การให้ อาหารตามช่วงวัย ของลูกน้อยเป็นสิ่งสำคัญ และยังพบปัญหาการให้อาหารตามวัย เช่น ให้เร็วเกินไป ส่วนประกอบไม่เหมาะสม สารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้มีปัญหาน้ำหนักตัว และความสูงต่ำกว่า หรือมากกว่าเกณฑ์ อาจทำให้เป็นโรคอ้วน ขาดธาตุเหล็ก ขาดวิตามินได้
ประโยชน์ของการให้อาหารตามวัย
1.ทำให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ลูกน้อยจะมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง
2.ช่วยพัฒนาการเคี้ยว และกลืนอาหารตามวัย ทำให้ลูกน้อยปรับตัว และคุ้นเคยกับอาหารที่หยาบขึ้นได้
3.เสริมสร้างนิสัย และพฤติกรรมการรับประทานที่ดีให้ลูกน้อย ช่วยป้องกันโรคจากการรับประทานอาหาร
หลักการให้อาหารตามวัย
1.สมวัย
- ให้อาหารลูกน้อยตามความพร้อมของระบบทางเดินอาหาร ทารกแรกเกิด – 6 เดือนน้ำย่อยยังมีปริมาณน้อยมาก จึงต้องดื่มนมแม่เพียงอย่างเดียว ช่วยลดความเสี่ยงโรคภูมิแพ้ได้
- ให้อาหารลูกน้อยตามความพร้อมของไต เด็กจะมีการกรองของเสียต่างๆ ได้เท่ากับผู้ใหญ่เมื่ออายุ 2 ขวบ ถ้าลูกน้อยได้รับโปรตีนมากเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะยูเรียในเลือดสูง และเลือดเป็นกรดได้
- ให้อาหารลูกน้อยตามความพร้อมของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทารก 4-6 เดือนสามารถยอมรับอาหารเมื่อหิว และปฏิเสธอาหารเมื่ออิ่มได้ ช่วยป้องกันการให้อาหารมากเกินไป
อ่านต่อ “การให้อาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย” คลิกหน้า 2
2.เพียงพอ
- ให้อาหารลูกน้อยด้วยพลังงานที่เพียงพอ ความต้องการอาหารของเด็กแต่ละวัยมีความแตกต่างกัน เพราะความจุของกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น และความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นเช่นกัน
- ให้อาหารลูกน้อยแต่ละช่วงวัยตามความหยาบละเอียดของอาหาร เพิ่มความหยาบของอาหารให้ลูกน้อยตั้งแต่ 6 เดือน เริ่มจากอาหารเนื้อละเอียด ด้วยการบด ไม่ควรปั่น เพราะจะไม่ได้ฝึกเคี้ยว
- ให้อาหารลูกน้อยเพียงพอและไม่มีสารอันตรายต่อสุขภาพ ควรครบ 5 หมู่ และหลากหลาย ได้แก่ ข้าว แป้ง เนื้อสัตว์ ไข่ ถั่ว น้ำมัน ผักผลไม้ทุกๆ วัน โดยปริมาณที่ควรจะได้รับมีดังนี้
อ่านต่อ “การให้อาหารอย่างปลอดภัยตามช่วงวัย” คลิกหน้า 3
3.ปลอดภัย
- การให้อาหารตามวัยที่เหมาะสม ป้อนอาหารด้วยความนุ่มนวล กระตุ้นให้ลูกน้อยรับประทานอาหาร ไม่บังคับ หรือป้อนนานเกินไป ควรใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที และไม่เกิน 30 นาที ถ้าลูกปฏิเสธอาหาร ลองเปลี่ยนวิธีปรุง และลดสิ่งล่อใจให้ลูกสนใจการรับประทาน ฝึกในนั่งบนเก้าอี้
- ให้อาหารที่เหมาะสมกับพัฒนาการ ความละเอียดหยาบ และวิธีการให้อาหารสอดคล้องกับพัฒนาการ อายุ 6 เดือนอาหารที่ให้ควรมีเนื้อละเอียด เมื่อเริ่มเคี้ยวได้แล้วค่อยเพิ่มความหยาบ ไม่ควรบดละเอียดมาก ให้ลูกคุ้นเคยกับอาหารชิ้นเล็กๆ เริ่มจากโจ๊ก ข้าวต้ม และข้าวสวยตามลำดับ
- ฝึกวินัยในการกิน และหัดให้ลูกช่วยเหลือตัวเอง รับประทานตรงตามเวลา ไม่ควรกินไปเล่นไป หรือดูโทรทัศน์ เมื่อลูก 1 ขวบฝึกให้ลูกหัดกินเองโดยใช้ช้อน และฝึกเลิกดูดนมขวดไม่เกิน 2 ขวบ
อ่านต่อ “ชนิดของอาหารตามวัย” คลิกหน้า 4
ชนิดของอาหารตามวัย
1.อาหารที่เตรียมเองในครอบครัว
