อีกแล้ว!! กับเรื่องจริงที่เกิดขึ้น เมื่อพิษร้ายของ ควันบุหรี่ ทำลูกน้อยเหลือปอดแค่ข้างเดียว
เป็นอีกหนึ่งอุทาหรณ์ที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับครอบครัวที่มีสมาชิกในบ้านสูบบุหรี่ … ไม่สำคัญหรอกว่า คุณจะสูบบุหรี่ต่อหน้าลูกหรือไม่ เพราะควันที่ติดมาตามเสื้อผ้า เล็บ และผม ก็สามารถทำร้ายลูกได้เช่นกัน
พบกับอีกหนึ่งเรื่องราวที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในสังคมออนไลน์ เมื่อคุณแม่โพสต์แชร์เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับลูก ที่ต้องพ่นยาทุกสองชั่วโมง แถมปอดหายไปอีกข้างนึง เพียงเพราะ “ควันบุหรี่” ที่ติดมากับเสื้อพ่อ อ่านต่อเรื่องราวของคุณแม่กันเลยค่ะ
เตือนนะคะ (แชร์ได้) คุณพ่อคุณแม่ที่ชอบสูบบุหรี่ในห้อง เคสนี้เกิดขึ้นกับลูกเราเองคะ ตอนแรกแม่ก็นึกว่า ลูกไข้แบบธรรมดาเพราะกลับมาจากฉีดวัคซีน แต่น้องไอมากไอจนอ้วกแล้วหายใจลำบาก น้องร้องทั้งคืนฟังเสียงน้องหายใจจะได้ยินเหมือนเสียงนกหวีด เลยรีบพาน้องไปโรงพยาบาล ผลออกมาปรากฎ ลูกเป็นหอบและปอดติดเชื้อค่ะ และตอนนี้ปอดน้องก้อหายไปครึ่งนึง1ข้างค่ะ #คุณหมอบอกว่า สาเหตุเป็นเพราะได้สูดรับควันบุหรี่มากไป ต้องคอยพ่นยาทุก 2 ชั่วโมงเลยค่ะ ที่น้องได้รับควันบุหรี่มาก ๆ เพราะว่าแฟนชอบดูดบุหรี่ ไม่ดูดในบ้านก็จริงค่ะแต่ควันที่ติดมาจากเสื้อที่แฟนดูดบุหรี่ แล้วมาอุ้มลูกแล้วลูกเอาหน้าซบกับเสื้อผ้าแฟน ที่บ้านเลี้ยงไก่ด้วยค่ะ มันจะมีตัวไรซึ่งเรามองไม่เห็นเป็นสาเหตุด้วยค่ะ
สงสารลูกเลยค่ะหมอต้องคอยเคาะเสลด ไม่มีไครเจตนาให้มันเกิดขึ้นทั้งสิ้น ตอนนี้หมอพ่นยาทุก 2 ชม. และดูดน้ำมูก เคาะปอดทุก 4 ชั่วโมง
ทราบหรือไม่คะว่า ต่อให้เราจะล้างมือ อาบน้ำสระผม หรือทำความสะอาดสักเท่าไร แค่ควันที่ติดมากับตัวเรานั้น ก็ไม่สามารถลบหายไปได้อย่างสิ้นเชิง และนี่คือสาเหตุที่ว่า ทำไมคนที่สูบ ถึงอันตรายน้อยกว่าคนที่ต้องนั่งสูดกลิ่นทุกวันนั่นเอง
ทำความรู้จักกับควันของบุหรี่มือสองได้ที่หน้าถัดไปค่ะ >>
เครดิต: คุณแม่ Monlika และ HerKid รวมพลคนเห่อลูก
บุหรี่ไม่เพียงก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้สูบเพียงอย่างเดียว แต่ควันบุหรี่ยังสามารถเข้าไปสู่ร่างกายของคนที่ไม่ได้สูบได้ด้วย นั่นเพราะควันของบุหรี่ในอากาศ ยังคงเต็มไปด้วยสารพิษอันตรายต่าง ๆ หากรับเข้าไปในปริมาณมากก็จะเป็นการทำลายสุขภาพ จนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
และร้อยละ 90 ของมะเร็งปอดมีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ ที่เราเรียกกันว่า “บุหรี่มือหนึ่ง” ร้อยละ 30 ของมะเร็งปอดมีสาเหตุมาจากการได้รับควันบุหรี่จากคนที่สูบ ที่เราเรียกกันว่า “ควัน บุหรี่มือสอง” และผู้ที่ได้รับสารเคมีที่ติดค้างอยู่ตามสิ่งของ เสื้อผ้า และกลิ่นตัว ที่เราเรียกกันว่า “ควัน บุหรี่มือสาม”
ภัยของ “ควันบุหรี่” มือสอง
ควันบุหรี่อยู่ในอากาศได้นาน 48 ชั่วโมง คนที่มีโอกาสได้รับอันตรายจากบุหรี่มากที่สุด ได้แก่ เด็กๆ โดยเฉพาะ ทารก คุณพ่อ คุณแม่ ที่สูบบุหรี่ขณะที่ลูกอยู่ด้วย ลูกมีโอกาสป่วยเป็นหอบหืดถึงร้อยละ 20 – 40 ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ชนิดใดๆ ถือเป็นอันตรายต่อสุขภาพทั้งนั้น
