การที่ ลูกป่วยบ่อย เป็นเรื่องทำให้คุณพ่อคุณแม่กลุ้มใจอยู่ไม่น้อย ทั้งนี้ที่ ลูกป่วยบ่อย เพราะด้วยความที่ภูมิต้านทานของลูกน้อยยังแข็งแรงไม่เพียงพอ จึงอาจเป็นสาตุที่ทำให้ ลูกป่วยบ่อย นอกจากนั้นแล้ว สภาพแวดล้อม หรือสิ่งต่างๆ รอบตัวก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกป่วยบ่อยได้เช่นกัน
ลูกป่วยบ่อย ลอง Checklist คุณมี 10 ทักษะ
เลี้ยงลูกปลอดโรคภัยหรือไม่?
ลูกน้อยจะเติบโตอย่างฉลาด เป็นเด็กดี และมีความสมบูรณ์พร้อมไม่ได้ หากขาดปัจจัยพื้นฐานคือการมีสภาพร่างกายที่แข็งแรง สุขภาพดีไม่มีโรคภัย ดังนั้นทักษะสำคัญมากที่คุณพ่อคุณแม่ควรสร้างให้ติดตัวลูก และส่งเสริมให้ลูกมีสุขอนามัยที่ดี คือการเริ่มต้นดูแลสุขภาพลูกน้อยให้ปลอดจากโรคภัยต่างๆ และปลูกฝังให้ลูกน้อยรู้จักการดูแลสุขอนามัยของตัวเอง
Amarin Baby & Kids จึงขอเชิญชวนคุณแม่มาทดสอบดูสิว่าเราได้เลี้ยงลูกให้ปลอดโรคภัยครบทั้ง 10 ประการนี้หรือยัง?
…..√….. 1. หมั่นล้างมือ
สร้างสุขอนามัยที่สำคัญทั้งลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่และทุกคนในครอบครัว
คุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นล้างมือให้ลูกและสอนให้ลูกล้างมืออย่างถูกวิธีด้วย ซึ่งหากในบ้านมีเด็กเล็กหรือทารก คุณพ่อคุณแม่ผู้เลี้ยงดู พี่เลี้ยง หรือคุณย่าคุณยายที่สัมผัสเด็ก ก็ต้องหมั่นล้างมือตัวเองก่อนสัมผัสเด็กบ่อยๆ ด้วย
⇒ Must read : ชวนเด็กๆ มา ล้างมือ ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่กัน!
…..√….. 2. หลีกให้ห่างสถานที่แออัด
ไม่พาเด็กไปในที่ที่แออัด หรือมีคนจำนวนมาก หรือที่ที่มีการระบายอากาศไม่ดี
เนื่องจากว่าโรคติดเชื้อบางโรคจะติดต่อกันได้ง่ายด้วยการหายใจ และการอยู่ในสถานที่แออัดหรือมีคนอยู่รวมกันมากๆ ก็อาจจะมีการไอ จามรดกัน ทำให้เด็กๆ หรือแม้แต่ผู้ใหญ่เองติดเชื้อโรคป่วยได้ ซึ่งโรคที่ติดต่อทางอากาศได้แก่ วัณโรค โรคหัด โรคอีสุกอีใส
⇒ Must read : Kid Safety – คิดก่อนพาเด็กไปสถานที่พลุกพล่าน
…..√….. 3. ให้ลูกรับวัคซีนป้องกันโรค
อย่างครบถ้วนในทุกช่วงวัย และตามถิ่นที่อยู่อาศัย
ทั้งวัคซีนประจำปี วัคซีนมาตรฐานและวัคซีนเสริม วัคซีนประจำปีที่มักแนะนำให้เด็กได้รับคือ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่เด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปควรจะได้รับทุกคน ทุกปี โดยเฉพาะเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี กลุ่มนี้หากเป็นไข้หวัดใหญ่จะมีอาการรุนแรงได้ และคุณพ่อคุณแม่หรือผู้เลี้ยงดูเด็กก็ควรจะต้องได้รับวัคซีนวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ด้วย เพราะว่าในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิตลูกน้อย จะไม่สามารถให้วัคซีนได้ครบทุกอย่างแก่ลูก เพราะลูกยังเป็นเด็กเล็ก และถึงแม้จะได้รับวัคซีน แต่ภูมิคุ้มกันก็อาจจะยังไม่สามารถขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ หรือภูมิคุ้มกันขึ้นไม่สูงเท่าไร ผู้เลี้ยงดูเด็กเล็กและคนในครอบครัว คือพี่เลี้ยง คุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย จึงเป็นคนที่แพร่เชื้อโรคไปสู่ลูกน้อยได้เช่นกัน
