ลูกอารมณ์ดี พ่อแม่ต้องมี 4 เคล็ดลับ - amarinbabyandkids
ลูกอารมณ์ดี

4 เคล็ดลับสร้าง “ลูกอารมณ์ดี”

Alternative Textaccount_circle
event
ลูกอารมณ์ดี
ลูกอารมณ์ดี

ลูกอารมณ์ดี ส่งผลให้พัฒนาการทุกด้านของลูกดีตามไปด้วยได้นะคะ ฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกมีอารมณ์ดี พัฒนาการเริ่ด ต้องไม่พลาดเคล็ดลับสำคัญที่นำมาฝากกันค่ะ

 

อยากให้ ลูกอารมณ์ดี แม่ต้องมี 4 เคล็ดลับเด็ดนี้!!

การส่งเสริมให้ลูกมี EQ หรือความฉลาดทางอารมณ์ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ นั้นสำคัญมาก เพราะการที่ ลูกอารมณ์ดี จะเป็นเหมือนไม้ต่อให้ลูกก้าวเดินออกไปสู่โลกกว้างได้อย่างเข้มแข็ง และสามารถปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนๆ และคนอื่นในสังคมได้ดีค่ะ ฉะนั้นเพื่อให้ไม่เป็นการเสียเวลา เราจะไปดูพร้อมกันว่าตัวช่วยสำคัญอะไรบ้างที่สามารถส่งเสริมให้ลูกมีพื้นฐานทางอารมณ์ที่ดีได้กันค่ะ…

1. อาหารดี

สิ่งสำคัญอย่างแรกเลยก็คือการให้ลูกได้รับอาหารที่ดี มีสารอาหารครบถ้วน และก็อย่างที่ทราบกันดีว่าน้ำนมแม่ คืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกตั้งแต่แรกเกิด เนื่องจากมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอย่างครบถ้วนช่วยให้ลูกมีพัฒนาการการเติบโตที่สมวัย มีภูมิต้านทานที่แข็งแรงทำให้ไม่เจ็บป่วยง่าย

และหลังจากที่ให้นมแม่กับลูกมาได้ระยะหนึ่ง เมื่อถึงเวลาต้องให้นมลูกเสริมอย่างต่อเนื่อง แนะนำว่าควรเป็นนมที่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายลูกอย่างครบถ้วน ซึ่งนมแพะก็เป็นนมที่มีสารอาหารครบถ้วน นั่นคือ…

  • นมแพะมีระบบการสร้างน้ำนมแบบ “อะโพไครน์ (Apocrine)” ทำให้มีสารอาหารจากธรรมชาติในปริมาณสูง อย่าง Bioactive Components (ไบโอแอคทีฟ คอมโพเนนท์) ซึ่งประกอบด้วย “นิวคลีโอไทด์” ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน “ทอรีน”  ช่วยให้การทำงานของสมองและจอประสาทตาดีขึ้น  “โพลีเอมีนส์”  ช่วยส่งเสริมระบบทางเดินอาหารให้สมบูรณ์ และ “โกรทแฟคเตอร์”  ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโต
  • นมแพะอุดมไปด้วย “โปรตีน CPP (Casein phosphopeptides)” ซึ่งเป็นโปรตีนนุ่ม ย่อยง่าย ทำให้ร่างกายดูดซึมนำไปใช้งานได้เต็มที่ และช่วยในการดูดซึมแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เด็กๆ เติบโตแข็งแรง มีพัฒนาการที่สมวัย ทั้งพัฒนาการด้านร่างกาย พัฒนาการการเรียนรู้ของสมอง ฯลฯ
  • มีพรีไบโอติก ชนิด Oligosaccharide เช่น Inulin และ Oligofructose ซึ่งเป็นใยอาหารที่ไม่ถูกย่อยในกระเพาะอาหาร เพราะทนต่อน้ำย่อย กรด ด่าง ในกระเพาะและลำไส้ ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์สุขภาพ เช่น แลคโตบาซิลัส และบิฟิโดแบคทีเรีย จึงช่วยปรับสมดุลของระบบทางเดินอาหาร ลดการอักเสบบริเวณลำไส้ ทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้อย่างเป็นปกติ ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง
  • ดีเอชเอ+เออาร์เอ (DHA + ARA) สารอาหารสองตัวนี้เป็นกรดไขมันที่มีส่วนสำคัญช่วยในการพัฒนาสมองและการมองเห็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • โอเมก้า 3 6 9 (OMEGA 3 6 9) กรดไขมันจำเป็นไลโนเลนิก(โอเมก้า 3) กรดไลโนเลอิก(โอเมก้า 6) กรดโอเลอิก(โอเมก้า 9) ซึ่งโอเมก้า 3 6 เป็นสารตั้งต้นของ DHA และ ARA และโอเมก้า 9 จะช่วยในการทำงานของสมอง
  • วิตามินบี 12 (VITAMIN B 12) มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาท
  • แคลเซียม (CALCIUM) มีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างกระดูดและฟันที่แข็งแรง

2. เล่นกับลูก

ของเล่นที่ดีที่สุดสำหรับลูกก็คือพ่อแม่ค่ะ แนะนำว่าของเล่นทุกชิ้นที่ซื้อให้ลูก นอกจากจะต้องเลือกให้เหมาะสมกับพัฒนาการตามช่วงวัยแล้ว พ่อแม่ควรต้องเล่นของเล่นชิ้นนั้นกับลูกด้วย การเล่นกับลูกจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกให้ดีแนบแน่นมากยิ่งขึ้น และเมื่อลูกสัมผัสได้ถึงความรัก ความอบอุ่นที่พ่อแม่มอบให้ เขาก็จะมีความสุข มีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และมีอารมณ์ที่ดีด้วยค่ะ

3. สร้างเสียงหัวเราะ

การมอบเสียงหัวเราะให้ลูกไม่ใช่เรื่องยากค่ะ เพียงแค่ในทุกๆ วันคุณพ่อคุณแม่ทำให้บรรยากาศภายในบ้านมีแต่เรื่องสนุก ไม่ว่าจะเป็นตอนทานอาหารเย็นร่วมกัน การดูรายการทีวีที่ชื่นชอบด้วยกัน การอ่านนิทานเรื่องโปรดให้ลูกฟังก่อนนอนทุกคืน หรือการพาลูกออกไปเที่ยววิ่งเล่นสนุกในสนามเด็กเล่นของหมู่บ้าน ฯลฯ กิจกรรมเหล่านี้ล้วนนำมาซึ้งเสียงหัวเราะให้ลูกมีความสุขได้ไม่ยากค่ะ

4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

เด็กๆ ไม่ควรนอนดึกค่ะ การฝึกให้ลูกเข้านอนแต่หัวค่ำจะช่วยให้ลูกนอนหลับสนิท หลับเต็มอิ่ม ซึ่งพอตื่นนอนตอนเช้าขึ้นมา ลูกก็จะรู้สึกสดชื่น แจ่มใส สมองโล่งปลอดโปร่งเรียนรู้ และทำกิจกรรมต่างๆ ระหว่างวันได้ดี ที่สำคัญคือการให้ลูกนอนหลับให้ได้อย่างน้อย 8-10 ชั่วโมง จะทำให้ไม่เครียด และอารมณ์ดีตลอดวันด้วยค่ะ

หวังว่าเคล็ดลับง่ายๆ ทั้ง 4 ข้อนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกครอบครัวค่ะ ที่สำคัญอย่าลืมให้ลูกได้ดื่มนมที่มีสารอาหารครบถ้วนจากธรรมชาติอย่างนมแพะกันด้วยนะคะ

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up