เลือกรถเข็นเด็ก อย่างไรให้ถูกใจคุณแม่ สบายตัวคุณลูก ต้องยอมรับว่าปัจจุบันมีรถเข็นสำหรับเด็กในตลาดค่อนข้างเยอะ มีให้เลือกหลากแบบหลายสไตล์ มีทั้งแบบธรรมดา และนวัตกรรมล้ำยุค แล้วจะเลือกแบบไหนดีให้เหมาะมือคุณแม่ สบายตัวคุณลูก เรามีวิธี เลือกรถเข็นเด็ก มาฝากกันค่ะ
เลือกรถเข็นเด็ก อย่างไรให้ถูกใจคุณแม่ สบายตัวคุณลูก
1. ควรเลือกรถเข็นขนาดพอดี ที่ไม่มีรอยต่อในจุดสำคัญ เพราะรถเข็นเด็กเมื่อพับเล็กมากขึ้นเท่าไรก็จะมีรอยต่อมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งมีผลต่อความแข็งแรงและการใช้งาน ทำให้เข็นได้ยากเมื่อเด็กตัวโตขึ้น
2. สามารถถอดซักทำความสะอาดได้สะดวก โดยนำเข้าเครื่องซักผ้าได้
3. มีพื้นที่ด้านล่างขนาดใหญ่ ใส่ของได้มาก
4. พยายามเลือกเบาะรองนอนที่ปรับได้ 170 องศา เพราะกิจกรรมหลักของเด็กทารก คือ กินนมและนอน เบาะที่ปรับให้ศีรษะสูงขึ้นในระดับ 170 องศา จะช่วยลดโอกาสเกิดภาวะกรดไหลย้อนในเด็กได้
5. มีหมอนรองคอและหมอนรองสะโพก ด้วยความที่คอและกระดูกสันหลังของเด็กทารกยังพัฒนาไม่เต็มที่ การเสริมชุดหมอนรองคอและหมอนรองสะโพก จะช่วยประคองให้ศีรษะและหลังยืดเป็นเส้นตรง ช่วยให้ลูกน้อยหายใจได้สะดวก และเติมออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงสมองในขณะหลับได้อย่างเต็มที่
6.มีระบบรองรับการสั่นสะเทือน เรามักจะใช้รถเข็นเด็กส่วนใหญ่ภายนอกบ้าน ฉะนั้นรถเข็นเด็กที่ดีจึงควรมีระบบกันกระแทกด้วย เพื่อให้ลูกน้อยนอนหลับสนิท ไม่รู้สึกว่าถูกเขย่า หรือสั่นตลอดเวลา ทั้งนี้รถเข็นเด็กบางรุ่นอาจมีโช๊คอัพเฉพาะที่บริเวณล้อ บางรุ่นอาจมีเสริมใต้ที่นั่งเพื่อช่วยลดแรงสั่นสะเทือนอีกทางหนึ่ง
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ รถเข็นเด็ก เลือกอย่างไรให้ถูกใจคุณแม่ สบายตัวคุณลูก
เลือกรถเข็นเด็ก อย่างไรให้ถูกใจคุณแม่ สบายตัวคุณลูก
7. มีหลังคา UV กันแดด เด็กทารกมีผิวบอบบางแพ้ง่าย และตาไม่สู้แสงแดดจ้า การมีหลังคาบังแดดที่สามารถคลุมได้มิดชิดจะช่วยปกป้องผิวและดวงตาลูกน้อยจากแสง UV ได้ดี และแม้ไม่ได้อยู่กลางแดด แต่หลังคานี้ยังช่วยปกป้องดวงตาลูกน้อยจากหลอดไฟบนเพดานได้
8. สามารถปรับได้ 2 ทิศทาง เวลาที่ลูกน้อยนอนตาแป๋วในรถเข็น คุณพ่อคุณแม่ควรอยู่ด้านหน้าเขา เพื่อให้ลูกน้อยได้เห็นหน้าตลอดเวลา จะช่วยเสริมความมั่นใจให้กับให้กับเขาด้วยว่า แม้คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้อุ้มก็ยังอยู่ใกล้ๆเสมอ ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่คงเจอเหตุการณ์ลูกร้องไห้ เวลานั่งรถเข็น ในความเป็นจริงเขาไม่ได้ไม่ชอบนั่ง เขาเพียงแต่ไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่ห่างจากสายตาของเขานั่นเอง
