AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

7 ข้อทำร้ายใจลูกเมื่อ พ่อแม่นอกใจกัน

เครดิต: IStock

ถึงแม้จะมีครอบครัวแล้ว แต่ถ้าหากไม่รู้จักพอ การที่ พ่อแม่นอกใจกัน อาจฆ่าลูกให้ตายทั้งเป็น

 

 

สถาบันครอบครัวนั้นถือเป็นบ้านหลังแรกในการปลูกฝังความคิด ทัศนคติ ลักษณะนิสัยและบุคลิกภาพของเด็กแต่ละคน ให้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในสังคม และบุคคลที่ถือว่าเป็นครูคนแรกของลูกก็คือ คุณพ่อคุณแม่ ผู้ซึ่งมีหน้าที่หลักในการเป็นผู้นำหล่อหลอมพฤติกรรมต่าง ๆ ของลูก ให้ลูกมีความสุข สุขภาพแข็งแรง อารมณ์ดี สดใสร่าเริง แต่ครั้นเมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้นกันเองระหว่างคุณพ่อกับคุณแม่จนเกิดความสั่นคลอนให้กับครอบครัว การแสดงออกให้ลูกเห็นว่าคุณทั้งสองคนไม่รักกันแล้วนั้น ถือเป็นที่มาของการทำร้ายจิตใจของลูกได้เป็นอย่างดี และนี่คือตัวอย่างการแสดงออกของคุณพ่อคุณแม่ว่าไม่รักกันแล้ว

  1. ไม่ยอมรับความคิดเห็นซึ่งกันและกัน การมีความคิดเห็นไม่ตรงกันภายในครอบครัวนั้นถือเป็นเรื่องปกติค่ะ แต่หากต่างฝ่ายต่างเปิดใจเข้าหากัน และช่วยกันปรับความคิดและลบทัศนคติบางอย่างของตัวเองออกไป ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าหากไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ไม่มีใครยอมใคร แต่เลือกที่จะเอาอารมณ์ของตัวเองเป็นใหญ่ ต่างฝ่ายต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่ยอมถอยคนละครึ่งก้าว ก็อาจส่งผลให้ความสัมพันธ์ที่ร่วมสร้างกันมานั้นเกิดการปัญหาได้
  2. คิดแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันกับใคร นั่นหมายถึงคุณจะต้องไม่คิดถึงแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง คุณจะต้องคิดถึงคู่ชีวิตและครอบครัวของคุณมากกว่าสิ่งอื่นใด ต้องต่างพากันช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของเงินทอง เพราะหากผลักความรับผิดชอบทั้งหมดให้อีกฝ่ายแต่เพียงผู้เดียว นั่นแสดงว่าคุณกำลังแสดงความเห็นแก่ตัวออกมาแล้วละค่ะ
  3. การนอกใจกัน ปัญหานี้ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นมากเป็นอันดับหนึ่งของสังคมไทยบ้านเรา ไม่ว่าสามีจะไปมีเมียน้อย หรือภรรยาไปมีชู้ หรือต่างฝ่ายต่างมีกิ๊ก เมื่อถูกจับได้ก็จะเกิดปัญหาว่า ไม่ได้ตั้งใจ ไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้ หรือบางทีอยากลองดูเพราะชอบความรู้สึกท้าทาย เป็นต้น

ข้อไหน? ทำร้ายจิตใจลูกได้มากที่สุด คลิก!


เครดิต: MGR online

 

 

สาเหตุที่เป็นการทำร้ายจิตใจลูกมากที่สุดก็คือ การที่ พ่อแม่นอกใจกัน

เมื่อไหร่ก็ตามที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่รู้จักพอ การทะเลาะเบาะแว้งกันก็จะเกิดขึ้น แล้วถ้าหากลูก ๆ จะต้องเป็นฝ่ายรับรู้หรือแบกรับความรู้สึกเหล่านั้นไว้ตามลำพังละก็ นั่นถือป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดแล้วละค่ะ และนี่คือ 7 ข้อที่จะต้องเกิดขึ้นกับลูกของคุณ

