AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

18 ลักษณะลิ้นบอกโรค เพียงแค่ดูลิ้นลูก ก็รู้ได้ว่าป่วยหรือไม่?

ลักษณะลิ้นบอกโรค เพียงแค่ดูลิ้นลูก ก็รู้ได้ว่าป่วยหรือไม่?

ลักษณะลิ้นบอกโรค …แม่อ่านด่วน! หากคุณสังเกตเห็น ลิ้นลูกเป็นดวง ลิ้นลูกเป็นฝ้า หรือเป็นลายเหมือนแผนที่ นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าลูกกำลังป่วย! ซึ่งลิ้นจะบอกโรคได้อย่างไรบ้าง มาดูกันเลย

ลักษณะลิ้นบอกโรค เพียงแค่ดูลิ้นลูก ก็รู้ได้ว่าป่วยหรือไม่?

ลูกจ๋าๆ..แลบลิ้นให้แม่ดูหน่อย!

เชื่อหรือไม่? สี และ ลักษณะลิ้นบอกโรค ได้! .. หากคุณแม่สงสัยหรืออยากรู้ว่าลูกของคุณกำลังป่วยอยู่หรือเปล่า แท้จริงแล้วก็สามารถเช็กได้จาก “ลิ้น” เช่นกัน เพราะ “ลิ้น” นอกจากจะเป็นอวัยวะที่ว่ากันว่าแข็งแรงที่สุดในร่างกายอันประกอบด้วยกล้ามเนื้อมัดใหญ่กว่า 60 มัดรวมกันแล้ว ก็ยังทำหน้าที่รับรู้รสชาติอาหารที่เรากินเข้าไป และช่วยในการออกเสียงพูด แต่รู้กันหรือไม่ว่า ลักษณะลิ้น ยังสามารถบ่งบอกโรค ได้อีกด้วย

ลูกจ๋าๆ..แลบลิ้นให้แม่ดูหน่อย! แม่ๆ เชื่อหรือไม่? สี และ ลักษณะลิ้นบอกโรค ได้!

ทั้งนี้การดูลิ้น เป็นศาสตร์ที่ลึกล้ำของชาวจีน โดยศาสตร์การตรวจลิ้นเป็นจุดเด่นจุดหนึ่งของการวินิจฉัยโรคตามศาสตร์แพทย์จีน ซึ่งมองเห็นได้ชัด เป็นรูปธรรม ใกล้ตัวที่สุด โดยศาสตร์การแพทย์แผนจีนได้กล่าวไว้ว่า… เส้นลมปราณของอวัยวะภายในร่างกายล้วนแล้วเดินผ่านบริเวณลิ้นกันทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ “ลิ้น” จึงสะท้อนถึงสภาวะภายในร่างกายได้เป็นอย่างดี จากการดูลิ้นสามารถรู้ได้ถึงความสมดุลภายในร่างกาย

จึงอาจเปรียบได้ว่า ลิ้น เป็นเสมือนกระจกเงาสะท้อนถึงภาวะสมดุลและไม่สมดุลในร่างกาย ว่าในร่างกายมีสิ่งใดผิดปกติอย่างไร โดยลักษณะของตัวลิ้นสามารถสะท้อนถึงอวัยวะภายในทั้ง 5 (ปอด หัวใจ ม้าม ตับ ไต) ส่วนฝ้าบนลิ้น สามารถสะท้อนถึงอวัยวะกลวงทั้ง 6 (กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ กระเพาะปัสสาวะ ถุงน้ำดี และซานเจียว)

ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่ลองสังเกตที่ลิ้นของลูก หากมีความผิดปกติของลิ้น นั่นอาจเป็นสัญญาณของการเจ็บป่วยหรือโรคบางชนิดที่ควรรีบรับการรักษาก่อนที่จะสายเกินแก้ แล้ว ลักษณะลิ้นบอกโรค จะมีอาการแบบไหน ขนาด รูปร่าง หรือ สีลิ้น จะแสดงออกมาอย่างไร หรือบ่งบอกสัญญาณสุขภาพได้ได้ยังไง มาเช็กกันเลยค่ะ

 

อ่านต่อ >> 18 ลักษณะของ ลิ้นบอกโรค” คลิกหน้า 2

ลักษณะลิ้นบอกโรค ได้อย่างไร?

