เร่งคลอดแบบธรรมชาติ …คุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่จะเริ่มวิตกกังวล ช่วงเดือนที่ 9 ของการตั้งครรภ์เกือบทุกราย ด้วยสาเหตุที่กลัวเวลาตอนคลอดลูก จะใช้เวลานาน และคลอดยาก เป็นห่วงว่าจะส่งผลร้ายกับลูกในครรภ์
เรามักจะเคยได้ยินว่าคนท้องสาวหรือท้องแรกมักจะคลอดลูกยาก บางคนเจ็บท้องข้ามวันข้ามคืน บางคนเจ็บท้องเพียงครู่เดียวลูกก็ออกมาชมโลกสบายๆ ทั้งนี้คนเฒ่าคนแก่บอกว่าแล้วแต่บุญวาสนาของแต่ละคน ซึ่งถ้าจะเชื่อกันง่ายๆ ก็คงไม่ใช่คุณแม่ยุคใหม่ใช่ไหมล่ะคะ …จริงๆ แล้ว ทางการแพทย์มีคำแนะนำเป็นข้อปฏิบัติที่สามารถช่วยให้คุณแม่ท้องเตรียมตัวให้มีสภาพร่างกายที่พร้อมสำหรับการคลอดได้ค่ะ อยู่ที่ใครจะนำไปปฏิบัติมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง
วิธีช่วยแม่ท้อง เร่งคลอดแบบธรรมชาติ ด้วยการทานอาหาร
ส่วนเรื่องการที่บอกว่าให้คุณแม่เดินบ่อยๆ จะทำให้คลอดง่ายน่าจะเป็นอุบายให้คุณแม่เดินยืดเส้นยืดสายเป็นการออกกำลังกายทางอ้อม เพราะการเดินเป็นการออกกำลังกายเบาๆ ที่เหมาะกับช่วงตั้งครรภ์ที่สุด ช่วยให้ร่างกายคุณแม่พร้อม มีความยืดหยุ่นที่ดี บริหารอุ้งเชิงกราน และช่วยให้มดลูกบีบตัวได้ดี เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอดค่ะ นอกจากนี้การคลอดนั้นมีปัจจัยหลายอย่างประกอบกันไม่ว่าจะเป็นขนาดตัวของทารกในครรภ์ การกลับตัว กลับหัวของลูก ขนาดอุ้งเชิงกรานของแม่ การบีบรัดตัวของมดลูก ฯลฯ
อาการปวดท้องใกล้คลอด ของคุณแม่ตั้งครรภ์ เราจะสามารถสังเกตได้ดังนี้
ในช่วงท้ายๆ ของการตั้งครรภ์ (ประมาณช่วง ท้อง 8 เดือนกว่า ) เป็นช่วงที่เชื่อว่าหลายๆ ครอบครัวมีอาการใจหายใจคว่ำกันเป็นระยะๆ และบางคนอาจจะมีการแห่แหนออกจากบ้านไปโรงพยาบาล แล้วก็ต้องพากันกลับมา แล้วก็ไปอีก กลับมาอีก แบบนี้ได้หลายๆ รอบ ทั้งนี้ไม่ใช่อะไรหรอก แต่มันเป็นเพราะว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เป็นไปได้ว่าคุณแม่จะคลอดแล้ว และช่วงนี้คุณแม่หลายๆ คนก็มีอาการปวดท้อง ที่ทำให้ชวนสงสัยว่านี่คืออาการใกล้คลอด ทำให้ต้องพากันไปโรงพยาบาลบ่อยๆ ซึ่งเรื่องนี้หากว่าเรารู้วิธีสังเกตอาการใกล้คลอดของแท้ ก็อาจจะช่วยให้ไม่ต้องไปๆ มาๆ ให้เสียเวลาได้
- มีอาการปวดท้องที่ถี่ขึ้นเรื่อยๆ คือ ปกติจะเข้าใจสับสนกับการเจ็บเตือน แต่มันจะต่างกันตรงที่การเจ็บเตือนเป็นการบีบตัวของมดลูก หรืออาการท้องแข็ง ที่จะไม่มีอาการสม่ำเสมอ เป็นๆ หายๆ แต่หากว่าเป็นเจ็บท้องคลอดจะเป็นตลอดเวลา และมีความรู้สึกว่าระยะเวลามันปวดมันถี่ขึ้นเรื่อยๆ
- นอนอยู่เฉยๆ ก็ปวด ปกติอาการปวดท้องของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ใกล้ครบกำหนดคลอดนั้น สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ส่วนมากจะเป็นในเวลาที่ทำกิจกรรมหนึ่งกิจกรรมใด การออกแรงหนักๆ ก็ทำให้ปวดท้องเกร็งได้ แต่อาการปวดท้องคลอด ไม่ต้องทำอะไรก็ปวด นอนอยู่เฉยๆ ก็ปวดไม่หาย
