AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ไส้กรอก แฮม เบคอน ของโปรดเด็กน้อย กินอย่างไร ห่างไกลมะเร็ง

เมื่อปลายปี พ.ศ. 2558 มีข่าวที่ทำให้เราต้องตื่นตัวเรื่องการกินไส้กรอก เบคอน แฮม เพราะข้อมูลที่ออกมาบอกอย่างชัดเจนว่า อาหารกลุ่มนี้มีส่วนทำให้เกิดมะเร็ง แต่ในรายงานไม่ได้มีคำแนะนำว่าควรกินอาหารเหล่านี้ “อย่างไร”

Amarin Baby & Kids มีคำอธิบายชัดๆ พร้อมคำแนะนำในการกินอาหารกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมโดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กๆ จาก รศ.ดร.ทรงศักดิ์ ศรีอนุชาต นายกสมาคมพิษวิทยาแห่งประเทศไทย นายกสมาคมพิษวิทยาแห่งเอเชีย และที่ปรึกษาอาวุโส สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้เป็นอาจารย์และผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ทั้งแวดวงพิษวิทยา โภชนาการและความปลอดภัยด้านอาหารมาฝากกันค่ะ

อ่านต่อ “ไส้กรอก แฮม เบคอน เสี่ยงมะเร็งขนาดไหน?” คลิกหน้า 2

1. ข้อมูลที่ว่าการกินเนื้อสัตว์แปรรูป ไส้กรอก แฮม เบคอน มีส่วนให้เกิดมะเร็งที่ออกมาครั้งนี้ แตกต่างจากที่ผ่านมาอย่างไรค่ะ

อ.ทรงศักดิ์ : เดิมถึงจะมีข้อมูลออกมาก็ยังมีความสงสัยกันอยู่  แต่ข้อมูลครั้งนี้ เป็นรายงานจากองค์การวิจัยด้านมะเร็งนานาชาติ (IRAC-International Agency for Research on Cancer) ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งภายใต้องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ติดตามเรื่องการบริโภคเนื้อสัตว์แปรรูปกับเนื้อแดง เป็นเวลาประมาณ 20 ปีแล้ว และเขาได้วิเคราะห์ผลงานวิจัยที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ประมาณ 800 ชิ้น กลุ่มผู้เชี่ยวชาญได้ผลสรุปที่ชัดเจนบอกได้แน่นอน

2. ผลสรุปที่ชัดเจน มีอะไรบ้างคะ

อ.ทรงศักดิ์ : เขาแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ การกินเนื้อสัตว์แปรรูป ไส้กรอก หมูแฮม เบคอน ผลวิเคราะห์ออกมาว่า ถ้ากินเนื้อสัตว์แปรรูป ประมาณ 50 กรัม (ครึ่งขีด) กินทุกวัน จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ตอนล่าง เพิ่มขึ้นประมาณ 18% จากที่เกิดโดยสาเหตุอื่นๆ

ส่วนที่สองคือ ส่วนเนื้อแดง (Red Meat) ได้แก่ เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ เนื้อแพะ ที่ต้องนำไปปรุงเป็นอาหารอีกทีนั้น ส่วนใหญ่ที่พบว่าจะเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็ง คือ เนื้อสัตว์ที่นำไปทอด หรือปิ้ง ย่างด้วยไฟแรงๆ เช่น แฮมเบอร์เกอร์ สเต็ก ถ้าอาหารบ้านเราที่เทียบกันได้ คือ หมูปิ้ง เนื้อน้ำตก เขาพบว่า อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเหมือนกันถ้ากินเยอะ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่า กินมากเท่าไหร่ มีข้อมูลความเสี่ยงไม่ชัดเจนเท่าเนื้อสัตว์แปรรูป

