สิ่งที่ไม่ควรโพสต์ลงโซเชียล
อย่าโพสต์รูปลูกลงโซเชียล
ถ้าไม่อยากถูกพวกโรคจิต Save รูปไปจิ้น
เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา คุณแม่ท่านหนึ่งได้เข้าแจ้งความกับตำรวจแล้ว เนื่องจากมีญาติๆ พบเห็นว่ามีเฟซบุ๊กของชายคนหนึ่งนำภาพลูกสาวของคุณแม่ ไปมโนว่าเป็นหลานของตัวเอง ซึ่งเป็นรูปเก่าๆ ของลูกที่คุณแม่โพสต์ไว้หลายปีแล้ว ชายดังกล่าวนำมาเล่นเรื่องเป็นตุเป็นตะว่าไปรับที่โรงเรียน ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันมาก่อน
คุณแม่แสดงความกังวลและต้องการออกมาเตือนคุณแม่ทุกท่านให้ระวังผู้ไม่หวังดีนำรูปลูกของตนเองไปใช้โดยไม่ทราบเจตนา ซึ่งในโพสต์ของชายดังกล่าวนั้นก็มีคนเชื่อและชื่นชมความน่ารักของเด็ก ทั้งๆ ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางเครือญาติกันเลย คุณแม่จึงร้อนใจเข้าแจ้งความก่อนจะเกิดเหตุไม่ดีขึ้นอีก
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อาจไม่ใช่ครั้งแรกในบ้านเรา แต่เมื่อถูกแชร์มากทำให้ถูกพูดถึงและเป็นประเด็นทางสังคมว่าควรช่วยกันออกมาปกป้องสิทธิของเด็ก เพราะเด็กเองก็เลือกไม่ได้ว่าอยากจะเผยแพร่รูปของตัวเองหรือไม่ และอนาคตหากลูกย้อนกลับมาดูภาพ จะเหมาะสมหรือไม่?
ตัวอย่างประเทศเพื่อนบ้านที่เริ่มออกมาพูดถึงสิทธิของเด็ก และความปลอดภัยทางโซเชียลคือมาเลเซีย โดย กระทรวงการพัฒนาสังคม สตรี และความมั่นคงของประเทศมาเลเซีย ได้ยกตัวอย่างจากต่างประเทศมีการรณรงค์เรื่องการโพสต์รูปเด็กผ่านโซเชียลมีเดีย อย่างจริงจัง เพราะ รูปเด็กน่ารัก อาจจะกลายเป็นเป้าของพวกชอบมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก และอาจจะถูกสูบรูปไปโพสต์ไว้ในกลุ่มเว็บไซต์ของคนกลุ่มนี้ ซึ่งเมื่อภาพถูกเผยแพร่ไปโดยง่ายแล้วก็ยากที่จะสืบหาที่มาว่ามาจากไหน ตัวอย่าง สหรัฐอเมริกาที่มีกฏห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่ให้มีบัญชีผู้ใช้โซเชียลมีเดีย ทั้งอินสตาแกรม เฟซบุ๊ก และอื่นๆ
อ่านวิธีป้องกันก่อนโพสต์รูปลงโซเชียลได้ที่หน้า 2
ภัยอันตรายที่ไม่คาดคิดอย่างหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กๆ ลูกหลานของเราอย่างหนึ่งนั้น อาจมาจากกลุ่มคนโรคจิตที่ติดตามสอดส่องบุตรหลานของเราผ่านโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นเด็กชายหรือเด็กหญิงก็อันตรายทั้งนั้น
สิ่งที่ไม่ควรโพสต์ลงโซเชียล เพื่อความปลอดภัยของลูก
- ที่ตั้ง สถานที่ เช่น … เพิ่งไปส่งที่โรงเรียน หรือ กำลังไปเที่ยวห้างกัน เพราะเด็กอาจถูกติดตามลักพาตัวได้ง่าย
- ข้อมูลเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เช่น … ลูกกับแม่กำลังมาเทียวกับเพียงลำพัง เพราะผู้ไม่หวังดีอาจติดตามรอความชะล่าใจของผู้ปกครองเพื่อเข้าใกล้เด็กได้
- ภาพเปลือย ไม่ว่าวะจะเป็นเด็กทารก เด็กหญิง หรือ เด็กชาย เพราะจะมีพวกโรคจิตไม่หวังดีนำไปเผยแพร่ต่อได้
- รายละเอียดของลูก ว่าเรียนที่ไหน ชอบทำอะไร เพราะผู้ไม่หวังดีสามารถนำข้อมูลนี้ไปตีสนิทเพื่อเข้าใกล้เด็กได้
- ที่อยู่หรือเบอร์โทรของผู้ปกครอง เพราะพวกไม่หวังดีอาจจะติดต่อแฝงมาในรูปแบบอาชญากร แสร้งใช้พูดจาหลอกล่อเด็กได้ว่ารู้จักหรือเป็นเพื่อนกับคุณพ่อคุณแม่จริงๆ
และอย่าลืมสอนให้ลูกรู้จักปฏิเสธการพูดคุยกับคนแปลกหน้า นอกจากนี้ผู้ใหญ่ต้องคอยจับตาดูแลเด็กอย่างใกล้ชิดไม่ให้คลาดสายตาเพราะยังมีผู้ไม่หวังดีจำนวนมากแฝงตัวอยู่ในสังคม และเราก็ไม่อยากให้ลูกของเราตกเป็นเหยื่อ!
ที่มาจาก : http://goo.gl/DBbyJC, https://sg.news.yahoo.com/minister-don-t-share-pictures-kids-social-media-085100319.html?soc_src=social-sh&soc_trk=fb