1.กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และเด็กทารก กลุ่มนี้หากได้รับควันของบุหรี่มือสอง มีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนในระหว่างการตั้งครรภ์และคลอดบุตร โดยอาจมีอาการครรภ์เป็นพิษ แท้ง คลอดก่อนกำหนด และเกิดอาการไหลตายในเด็กสูงขึ้น รวมถึงทารกแรกคลอดมีความเสี่ยงที่จะมีน้ำหนักตัวและความยาวน้อยกว่าปกติ พัฒนาการทางสมองช้ากว่าปกติ และอาจมีความผิดปกติทางระบบประสาท และระบบความจำ
2.กลุ่มเด็กเล็ก กลุ่มนี้จะทำให้เกิดความเจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น หลอดลมอักเสบ ปอดบวม และมีอัตราการเกิดโรคหืดเพิ่มขึ้น เกิดการติดเชื้อของหูส่วนกลาง และในระยะยาว เด็กที่ได้รับควันของบุหรี่มือสองจะมีพัฒนาการของปอดน้อยกว่าเด็กที่ไม่ได้รับควันบุหรี่
3.กลุ่มผู้ใหญ่ กลุ่มนี้จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้น 25-30% เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้น 20-30% เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งที่ลำคอมากกว่าผู้ที่ไม่ได้รับควันบุหรี่ถึง 3 เท่า เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ได้แก่ กล่องเสียง ช่องปาก หลอดอาหาร และกระเพาะปัสสาวะ มากกว่าผู้ที่ไม่ได้รับควันของบุหรี่ 2 เท่า ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบหลอดเลือดหัวใจทันทีที่ได้รับควันบุหรี่มือสอง และสำหรับผู้ที่มีอาการหอบ หืด โรคหัวใจ และโรคหลอดลมอักเสบร่วมด้วย จะทำให้อาการของโรคเพิ่มมากขึ้น
ดีอย่างไรหากพ่อแม่เลิกบุหรี่เพื่อลูก
ประโยชน์จากการเลิกสูบบุหรี่
การเลิกบุหรี่สามารถทำได้ตั้งแต่วันนี้ พรุ่งนี้เลยค่ะ ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันรณรงค์งดสูบบุหรี่โลก หรือช่วงเทศกาล เข้าพรรษาแล้วค่อยมาตัดสินใจเลิก เพราะถ้าเลิกสูบได้เร็ว นั่นเท่ากับเป็นต่อชีวิตให้ยืนยาวมากขึ้น ยิ่งโดยเฉพาะในครอบครัวที่มีลูกเล็กๆ ไม่ใช่แค่พ่อหรือแม่เท่านั้นที่จะมีสุขภาพที่ดี ลูกๆ ก็จะมีสุขภาพที่ดีไปด้วยพร้อมกัน ผู้เขียนมี ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับหลักจากเลิกบุหรี่มาฝากทุกครอบครัวดังนี้คือ…
- ช่วยการไหลเวียนเลือดของคุณจะดีขึ้น
- ช่วยลดความเสี่ยงของหัวใจวายลดลง
- ช่วยให้ปอดสะอาด
- ช่วยให้ประสาทรับรู้ด้านกลิ่นและรสชาติกลับมาทำงานได้ดีเหมือนเดิม
- ช่วยให้หายใจได้โล่งสบายมากขึ้น
- ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งปอด
- ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด
- ช่วยให้กลิ่นเนื้อตัว กลิ่นปากสะอาดไม่เหม็น
หยุดกันเถอะค่ะ! เพราะเราคงไม่อยากให้ทุกคนตราหน้าเราได้ว่า “ทำร้ายลูก” กันใช่ไหมล่ะคะ ทั้งนี้ไม่ใช่เพื่อตัวของคุณพ่อคุณแม่เองเท่านั้น แต่เพื่อลูกและคนที่เรารักทุกคน
เครดิต: MGR Online
อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่