ตามตำราแพทย์โบราณจะดูขนาด สีของลิ้น สีของฝ้าบนลิ้น (ขาว เหลือง เขียว ดำ) ลักษณะฝ้าบนลิ้น (หนา บาง แห้ง ชื้น) และตุ่มบนลิ้น ซึ่งลักษณะของลิ้นที่แตกต่างจากลิ้นปกติ จะบอกถึงสุขภาพของเจ้าของลิ้น โดยลิ้นของลูก ที่มีสุขภาพดีนั้น ควรมีสีชมพู อ่อนนุ่ม และมีปุ่มเล็กๆกระจายอยู่ทั่ว เป็นลิ้นที่มีชีวิตชีวา มีประกาย (เมื่อใช้ไฟฉายส่อง จะเห็นประกายบนลิ้น) และมีขนาดพอดีไม่คับปาก ส่วน ลักษณะลิ้นบอกโรค ที่ผิดปกติ จะบอกโรคอะไรได้บ้าง หรือมีลักษณะอย่างไร รีบอ่านพร้อมเช็กดู ลิ้นของลูก ไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ

โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถเช็กสภาพลิ้นของลุกน้อย หรือของตัวคุณเองได้ในตอนเช้าก่อนแปรงฟัน เพราะเป็นช่วงเวลาที่เพิ่งตื่นนอน โดยที่ลิ้นยังไม่ได้สัมผัสกับอาหารชนิดใด พอที่จะทำให้ลิ้นนั้นเปลี่ยนสภาพหรือสีไปได้

เช็กเลย! นี่คือ 18 สี และ ลักษณะลิ้นบอกโรค ที่พ่อแม่ควรรู้และดูให้เป็น

1. ลิ้นสีชมพู

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นว่า ลิ้นของลูก (หรือของตัวเอง) เป็นสีชมพู มีความชุ่มชื้นพอเหมาะ ไม่มีฝ้าขาวเหลืองบนลิ้น และมีปุ่มเล็กๆกระจายอยู่ทั่ว ก็บ่งบอกว่าเลือดลมดี สุขภาพดี เลือดในกายดี

2. ลิ้นสีขาวซีด

หากลิ้นของลูกมีมีซีดขาว บ่งบอกว่า ลูกมีเลือดน้อย หรือร่างกายอ่อนแอ ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ พาไปออกกำลังกาย และพักผ่อนนอนหลับให้เยงพอ

3. ลิ้นมีสีเข้มจนเป็นสีน้ำตาลหรือดำ

ซึ่งถ้าไม่ใช่ปานที่ลูกเป็นมาตั้งแต่กำเนิด ก็บอกได้เลยว่านั่นอาจเป็นผลมาจากยาปฏิชีวนะ หรือการสูบบุหรี่ (สำหรับพ่อแม่) หรือทานอาหารที่ทำให้เกิดการแปรปรวน และการเจริญเติบโตของแบคทีเรียบางชนิดที่สร้างสีดำออกมาเกาะแถวลิ้นได้

4. ลิ้นสีแดง

หากลูกมีลิ้นเป็นสีแดง ไม่มีฝ้าจับ บ่งบอกว่าลูกมีความร้อนในตัวสูง ร่างกายสูญเสียน้ำในตัวออกไปมาก

ลักษณะลิ้นบอกโรค ที่มีมีแดงจัด Cr. pic : WebMD

5. ลิ้นสีแดงจัด

แต่หากลูกมีลิ้นเป็นสีแดงจัด แปลว่าอาจกำลังตกอยู่ในภาวะโรคโลหิตจาง ทำให้ภูมิต้านทานต่ำ ซึ่งอาจเป็นเพราะขาดวิตามินบี ดังนี้

⊗ ขาดวิตามิน B1 ทำให้ลิ้นแดง อักเสบ ปวดแสบปวดร้อน

ขาดวิตามิน B2 ทำให้มุมปากอักเสบเป็นปากนกกระจอก และทำให้ลิ้นเป็นแผ่นแดงๆ ม่วงๆ บวมและแสบลิ้นง่าย

ขาดวิตามิน B5 ลิ้นอักเสบมากจนแดงก่ำ มีแผลถลอก มีจุดแดง เลือดออกง่าย ลิ้นแตกเป็นร่อง

