แม่ต้องรู้!! ประกาศถอดถอน 25 ตำรับยา ที่มี ยาพาราเซตามอล เป็นส่วนผสม หลังพบผู้ใช้เกิดอาการแพ้ยา เป็นพิษต่อตับ และได้รับยาเกินขนาด โดยเฉพาะบางคนที่กินยาร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจเสี่ยงอันตรายต่อชีวิต
ด่วน! ประกาศระงับ ยาพาราเซตามอล 25 ตำรับ หลังพบเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพ
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ คำสั่งกระทรวงสาธารณสุช ที่ 780/2562 เรื่องเพิกถอนทะเบียนตำรับยา โดยระบุว่าด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ปรากฏพบปัญหาจากการใช้ ยาพาราเซตามอล มากขึ้น โดยพบทั้งอาการไม่พึงประสงค์ในลักษณะการแพ้ยา และอาการผลข้างเคียง เช่น การเกิดพิษต่อตับ จากการใช้ยา ไม่เหมาะสม การได้รับยาซ้ำซ้อน การใช้ยาเกินขนาดโดยไม่ตั้งใจ หรือการใช้ยาร่วมกับการดื่มเครื่องดื่ม ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นความเสี่ยงให้เกิดอัน ตรายต่อผู้บริโภค เพื่อคุ้มครองความปลอดภัย ของผู้ใช้ยา
ภายหลังจากได้มีคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข ให้ผู้รับอนุญาตผลิตยา หรือผู้รับอนุญาตนําหรือสั่งยาเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งมี ยาพาราเซตามอล เป็นส่วนประกอบชนิดรับประทาน (ทั้งชนิดเม็ดและน้ำ) ไปแก้ไขฉลาก และเอกสาร กํากับยาตามกำหนด แต่ปรากฏว่าผู้รับอนุญาตไม่ดําเนินการแก้ไขทะเบียนตํารับยาดังกล่าวให้เป็นไปตามคําสั่งข้างต้นจํานวน 25 ตํารับ จึงอาจเกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้ยาได้
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 86 แห่งพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติยา (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2530 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยคําแนะนํา ของคณะกรรม การยาในการประชุมครั้งที่ 389-3/2562 เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2562จึงมีคําสั่งเพิกถอนทะเบียนตํารับยาที่มีพาราเซตามอลเป็นส่วนประกอบ ชนิดรับประทาน จํานวน 25 ตํารับ ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้
ก่อนกรณีที่หน้านี้ทาง องค์การอาหารและยา สหรัฐอเมริกา (USFDA) มีคำสั่งยกเลิกทะเบียน ยาพาราเซตามอล เฉพาะสูตรผสมตามใบสั่งยา (Precription combination durg products) ซึ่งมีปริมาณของพาราเซดามอนเกินกว่า 325 มิลลิกัม เพราะเป็นอันตรายร้ายแรงต่อตับ ทางคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทยเองได้เฝ้าระวังพิจารณาตำรับยาต่างๆอย่างใกล้ชิด
โดยเป็นการศึกษาขนาดยา วิธีใช้ สูตรคำรับยาเดี่ยวและสูตรตำรับยาผสม ร่วมพิจารณากับข้อมูลการพิจารณายกเลิกทะเบียนยาสูตรผสมของ USFDA ด้วย เพื่อปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับคนไทย และลดปัญหาอันตรายจากการใช้ยา
ดร.นพ.ปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ระบุว่า อย.มีกำหนดให้ผลิตภัณฑ์ยาทุกตำรับที่มีส่วนผสมของพาราเซตามอล ต้องแสดงข้อความคำเตือนเกี่ยวกับพิษต่อตับให้ผู้บริโภครับทราบ พร้อมกับข้อแนะนำไม่ให้กินยาติดต่อกันเกิน 5 วัน เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการกินยานานเกินไป และเกินขนาด
อ่านข้อควรระวังเมื่อกินพายาราเซตามอล หน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
ความจริงควรรู้ก่อนกินยาพาราเซตามอล
ยาพาราเซตามอลเป็นยาสามัญประจำบ้าน ที่คนทั่วไปสามารถซื้อเองได้โดยไม่ต้องได้รับคำสั่งซื้อยาจากแพทย์ ออกฤทธิ์ ปวดหัว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีไข้สูงตัวร้อน แม้จะไม่ใช่ยาอันตราย แต่การกินยาพาราเซตามอลมีข้อมูลที่คุณแม่ควรศึกษาไว้ เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยและทุกคนในครอบครัว
- หากมีอาการปวดหรือมีไข้ กินยาได้ทุก 6 ชั่วโมงแต่ไม่ควรกินต่อเนื่องนานเกิน 7 วันเป็นอันขาด
- ยาพาราเซตามอลใช้ระงับอาการปวดรุนแรง เช่น แผลผ่าตัด ไม่ได้
- หลังกินยาแล้วเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือเบื่ออาหาร ให้หยุดยาและปรึกษาแพทย์ทันที
- ต้องกินยาพาราเซตามอลเมื่อเกิดอาการปวด หรือมีไข้แล้วเท่านั้น ห้าม “กินยาดัก” ไว้เพราะกลัวจะมีอาการเป็นอันขนาด เพราะทำให้ร่างกายได้รับยาเกินขนาดโดยไม่จำเป็น
- แม่ท้องสามารถกินยาพาราเซตามอลเพื่อระวังปวดหรือลดไข้ได้ แต่ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม เพราะยาเกินขนาดส่งผลต่อลูกในท้อง งานวิจัยของ Oxford University Press ตีพิมพ์ใน International Journal of Epidemiology พบว่า หากแม่ท้องกินยาชนิดนี้มากเกินไป ลูกน้อยเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมาธิสั้นและออกทิสติกมากกว่าเด็กในครรภ์ปลอดภัยถึง 30 เปอร์เซ็นต์
MUST READ : รีวิวยาลดไข้เด็กแต่ละชนิด
ห้ามทำเด็ดขาดเมื่อต้องกินยาพาราเซตามอล
- ผู้ป่วยโรคไตและตับ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
- ห้ามกินยาพาราเซตามอล (500 มิลลิกรัม) เกิย 8 เม็ดต่อวัน
- ห้ามกินยาร่วมกับยารักษาวัณโรคหรือลมชัก เพราะก่อให้เกิดพิษต่อตับมากขึ้น
- ห้ามกินยากับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ผู้ป่วยโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง ไม่ควรกินยาพาราเซตามอลเพราะทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้นได้
ปริมาณยาพาราเซตามอลที่เหมาะสม
กินการยาพาราเซตามอลปริมาณ 500 มิลลิกรัม ควรกินให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัว คนน้ำหนักตัว 34-50 กิโลกรัม ให้กิน 1 เม็ด น้ำหนัก 50-75 กิโลกรัม กินยา 2 เม็ด และน้ำหนักมากกว่า 75 กิโลกรัม กินยาได้ 2 เม็ด ห่างกันทุก 6 ชั่วโมงเท่านั้น หากเป็นไข้ให้หมั่นเช็ดตัวร่วมด้วย แต่อาการปวดที่รุนแรงเพิ่มขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยและรักษาให้ตรงจุดจะดีกว่า
บทความน่าสนใจอื่นๆ
พาราเซตามอล แม่ท้องกินแล้วลูกเสี่ยงสมาธิสั้น-ออทิสติก
ตู้ยาสามัญประจำบ้านสำหรับลูกน้อยต้องมีอะไรบ้าง?
ขอบคุณแหล่งข้อมูล news.thaipbs.or.th pca.fda.moph.go.th/ www.honestdocs.co
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่