เมื่อคุณแม่ให้กำเนิดลูกน้อย อาหารอย่างแรกที่ลูกน้อยจะได้รับประทานคือนมแม่ และเมื่อถึงวัย 6 เดือนขึ้นไปลูกน้อยก็สามารถรับประทานอาหารเสริมได้แล้ว คุณแม่หลายคนอาจเป็นกังวลว่าลูกน้อยจะได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ แม่น้องเล็กจึงมีวิธีสังเกตสัญญาณเตือน เมื่อลูกน้อย ขาดสารอาหาร มาฝากค่ะ
วิธีสังเกตเมื่อลูกน้อย ขาดสารอาหาร
บริทตานี โคห์น นักโภชนาการจากสถาบันด้านสุขภาพในนิวยอร์ก แนะนำให้คุณพ่อ คุณแม่ลองสังเกตตัวเอง และลูกน้อยว่าพบสัญญาณร้ายที่แสดงว่าร่างกายกำลังเริ่มขาดสารอาหารหรือไม่ โดยมีดังนี้
1.กล้ามเนื้อเกร็ง เป็นตะคริวบ่อยๆ รู้สึกกระวนกระวาย สับสน แสดงว่าระดับแมกนีเซียมในร่างกายไม่สมดุล ควรรับประทานเต้าหู้ รำข้าว ตับ ธัญพืช ถั่วเปลือกแข็ง หอย ผักใบเขียว และข้าวซ้อมมือเป็นประจำ
2.รู้สึกแขนขาชา อ่อนเพลีย เครียด และเบื่ออาหาร แสดงว่าลูกน้อยกำลังขาดวิตามินบี โดยเฉพาะบี 1 บี 6 โฟเลต และบี 12 ควรรับประทานข้าวซ้อมมือ นม ไข่ ถั่ว ปลา และเนื้อสัตว์
3.กระหายน้ำเย็นๆ ซีด เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย หัวใจเต้นถี่ หรือติดเชื้อง่าย แสดงว่าร่างกายกำลังขาดธาตุเหล็ก ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างฮีโมโกบิน เป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างเอนไซม์ และภูมิคุ้มกันในเซลล์ ลูกน้อยจึงควรได้รับประทานอาหาร เช่น ตับ ม้าม เนื้อสัตว์ ไข่แดง ถั่ว และผักใบเขียว
4.เล็บมือ เล็บเท้าเปราะ หักง่าย แสดงว่าขาดธาตุเหล็ก ต้องรับประทานเนื้อสัตว์ หรือถั่วต่างๆ เพิ่มขึ้น
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “สัญญาณเตือนภัย เมื่อลูกน้อยขาดสารอาหาร” คลิกหน้า 2
5.เป็นโรคปากนกกระจอก แสดงว่าขาดวิตามินบี และอาจได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอ
6.ท้องผูก เป็นหนึ่งในอาการที่ได้รับอาหารไม่เหมาะสม ลูกน้อยยังต้องการไฟเบอร์ หรืออาหารที่มีกากใย เช่น ผัก ผลไม้ และควรดื่มน้ำให้มากๆ โดยคุณพ่อ คุณแม่ ค่อยๆ เพิ่มสารอาหารอย่างช้าๆ เพื่อให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัว
7.หัวใจเต้นผิดปกติ เต้นเร็ว เต้นๆ หยุดๆ หรืออาจมีอาการหน้ามืด เวียนศีรษะ ลูกน้อยอาจขาดอาหารพวกแมกนีเซียม หรือโปแตสเซียม ควรดื่มน้ำส้มวันละ 2-3 แก้ว หรือเพิ่มกล้วยเข้าไปในมื้อเช้า รวมถึงรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง และผักโขมเป็นประจำ เพื่อช่วยบำรุงหัวใจ
8.เส้นผมไม่เงางาม อาจเป็นอาการของคนขาดโปรตีน และธาตุเหล็ก คุณพ่อ คุณแม่ควรเน้นให้ลูกน้อยรับประทานอาหารที่มีกากใย เช่น พืชผัก ข้าว ถั่วต่างๆ เนื้อสัตว์ ผลไม้เปลือกแข็ง ซึ่งอุดมด้วยไบโอติน รวมถึงควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “สัญญาณเตือนภัย เมื่อลูกน้อยขาดสารอาหาร” คลิกหน้า 3
9.ข้อต่อมีเสียงดัง หรือปวดบริเวณข้อต่อ อาจเป็นเพราะลูกรับประทานปลาน้อย ขาดกรดไขมันโอเมก้า 3 ลองให้ลูกรับประทานปลาแซลมอน ปลาทูน่า จะช่วยให้ลูกน้อยเคลื่อนไหวร่างกายได้ดี กระแสเลือดไหลเวียนดี และลดอาการบวม หรือปวดตามข้อต่อ