ขาด Folic Acid มักจะทำให้ลิ้นเลี่ยน บางและถลอกง่าย

6. ลิ้นสีแดงม่วง และแห้งมาก

แสดงถึงลูกมีภาวะความร้อนภายใน และเกิดการอุดกั้นของระบบไหลเวียนของเลือด เช่น
เป็นโรคความดันโลหิตสูงจัด เส้นเลือดหัวใจตีบ หรือเป็นโรคหัวใจรูมาติกส์ หรือปอดผิดปกติเนื่องจากขาดออกซิเจน

7. ลิ้นสีเขียว

บ่งบอกว่าในตัวของลูกน้อยมีการอุดกั้นการไหลเวียนของเลือด หรือสำหรับผู้ใหญ่ อาจเป็นโรคหัวใจล้มเหลว ตับแข็งเพราะดื่มเหล้า มะเร็งหรือหลอดเลือดแดงส่วนปลายอักเสบ

 

อ่านต่อ >> ลักษณะของ ลิ้นบอกโรค ที่พ่อแม่ควรรู้และดูให้เป็น” คลิกหน้า 3

(ต่อ) ลักษณะของ ลิ้นบอกโรค

8. ลิ้นเป็นฝ้าขาว

เป็นขุยลักษณะคล้ายคราบนม แต่เขี่ยออกยาก แสดงว่าลิ้นของลูกน้อยเป็นโรคเชื้อรา มักจะเกิดกับเด็กทารกที่ภูมิต้านทานต่ำ แต่ไม่ร้ายแรงอย่าที่คิด แค่ใช้เจนเชียนไวโอเลต (ยาน้ำสีม่วงๆ) ป้ายวันละ 3-4 ครั้ง ติดต่อไปสัก 5-7 วัน แล้วดูแลร่างกายให้แข็งแรงเท่านี้ก็เพียงพอ

9. ลิ้นเป็นแผ่นขาว

หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตว่าลิ้นของลูกมีฝ้าเป็นแผ่นขาวใหญ่ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นก็ถูหรือขูดไม่ออกแบบนี้จะอันตรายกว่า แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์ เพราะมันอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงระยะแรกของการเกิดมะเร็งในช่องปาก

10. ลิ้นเป็นฝ้าขาว มีจุดแดงๆ เป็นหย่อมๆ คล้ายลูกสตรอว์เบอร์รี่

ซึ่งมีร่วมกับอาการไข้และผื่นตามตัว มักพบว่าเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินหายใจส่วนต้น หรือก็สามารถเป็นสัญญาณเบื้องต้นของโรคคาวาซากิได้ ซึ่งเป็นโรคที่หายากและร้ายแรงที่ทำให้หลอดเลือดทั้งร่างกายเกิดการอักเสบ โดยพบได้มากในเด็ก แต่ถ้าลิ้นของคุณเรียบ และรู้สึกเจ็บในปาก มันก็อาจเป็นสัญญาณบอกว่าร่างกายได้รับวิตามินบี 3 ไม่เพียงพอ

ลักษณะลิ้นบอกโรค ที่เหมือนแผนที่ Cr. pic : LabRoots

11. ลิ้นอักเสบ มีลักษณะคล้ายฝ้าขาว แต่ขอบหยักๆ เหมือนแผนที่

หมายถึงอาการที่หลังลิ้น หรือด้านข้างของลิ้นของลูกน้อย มีขนสลับกับผิวเรียบลื่น มองดูคล้ายแผ่นที่ โดยรอยแผนที่นี้จะไม่ได้อยู่ถาวร สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปได้เรื่อยๆ สาเหตุของลิ้นก็ไม่เป็นที่แน่ชัด อาจมาจากอารมณ์ที่แปรปรวน ขาดสารอาหาร พันธุกรรม หรือเกิดร่วมกับโรคของระบบร่างกายอื่นๆ เช่น โรคที่เกี่ยวกับเลือด และหอบหืด ซึ่งลิ้นลักษณะนี้ไม่ได้มีอันตรายใดๆ เช่นกัน แต่เด็กบางคนอาจรู้สึกว่ารับรู้รสได้ไม่ดีพอ สามารถปรึกษาทันตแพทย์เพื่อเขารับการรักษาได้

12. ลิ้นเป็นจุดดำๆ

เหมือนกระ ลามมาที่ผนังแก้ม และริมฝีปาก เป็นอาการของโรคเนื้องอกในลำไส้เล็กชนิดหนึ่ง