อ่านต่อ “ในอนาคต ไส้กรอก แฮม เบคอน จะใช้สารที่ปลอดภัยแทนหรือไม่” คลิกหน้า 3

3. ข้อมูลทำให้เรากังวลกันมาก คือ การจัดให้อยู่ในกลุ่มของสารก่อมะเร็ง

อ.ทรงศักดิ์ : จากผลสรุปนี้ เขาจึงจัดเนื้อสัตว์แปรรูป ให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับสารเคมีที่ก่อมะเร็ง เช่น แร่ใยหิน สารหนู เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ การจัดให้อยู่ในกลุ่มนี้ หมายความว่า มีข้อมูลบ่งชัดแน่นอนว่าอาหารกลุ่มนี้ทำให้เกิดมะเร็ง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะรุนแรงเท่ากัน (อ่านต่อ อันตรายที่มองไม่เห็นจากบุหรี่สู่เบบี๋)

ส่วนเนื้อแดง จัดอยู่อีกกลุ่ม คือกลุ่มที่ข้อมูลยังไม่ชัดเจนและไม่มากพอว่า จะทำให้เกิดมะเร็งจริงหรือไม่ แต่มีแนวโน้มว่าอาจจะทำให้เกิดมะเร็ง และไม่ได้มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมว่า แนะนำให้กินอย่างไร เพราะองค์กรนี้ เขาไม่ทำการศึกษาวิจัยว่าจะแนะนำให้กินอย่างไร

4. ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี จะมีสารตัวอื่นที่ปลอดภัยกว่ามาใช้แทนได้หรือไม่

อ.ทรงศักดิ์ : ผู้เชี่ยวชาญศึกษาอยู่ตลอดเวลา แต่สารที่ใส่ไปในเนื้อสัตว์แปรรูปนั้นก็เพื่อไปช่วยทำให้สีของเนื้อสัตว์ไม่เปลี่ยนมาก และช่วยยับยั้งไม่ให้เชื้อโรคบางอย่างเจริญเติบโต ซึ่งจะสร้างสารพิษที่เป็นอันตรายรุนแรงต่อคนเราได้ และในระบบอุตสาหกรรมการผลิต มีการควบคุมให้ใช้สารเหล่านี้น้อยที่สุดอยู่แล้ว และนอกจากนี้ยังอยู่ที่กระบวนการแปรรูปด้วย ที่ทำให้เกิดสารก่อมะเร็ง

อ่านต่อ “ไส้กรอก แฮม เบคอน กินอย่างไรไม่เสี่ยงมะเร็ง” คลิกหน้า 4

6 ข้อทำได้ กินไส้กรอก แฮม เบคอน แบบห่างไกล “มะเร็ง” กันทั้งบ้าน

“หลายประเทศ รวมถึงบ้านเราก็ได้ให้คำแนะนำต่อประชากรของตนอยู่แล้วว่า กินอาหารเหล่านี้มีความเสี่ยง” นอกจากนี้ก็มีหลักแนะนำอื่นๆ จาก อ.ทรงศักดิ์ ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถนำไปปรับใช้กับเทคนิคของตัวเองได้ค่ะ

1. กินได้ แต่อย่ากินมาก อย่ากินบ่อย

เพราะการกินมากจะได้รับสิ่งที่อยู่ในเนื้อสัตว์แปรรูปที่เป็นสารก่อมะเร็งมาก และยิ่งกินบ่อย ก็จะยิ่งได้รับเข้าไปมากขึ้น โดยธรรมชาติร่างกายของเรามีกระบวนการกำจัดสารบางอย่างที่เข้ามารบกวนดีเอ็นเอของเราให้กลายเป็นเซลล์มะเร็งต่อไปในอนาคตได้ ถ้ากินไม่มาก กินไม่บ่อย ร่างกายก็จะมีเวลาในการกำจัดสารก่อมะเร็งทิ้งไป เช่น กินสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ในปริมาณที่ไม่มาก พอได้