10.ผายลมบ่อยๆ แสดงว่าลูกน้อยได้รับไฟเบอร์มากเกินไป จริงอยู่ว่าไฟเบอร์มีประโยชน์ แต่ถ้ามากเกินไปก็ให้โทษได้เช่นกัน เช่น รับประทานถั่ว หรือพืชประเภทฝัก อาจทำให้ร่างกายผลิตแก๊สมากกว่าปกติ
11.กระดูกแตก หรือหักง่าย มากกว่า 2 – 3 ครั้ง แสดงว่ากระดูกของลูกน้อยอยู่ในภาวะที่อ่อนแอ เพราะขาดวิตามินดี และแคลเซียม ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างกระดูก อาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม เช่น ปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแห้ง โยเกิร์ต นม เนยแข็ง ตับ และไข่แดง
12.ผิวหนังลอกเป็นขุย แสดงว่าขาดวิตามินเอ วิตามินอี และไบโอติน ต้องรับประทานฝัก และผลไม้ที่มีสีเหลือง ทีส้ม หรือสีเขียวเข้ม
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “สัญญาณเตือนภัย เมื่อลูกน้อยขาดสารอาหาร” คลิกหน้า 4
13.ขี้ลืม จากการการศึกษาที่ USDA Human Nutrition Research Center in Boston นักวิจัยพบว่าผู้ชายที่มีระดับของวิตามิน B6 B12 และ B9(โฟเลต) สูงในเลือด จะมีความทรงจำที่ดีกว่า วิตามินบีจะช่วยให้สมองทำงานได้เต็มที่ ซึ่งพบได้ในถั่ว เนื้อสัตว์ และอาหารทะเล
14.ปวดเหงือก หรือเจ็บปวดจากการอักเสบ เลือดออกตามไรฟัน ทำให้เกิดปัญหาโรคเหงือก หรือเป็นหวัดง่าย แสดงว่าลูกน้อยควรรับประทานโยเกิร์ต ผลไม้รสเปรี้ยว และผักใบเขียว จะช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง และเสริมสร้างภูมิต้านทาน
15.มองไม่เห็นในที่มีแสงน้อย ตาแห้ง แสดงว่าลูกน้อยขาดเบต้าแคโรทีน ควรรับประทานผลไม้สีเหลืองและสีส้ม นม และผักใบเขียว จะช่วยในการมองเห็น และสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “สัญญาณเตือนภัย เมื่อลูกน้อยขาดสารอาหาร” คลิกหน้า 5
16.เมื่อลูกน้อยเป็นแผล ถ้าแผลหายช้า แสดงว่าลูกน้อยขาดวิตามินอี ควรรับประทานเนื้อสัตว์ ผักใบเขียว ถั่ว ธัญพืช และเมล็ดพืช เป็นต้น
17.เป็นโรคผิวหนังบ่อย รับรู้กลิ่น และรสชาติไม่ได้ หรือแผลหายช้า แสดงว่าลูกน้อยขาดธาตุสังกะสี ซึ่งช่วยในการเติบโตของเซลล์ และสร้างภูมิคุ้มกัน ควรรับประทาน เนื้อสัตว์ อาหารทะเล เนยแข็ง ถั่วเปลือกแข็ง และจมูกข้าวสาลี
18.ผิวหนังแตก มีสะเก็ดรอบจมูก ผมร่วง ผมเปราะ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาการเหล่านี้คืออาการของคนขาดไบโอติน หรือวิตามินเอช ซึ่งช่วยในการเผาผลาญอาหาร ผลิตกรดไขมันเพื่อสุขภาพผิว และเส้นผม ลูกน้อยควรได้รับประทาน ถั่วเหลือง ตับ ธัญพืชไม่ขัดสี ดอกกะหล่ำ และสัตว์ปีก
เครดิต: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ, Today health, mcot-web.mcot.net
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง คลิก!!
โลหิตจาง จากการขาดธาตุเหล็ก ในแม่ตั้งครรภ์
โจ๊ก อาหารยอดนิยม ที่อาจทำให้ลูกขาดอาหาร
13 วิตามินที่ร่างกายของลูกน้อยขาดไม่ได้
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
Save