AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ลูก 1 เดือนท้องผูก ทารกกินน้ำส้ม ได้หรือไม่?

ลูก 1 เดือนท้องผูก กินน้ำส้ม ได้หรือไม่? …คำถามนี้อาจเกิดขึ้นได้กับคุณแม่มือใหม่หลายคน เนื่องจากลูกน้อยที่กินนมแม่เอง หรือกินนมผง มักมีอาการท้องผูก จึงหาวิธีที่จะช่วยแก้อาการท้องผูกนี้ด้วยการให้ลูกกินน้ำส้มเพื่อหวังว่าจะช่วยในการขับถ่ายได้ แต่แท้จริงแล้วนั้น การให้ ทารกกินน้ำส้ม ไม่ได้เป็นการช่วยเรื่องระบบขับถ่ายของทารกน้อย แต่อาจเป็นการทำร้ายลูกโดยตรงอีกด้วย

ทารกกินน้ำส้ม ได้หรือไม่?

 

มีหลายบ้านที่คุณย่าคุณยาย ป้อนน้ำส้มให้ทารกวัยไม่ถึง 6 เดือนทาน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะสมัยก่อน คนโบราณยังไม่มีความรู้ว่าเด็กทารกยังไม่ควรทานอะไรอกจากนมแม่ เพราะเรื่องระบบการทำงานของลำไส้ยังไม่แข็งแรง พอที่จะรับอาหารอื่น

สาเหตุที่ทำให้ลูกท้องผูก

เด็กอาจมีอาการท้องผูกได้ทุกช่วงวัยที่พบมากที่สุดคืออายุประมาณ 6 เดือน- 4 ปี ซึ่งมีสาเหตุแตกต่างกันไปในเด็กแต่ละคน และการท้องผูกมักเกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน เช่น เด็กบางคนถูกฝึกให้ขับถ่ายเร็วเกินไป แต่เขายังไม่พร้อมที่จะขับถ่ายเอง  เด็กไม่ชอบกินผักและผลไม้

และที่พบบ่อยในช่วงวัยอนุบาล คือ เด็กห่วงเล่นและกลั้นอุจจาระเป็นนิสัย แต่ก็ยังมีเด็กอีกส่วนน้อยที่มีอาการท้องผูกจากโรคร้ายแรง

อาการท้องผูกที่แท้จริง

ทั้งนี้ก็มีหลายบ้านที่ลูกทารกน้อยกินนมแม่แต่ท้องผูก คุณแม่จึงอยากหาตัวช่วยอย่างน้ำส้มเพื่อช่วยบรรเทาอาการลูกน้อย ซึ่งการท้องผูกสำหรับเด็กที่กินนมแม่นั้น การกินนมแม่ล้วน ไม่ถ่าย 2-3 สัปดาห์ ไม่ถือว่าเป็นอาการท้องผูก แต่สัญญาณความถี่ของการอุจจาระที่บ่งบอกว่าลูกท้องผูก  คือการถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งใน 1 สัปดาห์ หรืออาจถ่ายทุกวันแต่ต้องเบ่งมากและอุจจาระแข็งอาจจะเป็นก้อนเล็ก ๆ คล้ายลูกกระสุนปืนอัดลมหรือก้อนใหญ่ ๆ ที่ทำให้มีอาการเจ็บปวดมากเวลาเบ่งถ่าย หรือบางครั้งอาจมีเลือดติดออกมาด้วยเพราะรูทวารฉีกขาด ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ลูกจะรู้สึกกลัวการถ่ายอุจจาระจึงพยายามกลั้นเอาไว้ จนทำให้อุจจาระยิ่งมีขนาดใหญ่และแข็งมากขึ้นเรื่อย ๆ และเพิ่มความเจ็บปวดในการขับถ่ายในแต่ละครั้ง

ส่วนเด็กทารกปกติช่วงอายุ 1-3 เดือนที่กินนมแม่ ถึงบางคนอาจถ่ายอุจจาระห่างทุก 3-7 วันโดยที่ยังกินนมดี ร่าเริง น้ำหนักขึ้นตามปกติ ไม่อาเจียน เด็กกลุ่มนี้ไม่นับว่ามีอาการท้องผูกถึงแม้ว่าจะถ่ายน้อยกว่า สัปดาห์ละ 3 ครั้ง

แต่ขอเน้นว่าเวลาถ่ายแต่ละครั้งต้องถ่ายสะดวก อุจจาระจะดูนิ่มดี  อาจมีส่วนแข็งเล็กน้อยในช่วงต้นๆ ลูกจะอารมณ์ดี โตดี น้ำหนักขึ้นตามเกณฑ์ ก็เพียงพอแล้ว

