AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

อะโวคาโด สุดยอดอาหาร พร้อม วิธีเลือกอะโวคาโด ที่สุก เนื้อสีสวย ไม่เน่าเละ!

วิธีเลือกอะโวคาโด

อะโวคาโด ผลไม้สุดมหัศจรรย์เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ที่คุณแม่คาดไม่ถึง วันนี้แม่น้องฮันน่าห์ จึงเปิดห้องทดลองเพื่อแฟนเพจ และแฟนเว็บไซต์ของ Amarin Baby & Kids โดยเฉพาะกับเคล็ดลับ วิธีเลือกอะโวคาโด ที่สุก มีเนื้อสีสวย ไม่เน่าเละ จะมีวิธีอย่างไรตามมาดูกันเลยค่ะ

อะโวคาโด หรือ ลูกเนย เป็นผลไม้ที่นิยมรับประทานกันมากในแถบยุโรปและอเมริกา เพราะมีสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุหลากหลายที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก แต่สำหรับคุณพ่อคุณแม่บางคนกลับไม่ชอบรับประทานอะโวคาโด เพราะเป็นผลไม้ที่ไม่มีรสหวาน และมีไขมันสูง ทำให้อะโวคาโด ถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย!

10 ประโยชน์สุดว้าว! ของ อะโวคาโด
เพื่อทุกคนในครอบครัว

ถึงแม้ว่า อะโวคาโด น้ำหนัก 100 กรัม (ประมาณครึ่งผล) จะมีไขมันสูงถึง 14.66 กรัม (ถ้าเทียบกับผลไม้ชนิดอื่นจะมีไขมันน้อยมากหรือไม่มีไขมันเลย) แต่คุณแม่ทราบหรือไม่ว่าการรับประทานอะโวคาโดไม่ได้ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เมื่อเทียบกับการรับประทานไขมันอื่นในปริมาณเท่ากัน แถมการรับประทานอะโวคาโดยังช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย และไม่ทำให้อ้วน แถมยังช่วยลดระดับไขมันเลว (LDL) ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย

ซึ่งสรรพคุณของอะโวคาโดนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งคุณแม่และลูกน้อยเป็นอย่างมาก เพราะอุดมไปด้วยวิตามิน และเกลือแร่ต่างๆ เช่น

1. มีวิตามินอี บำรุงผิวพรรณคุณแม่ และลดไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี

2. มีสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความชรา และลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง

3. มีโพแทสเซียม ช่วยลดความดันโลหิตขณะที่คุณแม่ตั้งครรภ์

4. มีวิตามินซี ช่วยป้องกันลูกน้อยจากโรคหวัด และโรคเลือดออกตามไรฟัน

5. มีวิตามินเอ บำรุงสายตาให้กับลูกน้อยได้อย่างดีเยี่ยม

6. มีวิตามินบี ช่วยแก้อาการเมื่อคุณแม่ท้องเกิดเป็นเหน็บชา

8. เหมาะให้ลูกน้อยรับประทานเป็นอาหารเสริม แม้ว่าจะมีแคลอรีสูงแต่ก็อุดมไปด้วย DHA และไขมันดี (HDL) ในปริมาณที่สูงเช่นกัน ทั้งยังมีโฟเลตสูง ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญสำหรับหญิงตั้งครรภ์อย่างมาก เพราะจำเป็นสำหรับทารกในครรภ์

9. มีกรดไขมันดี ชนิดไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นชนิดเดียวกันกับน้ำมันมะกอก ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด และป้องกันโรคหัวใจได้

10. สารแคโรทีนอยด์ต่างๆ ถึง 11 ชนิด โดยจะพบมากบริเวณเนื้อที่เป็นสีเขียวเข้มที่ติดกับใต้เปลือก