⇒ Must read : วัคซีนรวม 6 โรค ปลอดภัย ไม่เจ็บตัวบ่อย ลดภาระค่าใช้จ่าย
⇒ Must read : 5 วัคซีนเด็ก สำคัญ! ป้องกัน 9 โรคร้ายให้ลูกตอนโต
อ่านต่อ >> “ทักษะเลี้ยงลูกปลอดโรคภัยป้องกันลูกป่วยบ่อย” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
…..√….. 4. เลี้ยงลูกอยู่ให้ห่างจากคนป่วย
แนะนำให้ลูกรักของคุณพ่อคุณแม่อยู่ห่างจากคนที่มีอาการป่วยต่างๆ รวมถึงตัวคุณพ่อคุณแม่ที่ดูแลเด็กก็ควรเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้กับคนป่วยด้วยเช่นกัน รวมทั้งพยายามหลีกเลี่ยงไม่พาบุตรหลานหรือเด็กๆ ไปเยี่ยมไข้คนป่วยที่โรงพยาบาล หรือไม่พาเด็กไปสถานบริการสาธารณสุขที่มีคนป่วยอยู่กันเยอะ เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กติดเชื้อโรคต่างๆ
…..√….. 5. แยกของเล่นของใช้ให้เป็นส่วนตัว
เมื่อมีเด็กอยู่ในบ้าน ควรจัดการแยกของเล่น และของใช้ส่วนตัวของเด็กกับผู้ใหญ่แยกกันชัดเจน ไม่ควรให้พี่ๆ หรือเด็กคนอื่นๆ ใช้ด้วยกัน สิ่งของที่อาจติดน้ำลาย น้ำมูก หรือสัมผัสติดกันได้ง่าย ไม่ควรใช้ร่วมกัน หรือให้ผู้อื่นใช้ โดยอาจจะจัดทำชั้นวาง หรือแบ่งสัดส่วนโซนของใช้ไม่ให้ปะปนกัน เพื่อให้ทุกคนในบ้านได้หยิบใช้อย่างถูกต้อง และควรต้องหมั่นทำความสะอาดของเล่น และของใช้ของลูกให้แห้งและสะอาดอยู่เสมอ
⇒ Must read : เตือนแม่! ระวังยางกัดที่ลูกเล่น อาจจะเต็มไปด้วยเชื้อรา
…..√….. 6. การให้ลูกกินนมแม่
จะเป็นการส่งภูมิคุ้มกันผ่านน้ำนมจากแม่สู่ลูก โดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิตลูกน้อยหลังคลอด เป็นช่วงที่ภูมิคุ้มกันจะสามารถส่งผ่านน้ำนมแม่มาได้มากที่สุด การที่ลูกได้รับน้ำนมแม่ นอกจากจะทำให้ร่างกายลูกน้อยได้รับสารอาหารจำเป็นที่ครบถ้วนเพื่อการเจริญเติบโตที่แข็งแรงแล้ว ลูกน้อยยังได้รับภูมิคุ้มกันที่ดีป้องกันเชื้อโรคหรือโรคภัยต่างๆ ทำให้ลูกน้อยหลังคลอดไม่เจ็บป่วยได้ง่าย และยังลดโอกาสการเกิดโรคภูมิแพ้อีกด้วย
⇒ Must read : นมแม่ป้องกันโรค ช่วยลูกสุขภาพดีตั้งแต่แรกเกิด
…..√….. 7. ป้องกันไม่ให้ยุงกัดลูกน้อย
เนื่องจากยุงเป็นพาหะที่ทำให้เกิดโรคติดเชื้อซึ่งเป็นอันตรายได้หลายโรค โดยเฉพาะโรคไข้เลือดออก และโรคไข้สมองอักเสบ JE ด้วย ดังนั้นจึงควรป้องกันยุงไม่ให้มากัดลูกเรา ด้วยการให้ลูกนอนในเปลเด็กที่มีมุ้ง ใช้ยาทาป้องกัน ยาฉีดกำจัดหรือไล่ยุงต่างๆ (ระวังการใช้ไม่ให้สัมผัสถูกหรือสูดดม และระวังสารตกค้าง) โดยอาจจะเลือกใช้สูตรที่ทำมาจากกลิ่นธรรมชาติ รวมถึงควรกำจัดแหล่งน้ำขังซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงด้วย
⇒ Must read : ไข้เลือดออก โรคระบาดที่มากับหน้าหนาว
⇒ Must read : รู้ไหมว่า ไข้เลือดออก กับ ไข้หวัดใหญ่ ต่างกันอย่างไร?
