“จิงจูฉ่าย” ไม่ได้มีดีแค่อร่อย … ให้ประโยชน์มากมายแถมช่วยต้านมะเร็ง แต่!! ทำไมแม่ท้องห้ามทาน!!
“จิงจูฉ่าย“ผักสมุนไพรของจีน ที่นิยมนำไปปรุงอาหารรับประทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมนูแกงจืดและผัดผัก ซึ่งเมนูที่ขึ้นชื่อมากที่สุดก็เห็นจะเป็น ต้มเลือดหมู นั่นเองค่ะ
สาเหตุที่ต้องใส่ลงไปนั้น ไม่ใช่แค่เพื่อเป็นการช่วยดับกลิ่นคาวเท่านั้นนะคะ ยังเป็นการบำรุง และช่วยปรับสมดุลในร่างกายได้อีกด้วย … แต่ประโยชน์ที่ทีมงาน Amarin Baby and Kids นำมาฝากในวันนี้ ไม่ใช่แค่ที่กล่าวมาค่ะ ยังมีอีกมากมายเลยทีเดียว จะมีอะไรบ้างนั้น ไปชมพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
แต่ก่อนที่เราจะไปดูประโยชน์นั้น เรามาทำความรู้จักกับจิงจูฉ่ายกันก่อนดีกว่านะคะ
ทำความรู้จักกับจิงจูฉ่าย
จิงจูฉ่ายเป็นพืชที่นิยมกันเป็นอย่างมากของชาวจีน เนื่องจากจิงจูฉ่ายเป็นยาเย็น(หยิน) มี กลิ่นน้ำมันหอมระเหยจากใบและลำต้นจิงจูฉ่าย ยิ่งต้มร้อน ๆ หรือกินสด ๆ จะมีสารไลโมนีน ซิลนีน และสารกลัยโคไซด์ที่มีชื่อว่า อะปิอิน ซึ่งสารเหล่านี้มีสรรพคุณ ช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องความดัน อีกทั้งช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ดี ส่วนลำต้นสด และเมล็ดของต้นจิงจูฉ่าย มีโซเดียมต่ำ จึงดีต่อผู้ป่วยโรคไตนั่นเองค่ะ
ต้นจิงจูฉ่ายมีสรรพคุณทางยาสูง โดยจิงจูฉ่าย 100 กรัมให้พลังงาน 392 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วยสารอาหารนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต เส้นใย แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส วิตามินเอ วิตามินบี 6 วิตามินซี และวิตามินอี
ประโยชน์ของ จิงจูฉ่าย
- จากผลงานวิจัยพบว่า จิงจูฉ่ายนั้น มีสรรพคุณในการช่วยต้านมะเร็งและสามารถทำให้ผู้ป่วยมะเร็งดีขึ้นได้ สำหรับวิธีการรับประทานก็คือ ให้นำจิงจูฉ่ายมาหนึ่งกำมือค่ะ ล้างให้สะอาด เสร็จแล้วนำมาตำหรือปั่น เสร็จแล้วนำน้ำที่คั้นได้มารับประทานก่อนอาหารเช้า และก่อนอาหารเย็น โดยรับประทานล่วงหน้าประมาณ 1 ชั่วโมง วันละ 1-2 ครั้ง ทานแบบนี้ติดต่อกันเป็นเวลา 2-3 เดือนก็จะช่วยต้านเซลล์มะเร็งได้
- มีสรรพคุณทางยาสูง เนื่องจากอุดมไปด้วย เกลือแร่และวิตามินสูง เรียกได้ว่ามีวิตามินสูงกว่าน้ำมะนาวมากถึง 58 เท่าเลยละค่ะ นอกจากนี้ ยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินอี วิตามินบี6 เหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต และใยอาหาร เป็นต้น
- มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงเลือดลม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณผู้หญิงที่กำลังมีประจำเดือน จะช่วยประสาเลือด ช่วยขับและช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ จึงไม่แนะนำให้แม่ท้องทานค่ะ เพราะอาจเสี่ยงทำให้เกิดภาวะแท้งได้
- ช่วยปรับสมดุลของโลหิต เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับผู้ที่มีปัญหาความดัน อีกทั้งยังช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร และลำไส้ได้เป็นอย่างดี
- เนื่องจากมีสรรพคุณเป็นยาเย็น หากคุณพ่อคุณแม่รับประทานในตอนเย็น ก็จะช่วยบำรุงปอด ช่วยฟอกเลือด ทำให้ระบบภายในร่างกายหมุนเวียนได้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับสมดุลของการไหลเวียนโลหิต
- สามารถดับพิษ แก้การอักเสบบนโรคผิวหนัง แก้ผิวหนังเป็นตุ่ม แก้ผดผื่น เป็นต้น
- ข่วยรักษาโรคมาลาเรียได้
ประโยชน์มีมากมายขนาดนี้ อย่าลืมหาซื้อมารับประทานกันนะคะ
ขอบคุณที่มา: Postsod
อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่