และเมื่อทราบถึงประโยชน์สุดว้าวทั้ง 10 ข้อของอะโวคาโดแล้ว เชื่อว่ามีคุณแม่หลายคนสนใจอยากซื้อมาให้ลูกน้อยและตัวเองรับประทาน แต่ก็เชื่อว่าอาจเคยประสบปัญหา การเลือก อะโวคาโด ซึ่งไม่ได้ลูกที่สุกพอดีอย่างที่ต้องการ หลายคนใช้วิธีบีบดู  แต่คุณแม่ขาแม้จะบีบไปแล้วแต่ก็ไร้ผล เพราะเจ้าอะโวคาโด เปลือกแข็งขนาดนั้น สุกจนเละ ก็ไม่มีทางรู้

อ่านต่อ >> “วิธีเลือกอะโวคาโดที่สุก เนื้อสีสวย ไม่เน่าเละ” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

วิธีเลือกอะโวคาโด ที่สุกพอดี

บางคนเชื่อว่าอะโวคาโดสุกจะมีผิวคล้ำ แต่เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง สีของผิวของผลไม้นี้จะถูกกำหนดโดยเกรดของมันและตามระดับของการเจริญเติบโต วันนี้แม่น้องฮันน่าห์ จึงมีทริคดี ๆ ในกับ วิธีเลือกอะโวคาโด มาฝากกันค่ะ เผื่อคราวหน้าคุณแม่ๆ ไปเดินซื้อของจะได้ไม่พลาด …วิธีดูคือ สังเกตที่ขั้วผล ใครนึกไม่ออก มันก็คือ ส่วนจุกที่ยึดระหว่างผลมันกับกิ่งก้านนั่นเอง

ขั้วผลเป็นสีเขียวอย่าไปหยิบมาเด็ดขาดนะคะ ลูกนี้ดิบอยู่ ผ่าออกมาเนื้อแข็ง กัดไปปวดกรามกันไปแน่ ๆ

 

ขั้วผลเป็นสีดำลูกนี้สุกค่ะ แต่อาจสุกเกินจนเกือบเน่า สามารถทานได้แต่ต้องเลือกดูส่วนเน่าออกด้วยนะคะ

ขั้วผลเป็นสีเหลืองลูกหยิบหยิบลงตะกร้าได้เลย√ สุกพอดี เนื้อกำลังพอดี ไม่นิ่มเกินไป และไม่แข็งจนเกินไป♥

โทษของอะโวคาโด

อย่างไรก็ดี ผลดิบไม่สามารถรับประทานได้ เพราะมีสารแทนนินในปริมาณมากและมีรสขม หากรับประทานในปริมาณมากอาจจะทำให้ปวดศีรษะได้ ดังนั้นควรรับประทานแต่ผลสุก สำหรับบางรายอาจมีอาการแพ้อะโวคาโดได้ โดยอาจจะแพ้ในรูปของละอองเกสร หรือแพ้หลังจากการรับประทานอะโวคาโดก็ได้ โดยอาการที่ปรากฏก็ได้แก่ ปวดท้อง อาเจียน ผื่นคัน ลมพิษ หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

อ่านต่อ >> “วิธีปอกอะโวคาโดให้ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์มากที่สุด” คลิกหน้า 3

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

วิธีปอก อะโวคาโด ให้ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์มากที่สุด

1. ผ่าครึ่ง โดยใช้มีดกดตามแนวยาว จนมีดติดเมล็ด แล้วดันมีดออกไปรอบๆ

2. จากนั้นใช้มือบิดอะโวคาโดให้เนื้อหลุดออกจากกัน

3. ใช้มีดสับบนเมล็ดเบาๆ ให้มีดติดเมล็ด แล้วบิดมีดให้เมล็ดหลุดติดมีดออกมา

4. การนำเนื้ออะโวคาโดออกมา ทำโดยใช้มีกรีดเนื้อที่ติดอยู่ที่เปลือกออกเป็นชิ้นๆ โดยกรีดตามแนวยาว แล้วใช้ช้อนตักขึ้นมา

 

5. หรือหากต้องการหั่นเป็นเต๋า ให้ใช้มีดกรีดเนื้อที่ติดเปลือกอยู่

6. แล้วผ่าตามแนวยาวและแนวนอน จากนั้นใช้ช้อนตักขึ้นมา

วิธีเก็บอะโวคาโด ไม่ให้ดำ?

