ทุกวันนี้ เรานึกถึงพระคุณท่านกันแล้วหรือยัง?
เรื่องนี้เราคิดได้หรือยัง? คิดถึงบุญคุณของพ่อแม่ได้หรือยังว่าท่านทำอะไรให้เราบ้าง … มากน้อยแค่ไหนในชีวิตนี้ ตั้งแต่อุ้มท้องมาเก้าเดือน เลี้ยงดูจนถึงทุกวันนี้ พ่อแม่ให้อะไรเราบ้าง…คิดได้หรือยัง? แล้วเราได้ให้อะไรแก่พ่อแม่หรือยัง? ยังเลย! เราให้แต่ลูกของเรา ให้แต่สามีภรรยาของเรา เรายังไม่เคยย้อนกลับไปให้แม่ของเราเลย เพราะเราลืมบุญคุณ เราไม่ได้คิดว่าพ่อแม่เลี้ยงดูรักเรามากถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
เราคิดได้แต่เพียงว่าเรารักลูกของเรา อยากจะให้สิ่งดี ๆ กับพวกเขา แต่เราไม่เคยคิดว่าพ่อแม่ก็ให้เราอย่างนี้มาก่อนเช่นกัน มันเป็นกงกรรมกงเกวียนที่ปิดบังหัวใจมนุษย์ให้นึกไม่ออก ให้หลง ให้งงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ไม่สามารถออกจากทุกข์ได้ ไม่เหมือนพระอรหันต์ ไม่เหมือนพุทธเจ้า ไม่เหมือนผู้กตัญญูรู้คุณ จะมองออกเลยว่า…ใช่! เรายอมรับ เรารักลูกของเราอย่างไร พ่อแม่ก็รักเราอย่างนั้น เราเสียสละให้ลูกของเราอย่างไร พ่อแม่ก็เสียสละให้เราอย่างนั้น เจ็บแทนลูกได้ ตายแทนลูกได้…
แต่เมื่อลูกโตแล้วก็ไม่เคยคิดที่จะเสียสละให้พ่อแม่อย่างนั้นเลย กลับเถียงกลับว่ากลับ มองพ่อแม่ในแง่ไม่ดี กลับไม่เข้าใจพ่อแม่ หาว่าคนแก่เป็นแผ่นเสียงตกร่อง ว่าพ่อแม่เป็นแผ่นเสียงตกร่อง พูดแล้วก็พูดอีกเป็นหนังเก่าฉายแล้วก็ฉายอีก เราก็มานั่งบ่นนั่งว่าพ่อแม่เอาจุดที่พ่อแม่นี่เองมาย้อนพ่อแม่ให้เจ็บช้ำใจ พอเรามีลูก เราก็เป็นแผ่นเสียงตกร่องต่อไปอีก หนังเก่าฉายใหม่เหมือนกัน เป็นกงเกวียนกำเกวียนไม่มีผิดเลย ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น
ถ้าเราไม่อยากให้เป็นกงเกวียนกำเกวียน ก็ต้องไม่ว่าพ่อแม่ นิ่งเฉยเสีย ยอมอดทน ถือว่าเป็นเรื่องของคนแก่ เป็นพ่อคนแม่คนก็ต้องบ่นอย่างนี้เอง เพราะความรักความห่วง ถ้าไม่รักไม่ห่วงไม่มีบ่นเลย ที่บ่นที่ด่าลูกก็เพราะความรักความห่วง กลัวลูกจะไม่ได้ดี
เมื่อเราคิดได้อย่างนี้เราจะทะนุถนอมพ่อแม่เหมือนเรารักลูกเลย เราทะนุถนอมลูกของเราเท่าไร เราก็ทะนุถนอมพ่อแม่ของเราเท่านั้น อันนี้จึงว่าเป็นบุคคลฉลาด เป็นบุคคลประเสริฐที่รู้บาปบุญคุณโทษว่าพ่อแม่รักเราอย่างไร…