AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

จริงหรือ? ความถี่ของการมี เซ็กส์บอกเพศลูก ได้

จริงหรือไม่? เซ็กส์บอกเพศลูก

เป็นความเชื่อหรือคือความจริง? ที่ใคร ๆ ต่างพากันเข้าใจว่า ท่าเซ็กส์และความถี่ของการมี ” เซ็กส์บอกเพศลูก ” ของเราได้! งานนี้คุณหมอจะมาเปิดเผยข้อเท็จจริงให้พวกเราได้เข้าใจกันค่ะ

 

นายแพทย์ ฉัตรชัย ตรีธรรมพินิจ อาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์ นารีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า สมัยก่อนนั้นยังไม่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเหมือนกับในสมัยนี้ ดังนั้น จึงเกิดเป็นที่มาของเรื่องราวการมี เซ็กส์บอกเพศลูก ขึ้น! ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของท่าทางแบบไหนถึงจะได้ลูกสาว ท่าทางแบบไหนถึงจะได้ลูกชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเชื่อที่ว่า มีเซ็กส์ห่าง ๆ จะได้ลูกชาย มีเซ็กส์ถี่ ๆ จะได้ลูกสาว เป็นต้น

จริงหรือไม่? เซ็กส์บอกเพศลูก 

จากหลักการดังกล่าว ทำให้เกิดเป็นงานวิจัยขึ้น ซึ่งผลสรุปของการมีโอกาสเกิดขึ้นนั้น คิดได้เป็น 50 เปอร์เซ็นต์ โดยนายแพทย์ฉัตรชัยยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “เราพิสูจน์มาหมดแล้วว่าทั้งทำสำเร็จและไม่สำเร็จมีผลเท่ากันนั่นคือครึ่ง ๆ อย่างคนที่ใช้วิธีเหล่านี้สำเร็จก็เข้ามาในอินเทอร์เน็ตมาเขียนแนะนำคนอื่น และคนที่กล่าวหรือเขียนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เป็นแพทย์เมื่อได้ยินหรือได้ข้อมูลมาจากหลาย ๆ ที่จึงนำมารวบรวมและเขียนเรียบเรียงใหม่เพื่อให้คนอ่านเห็นภาพ ด้านคนที่ทำแล้วไม่สำเร็จได้เพศไม่ตรงตามต้องการก็ไม่รู้จะไปบอกคนอื่นทำไมจึงเก็บไว้เงียบ ๆ จึงทำให้คนอ่านผู้ที่สนใจคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องจริง”

จริงหรือไม่? สวนล้างช่องคลอด ช่วยกำหนดเพศลูก

นอกจากนี้นายแพทย์ฉัตรชัย ยังได้อธิบายตามหลักวิชาการเรื่องการสวนล้างช่องคลอดด้วยว่า ไม่สามารถทำให้เลือกเพศลูกได้เช่นกัน “อสุจิเมื่อถูกหลั่งออกมาจะมีลักษณะเป็นเจลอยู่ระยะเวลาหนึ่ง โดยในเจลนั้นจะมีตัวอสุจิกระดุกกระดิกไปมา หลังจากนั้นเจลก็ค่อย ๆ ละลาย ด้านฝ่ายหญิงช่วงไข่ตกจะมีมูกใส ๆ ออกมาจากรูปากมดลูก และผู้หญิงก็จะรู้ว่าอาการตกขาวจะเป็นแฉะ ๆ ซึ่งแฉะที่ว่าเมื่อจับดูจะลื่นมากเพราะเป็นสารประกอบประเภท glycoprotein ความละเอียดก็เหมือนเส้นไหมเล็ก ๆ พอมันออกมาจากรูปากมดลูก แล้วเจลของน้ำอสุจิที่อยู่ในช่องคลอดลึก ๆ ซึ่งอยู่ติด ๆ กัน พอเจลเริ่มละลายอสุจิก็วิ่งเข้าไปในมูกใสทันที จะเห็นได้ว่าตัวอสุจิไม่ได้แตะอะไรกับช่องคลอดเลย การล้างช่องคลอดให้เป็นกรดหรือด่างจึงไม่เป็นประโยชน์ต่อการเลือกเพศลูก แต่กลับเป็นผลเสียต่อร่างกายผู้หญิงด้วยซ้ำ เพราะในช่องคลอดจะมีเชื้อแบคทีเรียประจำถิ่นประมาณสิบชนิดที่อยู่ในภาวะสมดุล ถ้ามีการเปลี่ยนภาวะตรงนี้เชื้อโรคบางตัวก็จะเด่น ร่างกายควบคุมไม่ได้ก็เลยกลายเป็นตกขาวมีกลิ่น ช่องคลอดอักเสบ ซึ่งหลักการแพทย์ไม่แนะนำให้สวนล้างช่องคลอด”

มื่อเข้าใจหลักการเรื่องนี้ จึงทำให้ลักษณะท่าทางการร่วมเพศไม่มีผลต่อการเลือกเพศลูกเช่นกัน ดังนั้น ไม่ว่าจะนอนท่าไหน หรือท่าทางขณะมีเพศสัมพันธ์และหลังมีเพศสัมพันธ์จะเป็นอย่างไรก็ไม่ได้มีผลอะไรต่อการเลือกเพศลูกเลย

ทำไมถึงมีลูกยากจัง อยากรู้คลิก!