- รู้สึกว่าท้องเคลื่อนต่ำลงหรือลดลง มีอาการปวดหน่วงๆ เหมือนมีอะไรจะไหลออก อาการนี้เรียกว่า ท้องลด เนื่องจากในเวลาที่เด็กเคลื่อนลงต่ำ ทำให้ท้องดูมีขนาดความใหญ่ลดลง
- มีมูกเลือดซึมออกมาจากช่องคลอด เรียกว่ามีอาการเริ่มน้ำเดินแล้ว มันเป็นสัญญาณบอกว่าปากมดลูกกำลังจะเปิด
หากว่าคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการเหล่านี้ รีบไปพบแพทย์ได้เลย เพราะนี่คืออาการปวดท้องคลอดที่แท้จริง หากช้าอาจจะมีการคลอดในรถให้เกิดปัญหาความยุ่งยากในการจัดการเรื่องความสะอาดและดูแลเด็กก็เป็นไปได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีคุณแม่ที่อาจจะคลอดช้ากว่ากำหนดประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่จะไม่นานไปกว่านี้ ซึ่งถ้าหากใกล้กำหนดวันคลอดแล้ว ยังไม่มีวี่แววของสัญญาณอาการเจ็บท้องคลอด คุณหมออาจแนะนำให้คุณกระตุ้นการคลอด
อ่านต่อ >> “อาหารที่แม่ท้องควรกินเพื่อช่วยให้ปวดคลอดง่ายขึ้น” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อาหารที่แม่ท้องควรกิน เพื่อช่วย เร่งคลอดแบบธรรมชาติ เมื่อกลัวครรภ์เกินกำหนด
มีคุณแม่หลายท่านที่ตั้งครรภ์อยู่ นอกจากจะอยากให้ลูกน้อยในครรภ์มีสุขภาพ พัฒนาการที่ดีแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญคืออยากให้วันคลอด เป็นวันที่ราบรื่น ใครคลอดธรรมชาติก็หวังว่าจะคลอดออกมาได้ง่าย ไม่เจ็บปวดทรมานยาวนานซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์บางคนอาจจะยังไม่ทราบกันว่า มีเคล็ดลับวิธีทีช่วยให้คุณแม่คลอดลูกง่าย โดยวิธีธรรมชาติที่คุณแม่เป็นคนกำหนดเองได้ ซึ่งจะเป็นวิธีอะไรบ้างนั้น ไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ
อาหาร เร่งคลอดแบบธรรมชาติ : อินทผลัม
แนะนำให้คุณแม่ท้องกินอินทผลัมช่วงใกล้คลอด โดยมีวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสารสูตินรีเวชอเมริกาพบว่า คุณแม่ตั้งครรภ์ที่รับประทานอินทผลัมทุกวันในช่วงเดือนที่เก้า มีความต้องการใช้ยากระตุ้นการคลอดหรือยาในการช่วยคลอดน้อยกว่าคุณแม่ที่ไม่ได้รับประทานอินทผลัม นอกจากนี้ยังพบว่าปากมดลูกของคุณแม่ที่รับประทานอินทผลัมเปิดมากกว่า และการคลอดจะใช้เวลาต่ำกว่า 7 ชม. ทั้งนี้เนื่องจากในอินทผลัมมีสารที่ทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมนอ๊อกซิโตซินซึ่งช่วยกระตุ้นการหดตัวของมดลูก คุณแม่ควรรับประทานวันละ 4-6 ผลต่อวัน โดยอาจใส่ในซีเรียล หรือรับประทานเป็นอาหารว่างระหว่างวัน
อาหาร เร่งคลอดแบบธรรมชาติ : สับปะรด
สับปะรดเป็นผลไม้ที่ช่วยย่อยอาหารที่เป็นกรดและเป็นด่าง เหมาะสำหรับรับประทานหลังอาหารที่หนักเนื้อสัตว์ ช่วยบรรเทาอาการแน่นท้อง อาหารไม่ย่อย นอกจากนี้ยังช่วยขับปัสสาวะ และกระตุ้นการคลอด เพราะมีสารบรอมีเลน ช่วยทำให้ปากมดลูกอ่อนตัว และเปิดขยายออก สามารถอมแก้เจ็บคอ หรือบรรเทาคออักเสบได้ แต่คุณแม่ที่มีท้องอ่อนๆ ก็ไม่ควรรับประทาน เพราะอาจทำให้แท้งลูกได้เช่นกัน
