เป็นพ่อแม่นั้นเป็นง่าย แต่เป็น พ่อแม่ที่ดี ให้กับลูกนั้นยากยิ่งกว่า พบ 9 คาถาสู่การครองหัวใจลูก
ใคร ๆ ก็สามารถเป็นคุณพ่อคุณแม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่ดีได้ แต่ว่าจะต้องทำอย่างไรละ ถึงจะสามารถไปนั่งอยู่ในหัวใจดวงน้อย ๆ ของลูกได้ วันนี้ทีมงาน Amarin Baby and Kids ได้รวบรวมเอา 9 คาถามาฝากคุณพ่อคุณแม่ทุกคนค่ะ จะมีอะไรบ้างนั้นพร้อมแล้วเราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ
คาถาแรก: แสดงออกให้ลูกรู้ว่าคุณรักเขามากขนาดไหน
เพราะ “ความรักชนะทุกสิ่ง” ไม่มีอะไรอีกแล้วบนโลกใบนี้ที่ยิ่งใหญ่และสำคัญมากไปกว่าความรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรักจากคุณพ่อคุณแม่ที่มีต่อลูก แต่เป็นเรื่องแปลกที่กลับมีคุณพ่อคุณแม่บางคนไม่กล้าแสดงออกของความรักนี้ เพราะรู้สึกเขินอายที่จะแสดงให้ลูกรู้ บางคนกลัวเสียการปกครองบ้าง กลัวลูกไม่เคารพบ้างล่ะ หรือกลัวลูกไม่เกรงใจบ้างล่ะ ซึ่งทราบไหมคะว่า ความคิดเหล่านี้จะสร้างกำแพงกั้นระหว่างคุณกับลูกทันที
ลูก ๆ ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน พวกเขาจะไม่มีทางเข้าใจเลยหากคุณไม่แสดงความรักออกมาเป็นการกระทำ ดังนั้น คาถาแรกที่สำคัญก็คือ การแสดงออกด้วยความรักให้ลูกรู้ไปเลยค่ะว่า คุณรักเขามากขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นการกอด หอม หรือคำพูดให้กำลังใจหรือถ้อยคำหวาน ๆ เป็นต้น
อ่านต่อคาถาข้อต่อไปได้ที่หน้าถัดไปค่ะ
คาถาที่สอง: เป็นต้นแบบที่ดี
ว่ากันว่า อยากให้ลูกเป็นคนดีอย่างไร คุณพ่อคุณแม่ก็ควรต้องทำแบบนั้นให้ได้ก่อน การเป็นแบบอย่างและต้นแบบที่ดีให้กับลูกนั้น ต้องเป็นทั้งควรคิดและกากระทำ เช่น หากรู้ทั้งรู้ว่าควันบุหรี่ก่อให้เกิดอันตรายกับคนอื่น แต่ยังสูบอยู่ หรือพูดจายกย่องเชิดชูคนอื่น แต่ที่ทำเพราะหวังผลอยากให้ตัวเองได้ดีในหน้าที่การงาน หรือเรียกอีกอย่างว่า หน้าไหว้หลังหลอก ดังนั้น การจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกนั้น จะต้องเป็นทั้งต่อหน้าและหลัง เพื่อให้ลูกเห็นว่า ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะอยู่ที่ไหน ก็มีความคิดที่ดีและทำความดีเสมอ ๆ
คาถาที่สาม: กฎคือกฎ
กฎ กติกา มารยาท เป็นสิ่งจำเป็นในการดำเนินชีวิต การสั่งสอนให้ลูกรักได้รู้จักและเคารพในกฎกติกาจะช่วยสร้างให้เขาเป็นคนที่ดีมีคุณภาพ ซึ่งการตั้งกฎ กติกา และมารยาทที่ให้ลูกดำเนินตามนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรเป็นการคิดและตกลงใจร่วมกันระหว่างพ่อแม่ลูกค่ะ เพราะโดยธรรมชาติของมนุษย์กฎมีไว้ให้แหกเสมอ ยิ่งเป็นกฎกติกาที่คนอื่นเป็นคนกำหนดด้วยแล้วยิ่งรู้สึกอยากต่อต้านไม่อยากทำตาม