  1. คิดว่าการนอกใจเป็นเรื่องปกติ ร้อยละ 55 ของเด็กที่เติบโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่มีการนอกใจกันหรือมีปัญหาเรื่องชู้สาวนั้น เมื่อโตมา … จะกลายเป็นคนที่นอกใจกับคู่รักของตัวเองเสียที เพราะคิดว่า เป็นสิ่งที่ปกติ เนื่องจากเห็นคุณพ่อคุณแม่ทำมาตั้งแต่ยังเล็ก
  2. ลูกเรียนรู้ความหมายของการถูกทรยศด้วยประสบการณ์ของตัวเอง ถือเป็นเรื่องที่ไม่ปกตินะคะ เมื่อเด็กคนหนึ่งจะต้องมารับรู้และเรียนรู้เรื่องนี้ตั้งแต่พวกเขายังอายุน้อย ๆ สำหรับลูก ๆ เอง เมื่อไหร่ก็ตามที่เขารับรู้ว่า คุณพ่อหรือคุณแม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกำลังมีคนอื่น นั่นเท่ากับว่า คุณกำลังทำร้ายลูกของคุณด้วยการทรยศต่อหัวใจน้อย ๆ ของเขาเช่นเดียวกัน
  3. ลูกกลายเป็นคนขี้กังวลใจเพราะกลัวว่าตัวเองจะถูกทิ้ง เด็ก ๆ ทุกคนรักคุณพ่อคุณแม่และครอบครัวของตัวเอง การที่พวกเขาจะต้องมารับรู้ถึงความรู้สึกอันหนักอึ้งนั้น ทำให้เขากลายเป็นเด็กที่มีความวิตกกังวลได้อย่างชัดเจน ด้วยความกลัวที่ว่า เขาจะต้องโดนทิ้งเหมือนที่คุณพ่อหรือคุณแม่ของเขาโดน รวมไปถึงการกลัวที่จะต้องมีความรัก เพราะไม่อยากให้ชีวิตคู่ของตัวเองต้องมีปัญหาและลงเอยด้วยการถูกทอดทิ้ง
  4. ไม่อยากเชื่อใจใคร เชื่อหรือไม่คะว่า ร้อยละ 75 ของเด็กที่เติบโตขึ้นมาด้วยปัญหานี้ จะมีปมในเรื่องของความไว้เนื้อเชื่อใจต่อบุคคลอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น คุณพ่อคุณแม่ เพื่อน เพื่อนร่วมงาน หรือคนรัก
  5. ขาดศรัทธาในเรื่องของความรัก ด้วยสิ่งแวดล้อมที่พวกเขาเห็นและรับรู้ตั้งแต่เล็กนั้น สามารถทำให้ลูกกลายเป็นเด็กที่ขาดศรัทธาในเรื่องของความรัก พบว่าร้อยละ 80 ของเด็กที่ประสบกับปัญหานี้ เมื่อโตขึ้นพวกเขาจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เชื่อว่าความรักแท้จะมีจริงอยู่บนโลก ไม่ว่าความรักนั้นจะเป็นรักประเภทใดก็ตาม
  6. ลำบากใจ หากการทะเลาะเบาะแว้งจ้องจบลงด้วยการหย่าร้าง สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ความกดดันทั้งหมดจะต้องตกไปอยู่ที่ลูกของคุณ เพราะคุณจะต้องบอกให้เขาเลือกว่า เขาอยากที่จะอยู่กับใคร … ไม่มีลูกคนไหนหรอกค่ะที่อยากจะเลือกข้าง เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุดก็คือ การอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเท่านั้นเอง
  7. แผลเป็นตลอดชีวิต หากคุณคิดว่า เดี๋ยวลูกโตขึ้นก็จะทำใจได้เองนั้น ถือเป็นความคิดที่ผิดถนัดเลยละค่ะ ลูกอาจจะไม่แสดงให้คุณเห็นก็ได้ว่าเขารู้สึกเสียใจมากน้อยเพียงใด แต่เชื่อเถอะค่ะว่า ต่อให้วันเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจของเขานั้น ก็ไม่มีวันลบเลือนหายไปแน่นอน

อ่าน! วิธีการประคองรักให้มั่นคง


เครดิต: Family Share

 