อาหาร เร่งคลอดแบบธรรมชาติ : ชาราสเบอร์รี่
สำหรับการดื่มชาราสเบอร์รี่ ซึ่งจะช่วยให้แม่ท้องคลอดง่าย เป็นความเชื่อในต่างประเทศ ที่แนะนำกันมาว่า การดื่มชาราสเบอร์รี่ ก่อนคลอดในช่วงราว 32 สัปดาห์อาจจะช่วยให้การบีบตัวของมดลูกทำงานได้ดีเมื่อถึงกำหนดคลอด แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ไม่ได้ยืนยันในเรื่องนี้ และไม่แนะนำให้ดื่มเยอะเกิน 1 แก้วต่อวัน
อาหาร เร่งคลอดแบบธรรมชาติ : มะเขือม่วง
เปรียบเสมือนเกราะป้องกันภัยสำหรับครรภ์และทารก เนื่องจากมะเขือม่วงนั้น อุดมไปด้วยโฟเลต ซึ่งเป็นสารที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งกับคุณแม่ท้องทุกคนที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการบกพร่องในระหว่างตั้งครรภ์ได้และยังเป็นตัวยาชั้นเยี่ยมในการลดความดันโลหิตสูงในระหว่างตั้งครรภ์ และขณะที่กำลังจะคลอด ซึ่งสามารถช่วยให้คุณแม่คลอดทารกออกมาได้อย่างปลอดภัย
วิธี เร่งคลอดแบบธรรมชาติ : รับประทานอาหารรสเผ็ด
ตามข้อเท็จจริงแล้วไม่มีหลักฐานที่บ่งบอกว่าการรับประทานอาหารรสจัด สามารถช่วยให้เจ็บท้องคลอดเร็วขึ้นได้ ที่มาของความเชื่อนี้ก็คือบริเวณคอมดลูกและระบบย่อยอาหารของคนเรามีการเชื่อมต่อกันอย่างใกล้ชิดผ่านระบบประสาท ดังนั้น การกระตุ้นระบบใดระบบหนึ่งอาจทำให้อีกระบบได้รับผลกระทบไปด้วยหากคุณแม่ชอบทานอาหารรสจัดอยู่แล้ว จะลองใช้วิธีนี้ควรระวังผลข้างเคียง เช่น อาการแสบร้อนยอดอก อาหารไม่ย่อย หรือท้องเสีย
อ่านต่อ >> “อาหารที่แม่ท้องควรกินเพื่อช่วยให้ปวดคลอดง่ายขึ้น” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
วิธี เร่งคลอดแบบธรรมชาติ : ดื่มน้ำมากๆ
คุณแม่ท้อง ควรดื่ม หรือกินอะไรก็ได้ ที่จะเป็นผลให้คุณปวดปัสสาวะเข้าห้องน้ำบ่อยๆ เพราะการถ่ายปัสสาวะบ่อยๆ จะทำให้เกิดแรงบีบที่มดลูก จึงทำให้คลอดง่ายขึ้น
และยังมีอีกหนึ่งเรื่องง่ายๆ ที่จะช่วยคุณแม่เร่งคลอดได้ นั้นคือการ ฝึกหายใจเบ่งคลอด เพราะจังหวะการหายใจที่ถูกต้องจะช่วยได้มากในเรื่องของแรงเบ่ง คุณแม่บางคนตั้งสติไม่ได้ร้องโวยวาย ก็ยิ่งทำให้ลมเบ่งหมดเร็วและไม่ทันได้เก็บลมเบ่งไว้ถูกที่ถูกเวลา ซึ่งวิธีการฝึกลมหายใจที่ถูกนี้คุณแม่ควรหาข้อมูลและฝึกการหายใจบ่อยๆ เมื่อถึงเวลาคลอดก็จะสามารถปฏิบัติได้โดยอัตโนมัติค่ะ >> คลิกอ่าน วิธีเบ่งคลอดลูกที่ถูกต้อง สำหรับคุณแม่เตรียมคลอดลูก
ส่วนอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณแม่พึงระลึกถึงเสมอเมื่ออยู่ในห้องคลอด คือ การประคองสติของตัวเองให้รู้ตัวอยู่เสมอจะได้ไม่ทำอะไรผิดพลาดเพราะขาดสติจากความเจ็บปวดและตื่นกลัวค่ะ
กรณีที่ควรเร่งคลอด
- คุณแม่ตั้งครรภ์เกิน 40 สัปดาห์ (Postterm pregnancy) เป็นกรณีที่พบได้บ่อยที่สุด เพราะถ้าปล่อยไว้จะรกเสื่อมจนไม่สามารถนำอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงทารกในครรภ์ได้อีกต่อไป จึงอาจทำให้ขาดออกซิเจนและอาหารได้