9. เบาะรองนอนในรถเข็นเด็ก ควรมีความสูงจากพื้นไม่น้อยไปกว่า 50 ซม. ช่วยให้ลูกรักอยู่ไกลจากฝุ่น สิ่งสกปรกและความร้อนที่สะสมอยู่บนพื้นถนน
10. ผ้าหุ้มและเบาะรองนอนระบายอากาศ รถเข็นเด็กที่ดีมักจะเลือกใช้ผ้าที่มีลักษณะเป็นรูตาข่าย นอกจากจะช่วยระบายอากาศแล้ว ยังช่วยลดความอับชื้นส่งผลให้ศีรษะและหลังของลูกไม่เปียกแฉะในเวลานอน
11. เบาะรองนอนแบบกระจายแรงกดทับ ปัจจุบันมีการคิดค้นเบาะที่เสริมนวัตกรรมพิเศษออกมา รถเข็นเด็กที่ดีจะเลือกใช้เบาะที่ช่วยกระจายแรงกดทับบริเวณหลังทำให้เด็กนอนหลับได้สบาย
12. ล้อหมุนได้ 360 องศาทั้ง 4 ล้อ รถเข็นเด็กที่สามารถหมุนได้ 360 องศาทั้ง 4 ล้อช่วยให้คุณสามารถควบคุมทิศทางการเข็นได้ง่ายมากๆ แต่ข้อควรระวังคือควรเลือกซื้อรถเข็นที่หมุนครั้งละ 2 ล้อเท่านั้น (เมื่อยืนอยู่ด้านหลัง ปล่อยให้ล้อหมุนเฉพาะคู่หน้า และเมื่อยืนอยู่ด้านหน้าก็ควรให้ล้อหมุนเฉพาะคู่หลัง) มิเช่นนั้นจะควบคุมทิศทางไม่ได้เลย
13. ต้องไม่มีจุดหรือขอบที่แหลมคม เพราะอาจทำให้ลูกน้อยบาดเจ็บได้ ในขณะที่ยกแขน ยกขา
14. มีเข็มขัดนิรภัย ที่สามารถยึดได้ทั้งหัวไหล่ และเอว โดยที่ลูกน้อยยังสามารถยกแขนยกขาได้ อย่างไม่อึดอัด
15. สีที่ใช้เคลือบรถเข็นจะต้องไม่มีสารตะกั่วเกินกว่าค่ามาตรฐาน เพราะลูกน้อยอาจเอามือไปจับสีหลุดลอกติดมือ ซ้ำร้ายกว่านั้น เด็กอาจเอาปากไปแทะตามโครงรถเข็นได้ หากเป็นไปได้ควรเลือกรถเข็นโดยใช้มือลูบแล้วไม่มีสีหลุดลอกติดมือมาจะดีกว่า
16. รถเข็นต้องมีระบบเบรก คุณพ่อคุณแม่ควรทดสอบในขณะที่พื้นเอียง และวางน้ำหนักในรถเข็น เพื่อทดสอบดูว่า รถเข็นไม่ไหล เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย
ประเภทของรถเข็นมีอยู่ด้วยกัน 4 แบบ คือ
1. รถเข็นเด็ก แบบ Carriage คือ รถเข็นที่มีลักษณะปรับนอนราบตรงได้ 180 องศา เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด – อายุ 3 ปี
2. รถเข็นเด็กแบบ Stroller คือ ส่วนใหญ่นิยมใช้มากที่สุด โดยเป็นรถเข็นสำหรับให้เด็กนั่ง หรือนอนแบบเอียงๆ ไม่เกินกว่า 150 องศา
3. รถเข็นเด็กแบบ Jogging Stroller รถเข็นสำหรับวิ่ง Jogging ไปพร้อมๆ กับคุณพ่อคุณแม่ เพราะออกแบบให้ใช้เข็นในความเร็วที่เทียบเท่ากับการวิ่ง
4. รถเข็นแบบ Car Seat คือ รถเข็นที่สามารถแปลงร่างมาใช้เป็นที่นั่งนิรภัยในรถได้
ซึ่งคุณพ่อคุณแม่เลือกช็อปรถเข็นดีๆ แบบนี้ได้ กว่า 30 แบรนด์ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษมากมาย ลดสูงสุด 80% ที่ Hall 98-99
ไบเทคบางนา พบกันวันที่ 28 ก.พ. – 3 มี.ค 62 เวลา 10.00 – 20.00 น.