ดังนั้น ควรกำหนดกฎกติการ่วมกัน ให้มติทุกอย่างเป็นเอกฉันท์ และเมื่อใดก็ตามที่ตกลงกันได้แล้ว ก็ย่อมที่จะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด อย่าปล่อยให้ลูกแหกกฎเป็นอันขาดค่ะ เพราะมีครั้งที่หนึ่ง ก็จะต้องมีครั้งที่สอง ที่สาม ต่อไป ยกตัวอย่างเช่น ทุกครั้งที่กลับจากโรงเรียนจะต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำการบ้าน ทานข้าวเย็น และให้เวลาเล่นหรือทำกิจกรรมอะไรที่อยากทำ หลังจากนั้นก็ต้องเข้านอน เป็นต้น
อ่านต่อคาถาข้อต่อไปได้ที่หน้าถัดไปค่ะ
คาถาข้อที่สี่: ปรับตัวให้เข้ายุคเข้าสมัย
อย่าทำตัวแก่ค่ะ สั้น ๆ ง่าย ๆ เลย พยายามตามให้ทันยุคและสมัยของลูก ดูสิว่า ช่วงนี้เด็กวัยนี้กำลังฮิตอะไรกัน แน่นอนค่ะทราบดีว่า คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่มักทำกันอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีคุณพ่อคุณแม่บางคนค่ะ ที่ยึดติดกับความคิดของตัวเอง ไม่ยอมปรับตัวตามสิ่งแวดล้อม ทำให้บางครั้งไม่สามารถเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของลูกได้ จนเกิดปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งกับลูกอยู่เสมอ ๆ
คาถาข้อที่ห้า: เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการได้เสมอ
คำว่าเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ ณ ที่นี้ไม่ได้หมายถึงในเรื่องของเงินนะคะ แต่เป็นเรื่องของการอยู่เคียงข้างลูก ไม่ว่าลูกจะตกอยู่ในสถานการณ์ใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกเริ่มโตเป็นวัยรุ่น และหันไปพึ่งพาคนนอกครอบครัวที่อยู่ในวัยใกล้เคียงกันเป็นหลัก คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะคอยถามไถ่ลูกสม่ำเสมอนะคะ ถามถึงความเป็นไปในชีวิตประจำวันของลูก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพื่อนหรือเรื่องเรียน คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลูกก็ยังมีคุณอยู่เคียงข้างคอยให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือเสมอ และเมื่อใดก็ตามที่ลูกรู้สึกมั่นใจและอุ่นใจ ลูก ๆ ก็จะนึกถึงคุณและกล้าที่จะเข้าหาและเปิดใจกับคุณพ่อคุณแม่มากขึ้นเองค่ะ
อ่านต่อคาถาข้อต่อไปได้ที่หน้าถัดไปค่ะ
คาถาข้อที่หก: จัดสรรเวลาให้เป็น
สมัยนี้เป็นยุคแห่งความเร่งรีบ ไม่ว่าอะไรก็ด่วนไปเสียหมด เนื่องจากการแข่งขันที่สูง ทำให้คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่มักประสบปัญหาในเรื่องของการจัดสรรเวลากันอยู่เป็นอย่างมาก ส่งผลให้คุณพ่อคุณแม่บางคนลืมหน้าที่หลักไปโดยปริยายและคิดว่า ก็ทำงานมาทั้งวันเวลาจะหายใจหายคอแทบไม่มีเหลือเลย ซึ่งแบบนี้ถือเป็นความคิดที่เป็นการปล่อยปละละเลยความสุขของลูกไปด้วยเช่นกัน อย่าลืมนะคะว่า ลูก ๆ ต้องการที่จะอยู่ใกล้ชิดกับคุณมากที่สุด ดังนั้นไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะงานยุ่งขนาดไหน การสละเวลาวันใดวันหนึ่งหรือตั้งไว้เลยวันหยุดเสาร์อาทิตย์จะต้องเป็นวันที่คุณอยู่กับลูกและครอบครัว เป้นวันที่คุณพ่อคุณแม่จะได้ทำกิจกรรมร่วมกันกับลูก ๆ โดยไม่นึกถึงงาน เป็นต้น