13. ลิ้นโตใหญ่

(แลบลิ้น จะโตคับปาก) อาจเกิดจากลูกมีภาวะโลหิตจาง บวมน้ำ ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย และขาดสารอาหาร

14. ลิ้นบวมโตในปาก

แลบลิ้นออกมาได้ แต่ดึงลิ้นกลับไม่ได้ แสดงว่าลูกของคุณกำลังเป็นโรคติดเชื้อนาน ทำให้มีไข้ จึงทำให้ลิ้นอักเสบหรือเพราะพิษของยา หรือเพราะพิษจากสุรา ทำให้ลิ้น และอวัยวะภายในบวม

15. ลิ้นที่เป็นตุ่มหนา

โดยลักษณะตุ่มจะนูนอักเสบ เนื่องจากลูกมีไข้สูง หรือปอดอักเสบรุนแรง หรือเป็นไข้กลุ่มอีดำอีแดง

16. ลิ้นแตก

หากลิ้นของลูกน้อยเริ่มเกิดรอยแตก โดยที่ไม่มีเลือดไหลออกมา คุณพ่อคุณแม่ก็อย่าเพิ่งวิตกกังวลไป เพราะนั่นเป็นอาการที่เกิดขึ้นตามวัย ยิ่งถ้ามีอายุมากก็จะยิ่งพบได้ง่าย จึงไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะเป็นสัญญาณของอาการป่วยใด ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะละเลยได้ ควรจะเอาใจใส่สุขภาพช่องปากให้มากขึ้นเนื่องจากเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียนั้นอาจจะเข้าไปอยู่ตามรอยแตกของลิ้นได้ ควรแปรงฟันและลิ้นให้สะอาด ดื่มน้ำให้เพียงพอ และหมั่นไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากอย่างน้อยทุก ๆ 6 เดือน

 

อ่านต่อ >> ลักษณะของ ลิ้นบอกโรค ที่พ่อแม่ควรรู้และดูให้เป็น” คลิกหน้า 4

(ต่อ) ลักษณะลิ้นบอกโรค

17. ลิ้นเลี่ยน (ลิ้นเรียบผิดปกติ)

ปกติแล้วลิ้นของคนเราจะมีลักษณะตะปุ่มตะป่ำเพราะมีตุ่มรับรสกระจายอยู่ทั่ว แต่ถ้าหากลิ้นของลูกน้อยเริ่มมีลักษณะเรียบผิดปกติ หรือที่เรียกว่าลิ้นเลี่ยน นั่นแปลว่าลูกกำลังเกิดภาวะร่างกายขาดธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 กรดโฟลิก ที่ทำให้เกิดอาการอักเสบจนตุ่มรับรสตายและหลุดลอกไปจนผิวลิ้นเรียบแล้ว ทั้งนี้อาการดังกล่าวก็ไม่ได้เกิดจากการขาดสารอาหารเพียงอย่างเดียว แต่ยังอาจเกิดจากการติดเชื้อยีสต์ในช่องปากได้ด้วยเช่นกัน โดยนอกจากอาการลิ้นเลี่ยนแล้ว ก็ยังอาจมีอาการแสบร้อนที่ลิ้นขณะที่รับประทานอาหารที่เป็นกรดหรือมีรสชาติเค็มร่วมด้วย ฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดก่อนจะดีกว่า

18. ลิ้นมีแผลร้อนใน

แผลร้อนในภายในช่องปากเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่พบได้เป็นปกติของลิ้นลูกน้อย แต่รู้หรือไม่ว่าแผลร้อนในเหล่านี้มีสาเหตุการเกิดอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเผลอกัดลิ้นตัวเอง หรือการไวต่ออาหารของตุ่มรับรส การขาดวิตามิน หรือการติดเชื้อ นอกจากนี้โรคลำไส้อักเสบก็ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดแผลร้อนในที่ลิ้นได้อีกด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วแผลร้อนในเหล่านี้จะหายไปได้เองภายในเวลา 10-14 วัน และไม่ทิ้งร่องรอยของแผลไว้ ซึ่งถ้าหากอยากจะให้หายเร็วขึ้นก็สามารถใช้ยาทาช่วยได้ หรือจะดื่มน้ำมาก ๆ ก็ทำให้แผลร้อนในหายไวขึ้นได้เหมือนกัน