อ่านต่อ >> “ทักษะเลี้ยงลูกปลอดโรคภัยป้องกันลูกป่วยบ่อย” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
…..√….. 8. รับประทานอาหารสุก สดใหม่ สะอาด
ให้ลูกน้อยรับประทานอาหารที่ปรุงสด ใหม่ และสะอาด พยายามหลีกเลี่ยงอาหารค้างคืนหรืออาหารสุกๆ ดิบๆ เช่น ไข่ที่ไม่สุก ดูแลเรื่องผักผลไม้สด ต้องล้างทำความสะอาดทุกครั้งให้ถูกวิธี มีขั้นตอนการทำความสะอาดและการปรุงที่ต้องมีสุขลักษณะที่ดีด้วย
…..√….. 9. ไม่ให้เด็กป่วยไปโรงเรียน
เพราะอาจจะมีโรคบางอย่างที่ทำให้เด็กติดเชื้อหรือเกิดการแพร่ระบาดมากขึ้น เช่น โรคมือเท้าปาก โดยหากเด็กมีอาการป่วย ควรให้หยุดเรียนประมาณ 1 สัปดาห์ หรือหยุดตามระยะการแพร่เชื้อของแต่ละโรค เช่น กรณีป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ในช่วง 5 วันแรกเลยตั้งแต่เริ่มมีไข้ จะเป็นระยะที่สามารถแพร่เชื้อได้มาก เด็กควรจะต้องหยุดเรียนตั้งแต่เริ่มมีอาการไข้ หรือหากเด็กมีอาการท้องเสียอยู่ควรจะให้หยุดเรียนและอยู่บ้าน รวมถึงงดการเล่นในสระว่ายน้ำ สระว่ายน้ำสาธารณะ เพราะจะทำให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อทำให้คนอื่นๆ ติดเชื้อได้มากขึ้น
…..√….. 10. รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
นั่นคือการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารให้ครบถ้วนทุกหมู่ ดูแลสุขอนามัยในชีวิตประจำวัน และสิ่งสำคัญคือการปลูกฝังและสอนลูกให้มีสุขลักษณะที่ดี ในเรื่องการรักษาความสะอาดส่วนตัว ได้แก่ การล้างมือ ล้างเท้า ตัดเล็บ อาบน้ำ สระผม แปรงฟัน อย่างสม่ำเสมอ เวลาไอ จาม ควรปิดปาก เวลามือเลอะ ก็ควรรีบล้างและหลีกเลี่ยงการเอามือมาขยี้ตา เอามือเข้าปาก เพราะจะทำให้เกิดโรคติดต่อที่เกิดจากการสัมผัสได้
ทั้งนี้หากลูกน้อยนอนหลับไม่เพียงพอ ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ ลูกป่วยบ่อย และหากลูกของคุณไม่นอนกลางวัน ก็ควรพาลูกเข้านอนตอนกลางคืนให้เร็วขึ้น
เด็กควรนอนนานแค่ไหน?
⇒ ทารกแรกเกิดควรนอนไม่ต่ำกว่า 18 ชั่วโมงต่อวัน
⇒ เด็กวัยหัดเดินควรนอนประมาณ 12-13 ชั่วโมงต่อวัน
⇒ เด็กก่อนวัยเรียนควรนอนประมาณ 10 ชั่วโมงต่อวัน
เพื่อป้องกันไม่ให้ ลูกป่วยบ่อย เมื่อคุณแม่เช็กแล้วพบว่าครอบครัวเรามีทักษะเลี้ยงลูกปลอดโรคแบบนี้ครบถ้วนแล้วก็ขอให้หมั่นดูแลและปลูกฝังให้ทุกคนในบ้านทำร่วมกัน เพื่อสุขภาพที่ดี ไม่มีโรคภัยของลูกน้อยและทุกๆ คนนะคะ