คาถาข้อที่เจ็ด: ให้ลูกได้มีเวลาส่วนตัวบ้าง
พยายามอย่าควบคุมลูกไปทุกอย่างนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจับตาดูลูกทุกฝีก้าวโดยที่ไม่ให้เขาได้มีเวลาส่วนตัวบ้างเถอะค่ะ จริงอยู่ที่คุณพ่อคุณแม่ทำไปเพราะความเป็นห่วง แต่การจ้องลูกตลอดไม่ว่าลูกจะทำอะไร กินอะไร หรือพูดอะไรกับใครก็มักจะแสดงท่าทีไม่ไว้วางใจออกมา การกระทำแบบนี้กับลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกโต มักจะสร้างความอึดอัดให้กับลูกเป็นอย่างมากเลยละค่ะ ดังนั้น การปล่อยให้ลูกได้มีเวลาส่วนตัวได้เล่นเกมส์ พูดคุยกับเพื่อน โดยมีคุณพ่อคุณแม่ดูอยู่ห่าง ๆ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่งเลยละค่ะ
อ่านต่อคาถาข้อต่อไปได้ที่หน้าถัดไปค่ะ
คาถา 2 ข้อสุดท้ายสู่การเป็น พ่อแม่ที่ดี จะมีอะไรบ้างนั้น ไปชมกันค่ะ
คาถาข้อที่แปด: พร้อมเผชิญปัญหาทุกอย่างไปกับลูก
ข้อนี้ถือเป็นข้อที่สำคัญมากอีกข้อหนึ่งเลยละค่ะ เพราะขนาดตัวเราเองเป็นผู้ใหญ่ เวลาที่รู้สึกเหนื่อย เสียใจ ผิดหวังหรือไปประสบกับปัญหาอะไรมานั้น เราก็มักที่จะมองหาใครสักคนมาเป็นผู้จักฟังกันอยู่แล้วใช่ไหมละคะ … ลูกก็เช่นกันค่ะ เวลาที่พวกเขาเจอปัญหา พวกเขาไม่รู้จะไปพูดคุยหรือพึ่งพาใคร ซึ่งคนที่ลูกนึกถึงจริง ๆ แล้วก็คือคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง หากแต่ก็มีเหมือนกันค่ะที่ลูกไม่กล้าเข้าไปคุยด้วย เพราะกลัวว่าคุณพ่อคุณแม่จะดุหรือตำหนิพวกเขา ดังนั้น สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทำได้ก็คือ การเป็นผู้รับฟังและให้คำแนะนำที่ดี อย่าตำหนิหรือว่าลูกโดยที่ไม่รับฟังเหตุผลของพวกเขาก่อน เพราะการตำหนิก่อนเลยนั้น ถือเป็นการกระทำที่ผิดพลาดเป็นอย่างยิ่งเลยละค่ะ เพราะคุณจะไม่มีวันได้รับความเชื่อใจจากลูกอีกเลยก็เป็นได้
คาถาข้อที่เก้า: ฝึกให้เขาเป็นคนที่ควรที่จะเป็น
สอนให้ลูกได้รู้ว่า คนที่ดี คนกตัญญูจะต้องทำอย่างไร ทั้งนี้ไม่ใช่แต่กตัญญูแต่กับคุณพ่อคุณแม่เท่านั้นนะคะ ยังรวมไปถึงการกตัญญูต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ด้วยเช่นกัน ฝึกให้ลูกมีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้จักแพ้ รู้จักชนะ รู้จักอภัย รวมถึงรู้จักการเสียสละ และมารยาทที่ดีของคนไทยที่พึงกระทำเมื่อพบเจอผู้อาวุโสกว่า เป็นต้น
สุดท้ายนี้สิ่งที่อยากฝากเอาไว้ก็คือ เด็ก ๆ เหมือนผ้าขาว ผ้าขาวจะถูกแต่งแต้มให้เป็นสีอะไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ทุกคนเป็นคนหล่อหลอมและเป็นคนช่วยแต่งแต้มเติมสีให้กับลูกนั่นเอง
อ่านต่อเรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่