และถ้าลูกโตแล้ว สามารถกินอาหารเสริมได้ แต่มีอาการถ่ายเหนียว  อึดอัดงอแง เบ่งจนหน้าดำหน้าแดง  อุจจาระแข็งในส่วนต้นๆ ถ้าถ่ายแข็งแล้วลูกเจ็บก้น มีเลือดออก ก้นเป็นแผล แบบนี้เรียกว่า ท้องผูกแน่นอน ซึ่งสาเหตุที่พบบ่อยคือการกินอาหารที่ไม่เหมาะสม ปริมาณของอาหารน้อย กินแต่นม จึงได้รับกากใยจากผักผลไม้ไม่เพียงพอ

อ่านต่อ >> ลูกท้องผูกกินน้ำส้มช่วยแก้อาการท้องผูกได้จริงหรือ” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

วิธีช่วยลูกน้อยเมื่อมีอาการท้องผูก

 

ส้มนอกจากอร่อยและมีกลิ่นหอมหวานแล้วยังมีประโยชน์อีกหลายอย่างค่ะ เช่น รักษาโรค ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น เป็นผลไม้รสเปรี้ยวชนิดซิตริก มีกรด citric & salicylic ก่อน 6 เดือน ไม่ควรให้ทานน้ำลูกพรุน น้ำส้ม หรือใดๆ นอกจากนมแม่
ถ้าอยากให้อึ ซึ่งวิธีที่จะช่วยบรรเทาอาการนี้ได้เบื้องต้น คือ

ข้อห้ามไม่ควรทำเมื่อลูกท้องผูก!!!

อ่านต่อ >> “ข้อสำคัญควรรู้ก่อนให้ลูกทารกกินน้ำส้ม” คลิกหน้า 3

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

 

ส้ม เป็นผลไม้ตระกูล Citrus มีคุณค่าทางอาหารสูง ประกอบด้วยสารอาหารต่าง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น ให้วิตามินซีสูง แคลเซียม วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 โพแทสเซียม แคลเซียม ใยอาหาร ฟอสฟอรัส เหล็ก ซึ่งส้มแต่ละชนิดจะให้คุณค่าทางสารอาหารไม่ต่างกันมากนัก

น้ำส้มคั้นสดดื่มทุกวันเป็นประโยชน์ต่อร่างกายจำนวนมาก ได้แก่

  1. เสริมสร้างกระดูก น้ำส้มสามารถให้แคลเซียม และวิตามินดีแก่ร่างกายได้ดีพอๆ กับนม และแคลเซียมจะไปเสริมสร้างกระดูก
  2. คอลลาเจนในน้ำส้มช่วยซ่อมแซม ส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ให้ผิวมีความยืดหยุ่น ไม่แห้งแตก และยังช่วยสมานแผลหลังผ่าตัด แผลไฟไหม้ ให้หายเร็วและแผลเรียบเนียนขึ้น
  3. ช่วยรักษาโรคหัวใจ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งอองตาริโอตะค้นพบ สารอาหารในน้ำส้มจะช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี เพิ่มคอเลสเตอรอลส่วนดี  ป้องกันหลอดเลือดหัวใจตีบได้ แล้วในน้ำส้มมีโพแทสเซียมสูง ช่วยลดความเป็นความดันโลหิตสูงและเส้นเลือดในสมองอุดตันได้ดี
  4. ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ผลในการวิจัยบอกว่าในเวลาที่เราคั้นน้ำส้ม เรามักจะผ่าส้มออกเป็นสองซีก แล้วคั้นจะมีรสชาติของเปลือกออกมาด้วย  รสชาติที่ได้จากเปลือกส้มจะมีสาร ไลมอนอยด์ สามารถต้านมะเร็งในช่องปาก คอ ปอด กระเพาะอาหาร ลำไส้ ผิวหนัง ตับ และเต้านม เป็นต้น
  5. ป้องกันโรคนิ่ว จากผลงานวิจัย ได้ศึกษาผลการดื่มน้ำส้มป้องกันการเกิดนิ่วในไต การดื่มน้ำส้มคั้นจะเพิ่มประมาณของสารซิเตรต ในน้ำปัสสาวะมีความเป็นกรดลดลง ลดการตกผลึกของกรดยูริก และแคลเซียมออกซาเลท ซึ่งเป็นส่วนจะทำให้เกิดก้อนนิ่วจึงลดการเสี่ยงในการเกิดโรคนิ่วในไตได้

ข้อเสียของส้ม!