อะโวคาโดก็เหมือนผลไม้หลายๆ ชนิด ที่ถึงแม้จะเก็บไว้ในตู้เย็น ก็อาจทำให้สีของเนื้อเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำตาล เพราะเนื้อผลไม้จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ที่เกิดจากสารประกอบที่อยู่ในอะโวคาโดที่เรียกว่า ฟินอล เจอกับอากาศ กลายเป็นสารประกอบที่มีชื่อว่า ควิโนน เมื่อควิโนนจับตัวกันเป็นโพลีเมอร์ที่มีโมเลกุลใหญ่ขึ้น ก็จะเกิดเป็นเม็ดสีที่เรียกว่า เมลานิน นั่นเอง

วิธีบ่มอะโวคาโดให้สุกพอดีกิน

หากคุณแม่พลาดซื้ออะโวคาโดดิบมา แม่น้องฮันน่าห์มีวิธีบ่มให้อะโวคาโดสุก มาแนะนำ ดังนี้ค่ะ

ใส่อะโวคาโดดิบลงในถุงกระดาษสีน้ำตาล โดยใช้ถุงนี้แหละเก็บก๊าซเอธิลีนที่จะช่วยบ่มผลอะโวคาโดให้สุก แต่ดูให้แน่ใจด้วยนะว่าถุงไม่มีรู เพราะถุงกระดาษเป็นเครื่องมือในการเก็บก๊าซอย่างหนึ่งเท่านั้น

*ทั้งนี้หากนึกไม่ออกว่าถุงสีน้ำตาลเป็นแบบไหน ก็สามารถเลือกใช้ถุงแมคโดนัลด์ได้เช่นกันค่ะ

ทั้งนี้การบ่มในถุงกระดาษ ถ้าคุณแม่มีกล้วย จะเป็นกล้วยหอม หรือกล้วยน้ำว้า ก็ได้ ให้นำมาใส่ลงไปในถุงกระดาษพร้อมกับอะโวคาโด ซึ่งกล้วยจะปล่อยก๊าซเอธิลีนออกมา และยิ่งกล้วยผลิตก๊าซเอธิลีนได้มากเท่าไร ก็จะทำให้อะโวคาโดสุกเร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น

จากนั้นให้ปิดปากถุงให้สนิทและเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง เก็บให้พ้นแสงแดด จะดีที่สุดถ้าเก็บไว้ที่อุณหภูมิประมาณ 18-24 องศาเซลเซียส หากคุณแม่ไม่ได้ใส่กล้วยลงในถุงก็จะต้องใช้เวลาบ่ม 2-5 วัน

สิ่งสำคัญคือ คุณแม่ต้องตรวจดูอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยเร่งกระบวนการบ่มอย่างมาก และควรจะสุกภายใน 1-3 วัน ซึ่งอะโวคาโอจะพร้อมทานก็ต่อเมื่อเปลือกหลุดลอกออกได้ง่าย โดยคุณแม่สามารถลองจับอะโวคาโดเพื่อดูว่าเปลือกลอกหน่อยๆ แล้วหรือยัง เพราะบางครั้งอาจจะยากสักหน่อยหากคุณดูแค่ที่สีเปลือก

ข้อควรระวัง

การนำ อะโวคาโด ไปแช่ในตู้เย็นจะทำให้อะโวคาโดไม่สุก แต่ทั้งนี้การนำอะโวคาโดไปเก็บไว้ในตู้เย็นจึงดีต่อการเก็บรักษา แต่ไม่ได้ช่วยให้สุกไวขึ้น

อ่านค่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!


ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : medthai.com , th.wikihow.com