2. กินอาหารให้หลากหลาย

เพราะในแต่ละวันร่างกายของเรามีโอกาสได้รับสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งมากอยู่แล้ว ทั้งจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ การกินอาหารให้หลากหลาย ช่วยให้ร่างกายไม่ได้รับสารก่อมะเร็ง หรือสารต่างๆ ซ้ำๆ ที่จะเป็นการสะสมให้เกิดความผิดปกติต่อเซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้ และมีอาหารหลายชนิดที่ช่วยป้องกันมะเร็งได้ โดยเฉพาะผักและผลไม้

อ่านต่อ “ไส้กรอก แฮม เบคอน กินอย่างไรไม่เสี่ยงมะเร็ง” คลิกหน้า 5

3. กินผักและผลไม้ที่มีวิตามินซี

หลังอาหารทันที หรือในระหว่างกินอาหารเลย เพราะมีการทดลองที่ชัดเจนพบว่า ผักและผลไม้ที่มีวิตามินซี จะช่วยป้องกัน ยับยั้งการเกิดสารก่อมะเร็งได้ (อ่านต่อ คนไทยกินผักผลไม้น้อย เสี่ยงโรคเรื้อรังเพิ่มขึ้น)

4. พ่อแม่ ครู ช่วยให้ข้อมูลกับเด็กได้

เพราะเด็กมักจะซื้ออาหารเหล่านี้นอกโรงเรียน พ่อแม่ผู้ปกครองจึงเป็นคนสำคัญที่จะให้คำแนะนำถึงอันตราย หรือถ้าจะกินก็นานๆ กินที รวมถึงที่โรงเรียน ครูควรนำข้อมูลเหล่านี้ บอกให้เด็กได้รับรู้บ่อยๆ เด็กจะมีความตระหนัก เพราะคนก็กลัวมะเร็งอยู่แล้ว

5. กินน้ำผัก ผลไม้ปั่น แบบไม่แยกกาก

เพราะในผลไม้นอกจากจะมีวิตามินและแร่ธาตุมากแล้ว ยังจะมีใยอาหารมากอีกด้วย ที่เหมือนกับไม้กวาด กวาดเอาของเสียในระบบทางเดินอาหารได้ ถ้ามีของเสียหรือสารก่อมะเร็งที่เรากินเข้าไปคั่งค้าง ร่างกายก็จะเริ่มจะดูดซึมเข้าไป การกินใยอาหารจะช่วยดูดซับและพาเอาสารเหล่านี้ออกไปทางอุจจาระได้

อ่านต่อ “ไส้กรอก แฮม เบคอน กินอย่างไรไม่เสี่ยงมะเร็ง” คลิกหน้า 6

6. คิดรายการอาหารล่วงหน้า

เพราะมื้อเช้า และมื้อเย็น พ่อแม่คือคนที่ดูแลเรื่องอาหารให้ลูก การคิดรายการอาหารแต่ละวันไว้ก่อน จะช่วยลดการกินเนื้อสัตว์แปรรูปได้ สำหรับตอนไปรับลูกที่โรงเรียนก็เตรียมของว่างที่เป็นประโยชน์และปลอดภัยไปให้ลูกด้วย (อ่านต่อ 5 ข้อแนะนำ หม่ำของว่าง อย่างมีคุณภาพ)

การจะเกิดมะเร็งได้ ต้องใช้เวลา 10 ปี 20 ปีถึงจะเห็นผล การกินเนื้อสัตว์แปรรูปเป็นประจำจึงทำให้มีโอกาสเกิดมะเร็งได้มากขึ้น แม้การศึกษานี้เป็นการศึกษาภาพรวมของประชากรทั้งหมด แต่ถ้าดูจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มีความเสี่ยงทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จึงต้องมีความระมัดระวังในการกินเพิ่มขึ้น

Amarin Baby & Kids หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อคุณพ่อคุณแม่ได้อ่านแล้ว จะนำไปปรับใช้ในครอบครัวและลูกน้อย เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งลงได้ค่ะ

 

เรื่อง : กองบรรณาธิการนิตยสาร Amarin Baby & Kids

ภาพ : Pixabay, Shutterstock