มีจากการวิจัยฤทธิ์กรดของน้ำส้มคั้น ทำให้ฟันสึกหรอลงได้ เพราะทำให้เคลือบฟันเสียความแข็งแกร่งลง 84% นอกจากนี้การศึกษาทางการแพทย์ ของทีมวิจัยของเภสัชกรในอังกฤษ พบว่าสารในเปลือกส้มมีฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็งได้ โดยเฉพาะในเปลือกส้มเขียวหวานจะมีฤทธิ์ช่วยต้านทานมะเร็งบางอย่างได้ โดยสาร “ซาลเวสตรอล คิว 40” ในเปลือกส้มเขียว-หวาน สามารถทำลายเซลล์ มะเร็งที่มีส่วนประกอบของเอนไซม์ “พี 450 ซีวายพี 1 บี 1” ลงได้ ซึ่งการค้นพบ ในครั้งนี้อาจนำไปสู่แนวทางใหม่ในการบำบัดโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งทรวงอก ปอด ต่อมลูกหมาก และรังไข่ ได้ต่อไปในอนาคต

ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ อเมริกากล่าวเตือนว่า น้ำส้มคั้นมีฤทธิ์เป็นกรด กัดกร่อนฟันให้สึกหรอลงได้ ยิ่งกว่ายาฟอกฟันให้ขาวเสียอีก

โดยคณะนักวิจัยของอาจารย์ยันแฟง เรน ได้พบในการศึกษาว่า น้ำยาไฮโรเจน เปอรอกไซด์ 6 เปอร์เซ็นต์ อันเป็นตัวยาผสมอยู่ในยาฟอกสีฟันให้ขาว ที่มีวางขายอยู่ตามร้าน จะกลายเป็นของธรรมดา เมื่อเทียบกับฤทธิ์ความเป็นกรดของน้ำส้มคั้น พวกเขาได้ประจักษ์ฤทธิ์เดชของมัน จากการศึกษาโดยอาศัย

กล้องจุลทรรศน์ส่องกวาดแนวตั้งอันใหม่ ได้พบว่าน้ำยาฟอกสีฟันไม่ทำให้ความแข็งแกร่งหรือพื้นผิวของเคลือบฟันบุบสลายแต่อย่างใด หากเคลือบฟันสึกหรอ จะเป็นเหตุให้ฟันสึกกร่อน และผุเร็วขึ้นได้

เขากล่าวว่า “ฤทธิ์กรดของน้ำส้มคั้นแรงมาก ทำให้ฟันสึกหรอลงได้อย่างแท้จริง มันอาจทำให้เคลือบฟันเสียความแข็งแกร่งลง ถึงร้อยละ 84”

และเสริมว่า “เครื่องดื่มน้ำอัดลมเกือบทุกชนิด ไม่ว่าเครื่องดื่มรสหวานที่ใส่น้ำโซดารสต่างๆ และน้ำผลไม้คั้น ล้วนแต่มีธรรมชาติเป็นกรดทั้งสิ้น  การศึกษาทำให้เห็นว่า ตัวอย่าง น้ำส้มคั้น อาจทำให้ฟันสึกกร่อนอย่างสำคัญ เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่าน้ำส้มคั้นและเครื่องดื่มรสหวานที่ใส่น้ำโซดารสต่างๆ มีความเป็นกรดสูง จึงเป็นอันตรายกับความแข็งแกร่งของเคลือบฟัน”

ยิ่งปล่อยให้ฟันกระทบกับเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรดอยู่นานเท่าใด  ฟันก็อาจจะสึกหรอมากเท่านั้น แต่ในผู้ที่ค่อยๆ ดื่มโดยใช้เวลากินนาน ไม่ต่ำกว่า 20 นาที ย่อมถูกกัดกร่อน มากยิ่งกว่า ผู้ที่ดื่มรวดเดียวเกลี้ยง

แท้จริงแล้วอาการท้องผูกไม่ใช่เรื่องใหญ่อย่างที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนกังวล เพราะปัญหานี้สามารถแก้ไขและดูแลได้ง่าย ๆ เพียงหันมาใส่ใจดูแลเรื่องนม อาหาร และพฤติกรรมการขับถ่ายของลูกให้เหมาะสมและเป็นไปอย่างปกติ และไม่ควรให้ลูกน้อยทานอะไรที่คุณแม่คิดว่าจะช่วยแก้อาหารท้องผูกให้ลูกน้อย ก่อนอายุ 6 เดือน เพราะนั้นอาจเป็นการทำร้ายลูกทางอ้อมได้โดยไม่รู้ตัว แต่สำหรับเด็กคนไหนที่มีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย ระบบลำไส้ หรืออาการท้องผูกมากกว่าปกติ คือ มีอาการท้องผูกตลอดหรือแก้ไม่หาย คุณพ่อคุณแม่ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและขอคำปรึกษาจากแพทย์อย่างเร่งด่วน เพราะอาการท้องผูกหากปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ อาจส่งผลเสียต่อร่างกายของลูกและทำให้หาทางแก้ไขได้ยากลำบากมากยิ่งขึ้น

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก : www.sabuykid.com , www.babyfancy.com , www.doesystem.com