- ไข่ เป็นแหล่งอาหารของโปรตีน วิตามินเอ แร่ธาตุ ใช้ไข่ไก่หรือไข่เป็ดก็ได้ ทำให้สุกจะย่อยง่าย ทารกมีโอกาสแพ้ไข่ขาวจึงควรใช้ไข่แดงก่อนเมื่อ 6 เดือน แล้วเริ่มให้ไข่ขาวเมื่ออายุ 7 เดือนขึ้นไป
- ตับ เป็นแหล่งอาหารของวิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 แร่ธาตุ ทารกสามารถรับประทานตับไก่ ตับหมูได้ โดยต้องทำให้สุกก่อน
- เนื้อสัตว์ เช่น หมู ไก่ ปลา เป็นแหล่งโปรตีน เหล็ก สังกะสี วิตามิน ปลาทะเลยังเป็นแหล่งของกรดไขมันดีเอชเอ ต้องทำให้สุกก่อนรับประทานเสมอ
- ถั่วต่างๆ เช่น ถั่วเหลือง มีโปรตีน แร่ธาตุ ช่วยในการเจริญเติบโต ต้องต้มให้สุก บดให้ละเอียด จะได้ย่อยง่าย ไม่ท้องอืด หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำจากถั่ว เช่น เต้าหู้
- ผักต่างๆ มีวิตามิน แร่ธาตุ กากใยช่วยขับถ่าย เลือกผักที่หลากหลาย ทั้งสีเขียว และสีส้ม เช่น ตำลึง ฟักทอง แครอท และต้องทำให้สุกก่อน
- ผลไม้ ควรให้ลูกน้อยรับประทานผลไม้ที่สะอาด เป็นอาหารว่าง เช่น กล้วยน้ำว้า มะละกอสุก มะม่วงสุก ส้มเขียวหวาน
2.อาหารที่ขายตามท้องตลาด
- อ่านฉลากและโภชนาการ ถ้าเป็นอาหารเสริมกึ่งสำเร็จรูปมักมีสารอาหารไม่ครบถ้วน เพราะมีแป้ง และข้าวเป็นส่วนใหญ่ จำเป็นต้องเติม ไข่ ตับ ผัก ลงไปด้วย
- เลือกอาหารที่มี อย. และเหมาะกับช่วงวัย ซึ่งมีระบุอยู่บนฉลาก เลือกบรรจุภัณฑ์เรียบร้อย ไม่หมดอายุ เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่เติมน้ำตาล น้ำผึ้ง เกลือ ผงชูรส หรือปรุงแต่งกลิ่น สี และสารกันบูธ
- อาหารกึ่งสำเร็จรูปจะต้องทำให้สุกก่อนให้ลูกน้อยรับประทานทุกครั้ง
การให้อาหารตามวัยตั้งแต่ 6 เดือน – 2 ขวบ
1.อายุ 6-8 เดือน ป้อนวันละ 2 มื้อ
- ข้าวสวย 4 ช้อนกินข้าว ต้มกับน้ำแกงจืดหรือน้ำซุปครึ่งถ้วยตวง ต้มให้เปื่อยและบดละเอียด
- ข้าวตุ๋นปานกลาง 4 ช้อนกินข้าวผสมกับน้ำแกงจืด หรือน้ำซุป 8 ช้อนกินข้าว
- ใส่ผักใบเขียว เหลือง ส้มที่อ่อนนุ่ม ไม่มีกลิ่นแรง 1 – 2 ช้อนกินข้าว บดละเอียด
- ใส่อาหารที่มีโปรตีน อ่อนนุ่มบดได้ง่าย เช่น ไข่แดง ตับไก่ เต้าหู้อ่อน ปลา บดละเอียด
- สลับเมนูอาหารกันไป เหยาะน้ำมันพืชครึ่งช้อนชา เพื่อช่วยดูดซึมวิตามิน และเพิ่มพลังงาน
ตัวอย่างเมนูอาหาร
อ่านต่อ “อาหารสำหรับเด็ก 9 เดือน – 2 ขวบ” คลิกหน้า 5
2.อายุ 9-11 เดือน ป้อนวันละ 3 มื้อ
- ข้าวสวย 4 ช้อนกินข้าว ต้มกับน้ำแกงจืดหรือน้ำซุปครึ่งถ้วยตวง ต้มให้เปื่อยหรือบดหยาบๆ
- ใส่ผักใบเขียว เหลือง ส้ม อ่อนนุ่ม กลิ่นไม่แรง 2 ช้อนกินข้าว บดหยาบๆ
- ใส่โปรตีน เช่น ไข่ เลือด ตับ ปลา หมูสับหรือบด 1-2 ช้อนกินข้าว หมุนเวียนสลับกันไป บดหยาบๆ
- เหยาะน้ำมันพืช ครึ่งช้อนชา เพื่อดูดซึมวิตามิน และเพิ่มความเข้มข้นของพลังงาน
ตัวอย่างเมนูอาหาร
3.อายุ 12-23 เดือน รับประทานเองวันละ 3 มื้อ
- เด็กวัย 1 ขวบขึ้นไปควรรับประทานวันละ 3 มื้อ และนมรสจืดวันละ 2-3 มื้อ
- ถ้ายังให้นมแม่อยู่ควรให้ต่อไปจนถึง 2 ขวบ หัดลูกดื่มนมจากถ้วยแทนการดูดขวด ป้องกันฟันผุ
- ข้าวสวย 6 ช้อนกินข้าว หรือประมาณ 1 ทัพพี
- รับประทานกับอาหารผัด ทอด แกงจืด ต้มจืด อาหารที่มีโปรตีน และสารอาหาร 3 ช้อนกินข้าว
- สลับอาหารหมุนเวียนกันไป และใส่ผักใบเขียว เหลือง ส้ม อ่อนนุ่ม กลิ่นไม่แรง 3-4 ช้อนกินข้าว
ตัวอย่างเมนูอาหาร
โจ๊กข้าวกล้องไก่บ้านกับผักสีรุ้ง
เครดิต: คู่มืออาหารตามวัยสำหรับทารกและเด็กเล็ก โดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
Save
Save
Save