เครดิต: Noyshop และ ผู้จัดการรายวัน

การที่คู่สามีภรรยาจะมีลูกได้ยากหรือง่ายนั้น มักจะขึ้นอยู่กับ

ภาวะมีบุตรยากคืออะไร

ภาวะมีบุตรยาก (Infertility) คือ ภาวะที่คู่สมรสไม่สามารถตั้งครรภ์ได้หลังจากพยายามมีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 วัน โดยไม่ได้คุมกำเนิดมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะต้องรอให้ครบ 1 ปีก่อนแล้วจึงค่อยมาพบแพทย์นะคะ เพราะในความเป็นจริงนั้นบางคู่ก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าตนเองมีปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลให้มีลูกได้ยาก เช่น ฝ่ายหญิงมีสุขภาพไม่แข็งแรง มีอายุมากกว่า 35 ปี มีรอบเดือนไม่สม่ำเสมอ มีประวัติเคยผ่าตัดหรือมีการอักเสบในช่องท้องมาก่อน หรือในฝ่ายที่รู้ตัวว่ามีสุขภาพไม่แข็ง เคยมีอุบัติเหตุหรือมีการติดเชื้อรุนแรงที่อวัยวะเพศมาก่อน เป็นต้น

อยากมีลูกต้องทำอย่างไร คลิก!

อยากมีลูกต้องทำอย่างไรบ้าง?

  1. เริ่มวางแผนการมีลูกเสียตั้งแต่อายุยังน้อย ช่วงวัยที่เหมาะสมและมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้มากที่สุดคือ ช่วงอายุ 20 – 30 ปี เนื่องจากร่างกายมีความสมบูรณ์เต็มที่
  2. ร่วมเพศให้ถูกวัน โดยปกติแล้วไข่จะตกในช่วงประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนที่ประจำเดือนรอบใหม่จะมา ถ้าสตรีมีรอบเดือนมาสม่ำเสมอและมีรอบเดือนมาทุก ๆ 28 วันเสมอ วันไข่ตกก็อยู่ในช่วงวันที่ 14 ของรอบเดือน (นับวันที่ประจำเดือนมาวันแรกเป็นวันที่ 1 ของรอบเดือน) ดังนั้น ฝ่ายชายจึงสามารถเริ่มมีเพศสัมพันธ์ในช่วงก่อนวันตกไข่ได้ประมาณ 2 วัน คือ ตั้งแต่วันที่ 12 ของรอบเดือน เพราะอสุจิจะมีชีวิตรอผสมไข่อยู่ได้ประมาณ 2 วันก่อนการตกไข่ (มีคำแนะนำว่าให้มีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 13, 15 และ 17 ของรอบเดือน เพราะเป็นช่วงวันไข่ตก โดยดักทั้งหน้า กลาง และหลังวันไข่ตก)
  3. เพิ่มความถี่ของการมีเซ็กส์ โดยทั่วไปจึงมีคำแนะนำให้มีเพศสัมพันธ์วันเว้นวันหรือ 2 วันครั้ง จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้มากกว่า เพราะอสุจิที่ปล่อยออกมาจะมีความสมบูรณ์แข็งแรงมากกว่าการหักโหมมากเกินไป
  4. ให้ฝ่ายหญิงถึงจุดสุดยอด ยิ่งจะช่วยเพิ่ม โอกาสในการตั้งครรภ์ให้มากขึ้น เพราะเมื่อฝ่ายหญิงถึงจุดสุดยอด จะมีการหลั่งน้ำเมือกที่ช่วยนำอสุจิให้ไปถึงไข่ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งช่องคลอดยังมีการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อในท้องน้อยหลายครั้ง จึงมีผลทำให้เกิดแรงดูดน้ำอสุจิเข้าไปในโพรงมดลูกได้มากขึ้นด้วย
  5. พยายามไม่เครียด ในกรณีของฝ่ายหญิงเกิดความเครียด ร่างกายจะส่งผลให้ประจำเดือนขาดหายหรือมาผิดปกติ เกิดภาวะไม่ตกไข่ ทำให้ไข่เจริญเติบโตได้ไม่สมบูรณ์ และทำให้ไข่ที่ปฏิสนธิแล้วฝังตัวที่มดลูกได้ยากขึ้น ส่วนฝ่ายชายนั้นหากเครียดละก็ จะส่งผลให้ระดับฮอร์โมนและจำนวนอสุจิลดต่ำลง มีการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
  6. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ และดื่มกาแฟให้น้อยลง การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เป็นประจำจะลดโอกาสการมีลูกลงถึงร้อยละ 50 เพราะจะทำให้ปริมาณของอสุจิลดลง ไม่แข็งแรง เคลื่อนไหวไม่ดี หรือมีรูปร่างผิดปกติได้
  7. หลีกเลี่ยงการใช้เจลหล่อลื่นในขณะร่วมเพศ เพราะการใช้เจลหล่อลื่นั้น สามารถลดการเคลื่อนไหวของอสุจิลงร้อยละ 60-100 จึงทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้น้อยลงนั่นเอง

สำคัญที่สุดสำหรับฝ่ายชาย ไม่ควรให้ลูกอัณฑะใกล้ของร้อนหรือสารที่มีรังสี เช่น ไม่ควรวางคอมพิวเตอร์แล็บท็อปบนตัก ใส่โทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋ากางเกง ไม่ควรอาบน้ำอุ่นหรือแช่น้ำร้อนเวลามีเพศสัมพันธ์ และควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากจะช่วยลดความเครียดแล้ว ยังเป็นการควบคุมน้ำหนัก มีสุขภาพแข็งแรง ทีนี้เรื่องการมีลูกก็จะไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วละค่ะ

เครดิต: MedThai

อ่านเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids