มีอยู่วันหนึ่งอาตมาไปงานศพที่จังหวัดสมุทรสาคร ลูกสาวเป็นพยาบาล แม่ผ่าตัดแล้วเป็นโรคหลงลืม กินไม่รู้ นอนไม่รู้ ไม่รู้จักลูก ลูกคนอื่น ๆ พยาบาลไม่ได้เพราะไม่มีเวลา ลูกคนหัวปีเลยเอาแม่ไปเลี้ยง แม่เหมือนกลับกลายเป็นเด็กอีกครั้ง เสื้อผ้าก็ต้องนุ่งให้ ต้องช่วยอาบน้ำเช็ดอุจจาระปัสสาวะ
คิดดูซิ! แม่ทำอะไรไม่ได้เลย แม่ช่วยตัวเองไม่ได้ กินข้าวก็กินเองไม่ได้ ต้องให้ลูกคอยป้อน เขาปรนนิบัติแม่อยู่ ๔-๕ ปี กตัญญูมากเลย เขาบอกว่าทำให้เขาได้ซึ้งในบุญคุณของพ่อแม่ ทำให้เขาได้กลับมาตอบแทนพ่อแม่เหมือนตอนที่พ่อแม่ได้เลี้ยงเขามาสมัยเด็ก ๆ ไม่ต่างกัน ลูกหลาย ๆ คนทำให้แม่คนเดียวไม่ได้ แต่ทีทำให้ลูกๆ ของตัวเองกลับทำได้ แล้วเขาก็ทำบุญอุทิศให้แม่เป็นพันเป็นหมื่น นิมนต์พระมาถวายอาหารทั้งอำเภอเลย
นอกจากนั้นยังให้ทุนการศึกษาเด็กยากจน ให้ทุนอาหารเด็กนักเรียนอีกไม่ใช้จะเลี้ยงพ่อแม่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการทำบุญให้พ่อแม่อีก คนเราถ้าเป็นอย่างนี้แล้วลูกหลานก็คล้อยตาม ต่อไปพอเราแก่หรือเจ็บป่วย ลูกหลานก็ต้องเลี้ยงดูและพยาบาลเราอย่างนี้
คนเราทุกวันนี้มีวิชาความรู้มากยิ่งไกลจากพ่อแม่มาก ยิ่งศึกษาสูงเท่าไร ยิ่งทอดทิ้งพ่อแม่มากขึ้นเท่านั้น ต่อไปพ่อแม่จะต้องเดียวดาย เพราะเขาไม่ศึกษาธรรมะ เขาไม่ศึกษาเรื่องพระพุทธศาสนา…เรื่องกตัญญูรู้คุณ เขามัวศึกษาแต่ความเจริญทางวัตถุ เขาจะต้องทอดทิ้งให้เราเป็นคนแก่ที่ไร้สาระ ถูกทอดทิ้งให้ลำบาก
สมัยก่อน คนเราไม่ได้มีการศึกษาอะไรกันมาก คนจะรักพ่อรักแม่ ดูแลพ่อแม่ยันตาย ถ้าเราศึกษามากเท่าไรเราต้องศึกษาธรรมะมากเท่านั้น ให้ธรรมะเจริญในใจของเราจนเกิดความรู้ความเข้าใจ เราจะได้ไม่ทอดทิ้งผู้มีพระคุณ
วันนี้โยมระลึกถึงพระคุณพ่อพระคุณแม่ได้หรือยังว่าท่านให้อะไรแก่เราบ้าง…แล้วอะไรล่ะที่เราให้พ่อแม่ได้บ้าง? ความสบายใจที่พ่อแม่ต้องการ เราให้ท่านหรือยัง? พ่อแม่นั้นหวังเพียงอย่างเดียวคือ…ให้ลูกเจริญ ที่เคี่ยวเข็ญทุกวันนี้ก็เพราะอยากให้ลูกเจริญอยากให้ลูกรวย อยากให้ลูกมีการศึกษาดีมีงานทำ ไม่อาภัพเหมือนคนอื่น คืออยากให้ได้ดีความปรารถนาของพ่อแม่ไม่มีอะไรมากไป กว่าให้ลูกได้ดี แก้วแหวนเงินทองก็ไม่อยากได้จากลูก มีแต่อยากจะเอาไปให้ลูกให้มากขึ้น
เรื่องเหล่านี้ทำไมเราจึงคิดไม่ได้?…อะไรปิดบังใจเราอยู่?…ทำไมเราจึงเสียสละให้พ่อแม่ไม่ได้?…อะไรปิดบังใจเราอยู่?…เราสละให้ลูกของเราได้ แล้วทำไมเราสละให้พ่อแม่ของเราไม่ได้..พ่อแม่ของเราก็เหมือนกัน ท่านสละให้เราได้ แต่ทำไมสละให้พ่อแม่ของตัวเองไม่ได้?…มันก็คงจะเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกกระมัง!
ถ้าเรามีลูกมีหลานต่อไปก็คงจะต้องทำกันอย่างนี้เรื่อยไป ไม่มีใครตอบสนองบุญคุณด้วยการทำให้เราสบายใจเลย เราจะต้องเข้าใจและใส่กันให้มากเรื่องอย่างนี้ เพราะมันเป็นเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในทุกวันนี้ เราเกิดมามีพ่อมีแม่ มีผู้มีพระคุณให้เรา ไม่ใช่ไม่มีใครให้เรา บางคนถึงพ่อแม่จะไม่เคยเลี้ยงดูเรามา แต่อย่างน้อยเลือดเนื้อกายใจนี้ท่านก็ให้เรามา เพียงเท่านี้ก็ถือว่าเป็นพระคุณสูงสุดแล้ว
เรามีปากเอาไปชมเชยพ่อแม่ เอาไปสรรเสริญพ่อแม่ เอาไปเรียกพ่อแม่กินข้าวกินน้ำไม่ใช่มีปากเอาไว้เถียงพ่อแม่ เอาไปด่าว่าพ่อแม่ให้เจ็บช้ำใจ เรามีตาเอาไปมองดูแลพ่อแม่ให้พ่อแม่มีความสุข ไม่ใช่เอาตาไปค้อนไปควักพ่อแม่ให้เจ็บช้ำ ไม่ไปมองพ่อแม่เหมือนไร้ความหมาย ก็ขอให้เราได้เข้าถึงความเป็นพ่อแม่ที่ดีกันทุกคน
ทั้งหมดนี้ คือสาเหตุที่ทำไม เราทุกคนถึงต้องให้ความสำคัญกับพระในบ้านให้ดีเสียก่อน ๆ ที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป … ช่วยกันดูแลท่านให้ดีวันนี้ หาข้าวหาปลาให้ท่าน พาท่านไปทำบุญ ถามหาสารทุกข์สุกดิบ … ถึงแม้สิ่งเหล่านี้จะไม่ได้ช่วยให้อำนาจบารมีหรือได้ตำแหน่งที่ใหญ่โตขึ้น แต่เชื่อเถอะค่ะว่า … การกระทำเหล่านี้ ความกตัญญูทั้งหลาย จะเป็นบันไดไปสู่ทุก ๆ อย่างเอง
เครดิต: กายนี้ของพ่อแม่ โดยหลวงพ่อสนอง กตปุญโญ
อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่