ทั้งนี้หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตว่าลิ้นของลูกน้อย มีติ่งเนื้อเล็ก ๆ เกิดขึ้น โดยที่ไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตุ่มน้ำใส ๆ หรือฝ้าบนลิ้นที่ดูผิดปกติ นั่นอาจจะเป็นติ่งเนื้อที่เกิดขึ้นจากการที่เนื้อเยื่อเจริญเติบโตมากเกินไปจนทำให้กลายเป็นติ่งเนื้อ ซึ่งไม่เป็นอันตราย โดยส่วนใหญ่แล้วติ่งเนื้อเหล่านี้กว่าจะสังเกตเห็นได้ก็นับปี แต่ถ้าหากเกิดติ่งเนื้อขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็ควรไปตรวจว่าติ่งเนื้อเป็นอันตรายหรือไม่จะดีกว่า

ลักษณะของ ลิ้นบอกโรค ที่ผิดปกติอย่างมาก ควรรีบไปปรึกษาแพทย์

ลักษณะของลิ้นที่ผิดปกติ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์

  • ลิ้นใหญ่คับปาก อาการนี้มักเป็นภาวะผิดปกติที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิด พบมากในเด็กที่เป็นโรคดาวน์ซินโดรม หรือผู้ที่มีความผิดปกติของฮอร์โมนบางชนิด
  • ลิ้นสั่นหรือแข็งจนขยับไม่ได้ เมื่อพบว่าลิ้นของลูกมีสภาพดังกล่าว ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเกิดจากความผิดปกติทางระบบประสาท
  • ลิ้นไม่รู้รส อันนี้ต่อมรับรสของคุณอาจจะมีปัญหาแล้วล่ะ หรืออาจมีสาเหตุมาจากผลข้างเคียงของการใช้ยาบางชนิด หรือเป็นผลต่อเนื่องมาจากการรับกลิ่นไม่ได้
  • ลิ้นแห้ง แตกระแหง ลักษณะลิ้นบอกโรค แบบนี้คือกำลังฟ้องว่าร่างกายของลุกน้อยสูญเสียมากเกินไปแล้ว หากพบในเด็กเล็กที่มีอาการท้องเสียร่วม จะยิ่งเป็นอันตรายมาก ต้องรีบให้น้ำและเกลือแร่ทดแทนโดยเร็ว มิฉะนั้นอาจเกิดความดันต่ำจนช็อกและหมดสติได้
  • ลิ้นมีเส้นเลือดฝอยแตกเป็นจุดแดงๆ หรือมีแขนงดูเหมือนแมงมุมอันนี้เป็นอาการของโรคชนิดหนึ่งที่เกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือด
  • ลิ้นเป็นแผลอักเสบ ลักษณะของลิ้นแบบนี้จะคล้ายกับแผลร้อนใน มีฝ้าเหลืองๆ แต่ไม่เจ็บมาก มักพบในโรคซิฟิลิส ระยะที่ 2
  • ลิ้นหนาเป็นหนามยาวๆ หรือเป็นตุ่มเล็กๆ จำนวนมากตรงด้านข้างลิ้นอันนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงของคนที่เป็นโรคเอดส์
  • ลิ้นมีเส้นเลือดขอด อาจหมายถึง คุณพ่อคุณแม่หรือลูกน้อยมีอาการเนื้องอกในเส้นเลือด โดยเฉพาะเนื้องอกของเส้นเลือดในสมองซึ่งเป็นอันตรายมาก

 

เห็นไหมคะว่า ลักษณะลิ้น สามารถบอกโรค ได้มากมายขนาดไหน ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรดูแลสุขภาพช่องปากของลูกน้อย และตัวเองให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อที่เราจะได้สังเกตเห็นความผิดปกติที่ลิ้นได้ชัดเจนขึ้น และถ้าพบความผิดปกติเหล่านี้แล้วไม่มั่นใจ ควรรีบไปหาคุณหมอเพื่อตรวจวินิจฉัย พร้อมรักษาได้ทันท่วงทีนะคะ

 

อ่านต่อบทความอื่นๆน่าสนใจ คลิก :


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : health.kapook.com , health.mthai.com , www.ladytip.com , www.dmc.tv , health.kapook.com

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids