรคำนึงถึงพฤติกรรมการลอกเลียนแบบ เพราะเด็กมีการเรียนรู้ที่มากยิ่งกว่าวัยอื่นๆ ควรพิจารณาจากแนวทางต่อไปนี้

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : taamkru.com

อ่านต่อ > >”วิธีช่วยลูกให้แยกความจริง ออกจากโทรทัศน์ ป้องกันพฤติกรรมการลอกเลียนแบบ” คลิกหน้า 3

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

♠ ช่วยลูกให้แยกความจริง ออกจากโทรทัศน์

บางครั้งบางคราวเด็กๆ ก็สับสนระหว่างภาพที่ปรากฏในรายการโทรทัศน์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง คุณพ่อคุณแม่คือคนสำคัญที่ต้องเพิ่มทักษะการดูโทรทัศน์อย่างมีสติให้ลูกได้เข้าใจและมองโลกให้ลึกกว่าแค่ภาพที่เห็น

ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่ต้องพยายามควบคุมจำกัดเวลาที่ลูกใช้ไปกับการบริโภคสื่อไม่สร้างสรรค์ เช่น รายการการ์ตูนที่มีเนื้อหารุนแรง สื่อออนไลน์ที่นำเสนอการแก้ไขปัญหาโดยการตบตีทะเลาะวิวาท รายการวิทยุที่พูดสบถสาบาน  ควรควบคุมและจำกัดเวลาให้ลูกบริโภคสื่อในช่วงระยะเวลาที่พอเหมาะ ไม่ได้หมายความว่า ต้องห้ามปราม จำกัดสิทธิ์ไม่ให้ดูทีวีที่เนื้อหารุนแรง ซึ่งนั่นจะยิ่งทำให้เด็กอยากรู้อยากเห็น ขาดภูมิคุ้มกัน รับสภาพปัญหาความเลวร้ายไม่ได้ และมีพฤติกรรมลักลอบบริโภคสื่อ โดยแอบดูรายการที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมเพียงลำพัง เพื่อไม่ให้ถูกต่อว่า ซึ่งนั่นจะทำให้เขาขาดคำแนะนำในการเลือกปฏิบัติ ดังนั้นนอกจากการจำกัดเวลาแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ควรห่วงใยและดูแลเขาอย่างใกล้ชิดในขณะที่เขาบริโภคสื่อต่างๆ ด้วย

√ ลูกติดดูทีวีมาก เบี่ยงเบนวิธีไหนดี!

สมาคมกุมารแพทย์และจิตแพทย์เด็กแนะนำว่า เด็กแรกเกิดถึง 18 เดือนไม่ควรดูทีวีเลย เด็กวัย 18 เดือนถึง 4 และเด็กวัย 4 ขวบขึ้นไปไม่ควรดูนานกว่าวันละ 1 ชั่วโมง เพราะจะทำให้มีปัญหาดังต่อไปนี้

ถ้าจะให้ลูกเลิกติดทีวี คุณแม่ต้องใจแข็งค่ะ ถ้าเขาโวยวายก็อย่าตามใจ หากิจกรรมอื่นให้ทำแทน อย่าให้เขาว่าง เพราะจะคิดถึงทีวีมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปสัก 2 – 3 สัปดาห์ก็เปิดทีวีให้ดูใหม่ โดยดูได้ไม่เกินวันละ 1 ชั่วโมง และเลือกเฉพาะโปรแกรมดีๆเท่านั้น (ไม่ให้ดูประเภทต่อสู้) เขาจะได้ชินกับการไม่มีทีวีและรู้จักใช้เวลาเพื่อทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ให้มากขึ้น และอธิบายถึงข้อเสียของการดูทีวี ที่สำคัญ พ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีด้วยนะคะ

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!


บทความโดย: แพทย์หญิงสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ ด้านทารกแรกเกิด

บทความโดย: กองบรรณาธิการนิตยสาร Amarin Baby & Kids