- คุณแม่อยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาลมาก เพราะถ้ารอให้เจ็บครรภ์คลอดก่อนแล้วค่อยเดินทางมาโรงพยาบาลเกรงว่าอาจจะไม่ทันกาล ซึ่งอาจทำให้มีการคลอดระหว่างทางได้
- ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนเจ็บครรภ์คลอด (Premature rupture of membranes) หรือก่อนที่อายุครรภ์จะครบ 37 สัปดาห์ เพราะถ้าปล่อยให้ตั้งท้องไปนาน ๆ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อหรือเด็กมีความพิการแต่กำเนิดได้
- ทารกในครรภ์เติบโตช้าหรือมีน้ำหนักตัวน้อย (Severe fetal growth restriction) เนื่องจากคุณแม่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเลือด โรคติดเชื้อต่าง ๆ หรือสภาพมดลูกไม่สมบูรณ์, คุณแม่ที่สูบบุหรี่จัด และคุณแม่รับประทานอาหารที่ไม่เพียงพอและเหมาะสมในขณะตั้งครรภ์ ในกรณีเหล่านี้คุณหมออาจตัดสินใจเร่งคลอดเพื่อนำเด็กออกมาเลี้ยงข้างนอกจะปลอดภัยกว่า
- ความดันโลหิตสูง (Gestational hypertension) หรือ ครรภ์เป็นพิษ (Preeclampsia, Eclampsia) เป็นภาวะที่ทำให้เส้นเลือดทั่วร่างกายหดรัดตัว ทำให้ปริมาณของเลือดที่ส่งไปเลี้ยงจึงลดน้อยลง ถ้าปล่อยไว้อาจทำให้ทารกในครรภ์เสียชีวิตได้ เพราะเนื้อเยื่อรกบางส่วนขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง
- คุณแม่เกิดการอักเสบติดเชื้อในถุงน้ำคร่ำ (Chorioamnionitis)
- ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด (Abruptio placenta)
- ภาวะน้ำคร่ำน้อย (Oligohydramnios)
- การตั้งครรภ์แฝดที่มีภาวะแทรกซ้อน ที่อาจทำให้ทารกในครรภ์ไม่แข็งแรง หรือเสี่ยงต่อชีวิตของคุณแม่และทารก
- ทารกเสียชีวิตในครรภ์ (Fetal death) หากปล่อยให้ทารกที่เสียชีวิตแล้วยังอยู่ในครรภ์และยังไม่หลุดออกมาเองนานเกินไป จะทำให้คุณแม่เกิดภาวะลิ่มเลือดไม่แข็งตัวได้ เพราะอาจมีส่วนเสื่อมสลายของลูกหลุดเข้าไปในกระแสเลือดได้
Must read : การเร่งคลอด คืออะไร ทำไมถึงต้องเร่งคลอด?
ในกรณีที่คุณแม่อายุครรภ์ยังไม่ถึง 37 สัปดาห์ แต่มีความจำเป็นต้องเร่งคลอด คุณหมอจะดูว่าอันตรายแค่ไหน ถ้าสามารถรอได้ก็จะให้รอจนกว่าจะครบกำหนดคลอดหรือใกล้เคียงกับกำหนดคลอดมากที่สุด แต่ถ้ารอไม่ได้ เช่น ในกรณีที่ครรภ์เป็นพิษ หมอจึงจำเป็นต้องรีบเร่งคลอดเพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และทารกในครรภ์ให้เร็วที่สุด
แม้ครรภ์คุณแม่เกินกำหนด แต่ลูกน้อยใกล้จะออกมาดูโลกในไม่ช้านี้แล้ว ขอให้คุณแม่ทำใจให้สบาย เรื่องนี้ไม่ควรใจร้อนเร่งธรรมชาติมากเกินไปนัก
อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!
- รวมเคล็ดลับ วิธีช่วยให้แม่ท้องคลอดง่าย
- คาถาคลอดลูกง่าย แคล้วคลาดปลอดภัยจากบทอังคุลิมาลสูตร
- 6 อาการใกล้คลอด ที่แม่ต้องสังเกต
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.mumbabe.com
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่