7 วิธีกระชับสัมพันธ์ให้มั่นคง

  1. ยอมรับในความต่าง อย่าลืมนะคะว่า พวกเราทุกคนเติบโตมาในครอบครัวที่ต่างกัน การยอมรับความต่างของกันและกัน ด้วยการมองข้ามเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปบ้าง ก็สามารถทำให้ชีวิตคู่ของเราอยู่กันได้ยาวนานมากขึ้น
  2. อย่าคาดหวัง เพราะความคาดหวังว่าสามีหรือภรรยานั้นจะต้องสมบูรณ์ดีพร้อมไปในทุก ๆ เรื่อง เมื่อความจริงที่ปรากฏไม่เป็นเช่นนั้น นั่นก็สามารถทำให้คุณเกิดความผิดหวังขึ้น จนไปบั่นทอนความรู้สึกของคุณและคู่ของคุณเอง ดังนั้น มองทุกอย่างให้เป็นกลาง ยอมรับในข้อดีและข้อเสียของอีกฝ่าย อย่าลืมนะคะว่า แม้แต่ตัวคุณเอง ก็ไม่ได้ดีพร้อมไปเสียทุกเรื่อง
  3. รักแล้วต้องรู้จักให้อภัย อย่ามัวแต่เล่นพ่อแง่แม่งอนกันอยู่เลยค่ะ ในเมื่อคุณตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแล้ว สิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องปฏิบัติและทำให้ได้ก็คือ การรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน อย่าเก็บความโกรธแค้นขุ่นเคืองเอาไว้ในใจ มีอะไรก็พูดจากัน และเมื่อฝ่ายหนึ่งกล้าที่จะขอโทษแล้ว อีกฝ่ายก็ควรรู้จักที่จะให้อภัย
  4. ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าคุณจะแต่งงานมากี่ปีแล้วก็ตาม การหาเวลาอยู่ร่วมกันลำพังบ้างก็ดีนะคะ ถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นได้อย่างชัดเจน คุณอาจจะไม่จำเป็นต้องไปเที่ยวไหนไกล ๆ การหากิจกรรมทำร่วมกันภายในบ้าน หรือทำอะไรดี ๆ เซอร์ไพรส์กันบ้าง ก็ทำให้ชีวิตรักของคุณสดชื่นมากขึ้น
  5. ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานบ้าน การทำมาหาเลี้ยงชีพ การดูแลลูก คุณอาจจะคุยและตกลงกันว่า หน้าที่อะไรบ้างที่คุณหรือคุู่รักจะต้องรับผิดชอบ แต่ถึงกระนั้นก็ดีการแบ่งหน้าที่กันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาหรือเธอจะต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวนะคะ ช่วยเหลือกันบ้างเท่าที่ทำได้ ก็ถือเป็นการกระทำที่ดีและน่ายกย่องแล้ว
  6. ไม่มองข้ามเซ็กส์ จริงอยู่ที่คุณอาจจะหมดไฟ และคิดว่าฉันแก่เกินไปแล้วสำหรับเรื่องนี้ แต่อย่าลืมนะคะว่า หากฝ่ายหนึ่งเกิดความต้องการ และอีกฝ่ายไม่พร้อม … หากปัญหานี้เกิดบ่อยครั้งขึ้น ก็อาจส่งผลให้อีกฝ่ายที่มีความต้องการนั้น ออกไปสนองความต้องการของตัวเองนอกบ้านได้ ดังนั้น หากคุณเบื่อ ทำไมไม่ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปสถานที่ต่าง ๆ ดูกันบ้างละคะ
  7. เคารพความเป็นส่วนตัว ไม่มีใครหรอกค่ะที่จะชอบให้มีคนเข้ามาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของตัวเองมากเกินไป ถึงแม้ว่าจะแต่งงานแล้วก็ตาม การอีกฝ่ายไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง ก็อาจทำให้เกิดความอึดอัดขึ้น ดังนั้น ให้เวลาทั้งกับตัวคุณเองและคู่รักได้มีชีวิตส่วนตัว ได้ทำในสิ่งที่เขาอยากทำดูบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม การกระทำนั้นจะต้องไม่เป็นการเดือดร้อนอีกฝ่ายเด็ดขาดนะคะ

หากคุณรักลูก จงหยุดความไม่รู้จักพอ และใส่ใจคนรอบข้างโดยเฉพาะคนในครอบครัวให้ดี เพื่อลูกจะได้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีจิตใจดีมากกว่าเป็นผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัว … เพราะคุณคงไม่อยากให้ลูกต้องเป็นเช่นนั้นหรอก จริงไหมคะ

เครดิต: สำนักพัฒนาสุขภาพจิต

เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids