AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ไม่อยากให้ครอบครัวพัง อย่าปล่อยให้แม่ต้อง เลี้ยงลูกคนเดียว

ไม่อยากให้ครอบครัวพัง อย่าปล่อยให้แม่เลี้ยงลูกคนเดียว

เลี้ยงลูกคนเดียว มันเหนื่อยและเครียด … ยิ่งเห็นหน้าคนที่ไม่แบ่งเบาภาระแล้ว ยิ่งเบื่อเข้าไปใหญ่!

เพราะทีมงาน Amarin Baby and Kids เล็งเห็นถึงความสำคัญของสถาบันครอบครัว และไม่อยากให้มีใครคนใดคนหนึ่งต้องเลี้ยงลูกลำพัง จึงได้ขอหยิบยกเรื่องราว ๆ หนึ่งมาฝากคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านกันค่ะ

ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนี้ เป็นเรื่องราวของคุณแม่ท่านหนึ่งได้โพสต์ถาม นายแพทย์สุกมล วิภาวีพลกุล จิตแพทย์ประจำโรงพยาบาลพญาไท 2 พร้อมกับเล่าเรื่องราวของตนเองที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่างคนเดียว จนส่งผลให้เบื่อหน่ายสามี และนี่คือจุดเริ่มต้นของปัญหาชีวิตคู่

 ถาม : ดิฉันกับสามีแต่งงานกันมา 4 ปีกว่า เพิ่งมีลูกคนแรกอายุ 10 เดือน สามีชอบเด็กและอยากมีลูกมาก แต่ตัวเองไม่อยากมีลูก พอมีลูกแล้วก็เลี้ยงเอง รู้สึกว่าตัวเองจะเครียดมาก อารมณ์เสียบ่อย และหงุดหงิดง่าย ดิฉันรู้สึกเหนื่อยที่ต้องทั้งเลี้ยงลูกและทำงานบ้านเอง ถึงแม้สามีจะช่วยเหลือบ้างแต่ต้องเอ่ยปากขอร้อง บ่อย ๆ เข้าก็เป็นความหน่าย หมดความอดทนแล้วจึงทะเลาะกันบ่อยขึ้น ดิฉันรู้ตัวดีว่าเป็นแม่ที่ดีไม่ได้ และเป็นคนมีโลกส่วนตัว คือ ไม่พร้อมจะเสียสละทุกอย่างเพื่อลูก อยากมีชีวิตของตัวเองบ้าง อยากเรียนปรึกษาว่าจะทำอย่างไรให้ชีวิตคู่ราบรื่นให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีความสุข ดิฉันต้องปรับปรุงตัวอย่างไร

ไม่อยากให้ครอบครัวพัง อย่าปล่อยให้แม่ต้อง เลี้ยงลูกคนเดียว

งานนี้ นายแพทย์สุกมล วิภาวีพลกุล จิตแพทย์ประจำโรงพยาบาลพญาไท 2 ได้มาให้คำแนะนำดังนี้ค่ะ 

“ความทุกข์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะคุณกำลังดำเนินชีวิตที่ไม่ใช่ตัวของตัวเอง ไม่ได้ทำในสิ่งที่รัก การฝืนใจทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นต้นตอของความเครียดที่เรื้อรัง จริง ๆ แล้วชีวิตมนุษย์เรามี 4 ด้าน คือ การงาน ครอบครัว ส่วนตัว และสังคม ดูจากข้อมูลที่คุณเขียนมา เห็นว่าคุณใช้เวลากับเรื่องครอบครัว และให้เวลาอีก 3 ด้านที่เหลือน้อยลงไป ไม่ได้ทำงานที่สร้างความสำเร็จให้ภาคภูมิใจ ไม่ได้พักผ่อนมีเวลาว่างที่จะได้อยู่คนเดียว รวมทั้งการพบปะเพื่อนฝูง ทุกวัน ๆ ทำอยู่อย่างเดียวคือ การเลี้ยงลูกตลอด 24 ชั่วโมง

ผู้หญิงเกือบทุกคนจะมีสัญชาตญาณของความเป็นแม่ เลี้ยงลูกด้วยความรัก แต่หากต้องเลี้ยงลูกอย่างเดียวทั้งวัน สิ่งที่ควรจะรักก็กลายเป็นเรื่องน่าเบื่อได้ เช่น ถ้าให้ผมตรวจคนไข้ทั้งวันจนแทบไม่ได้พัก ผมก็คงรู้สึกเหนื่อยหน่ายจนกลายเป็นหมอที่ทำตัวหงุดหงิด แผ่รังสีอำมหิตให้คนรอบข้างได้เหมือนกัน

เครดิตๅ: Dreamstime

การแก้ปัญหาระยะแรกนี้ ผมแนะนำว่าคุณต้องได้พัก ชนิดที่มีเวลาอยู่คนเดียว ถ้าอยู่บ้านทั้งวันแล้วก็ควรพักแบบเอาตัวเองไปอยู่นอกบ้านบ้าง ในช่วงที่สามีมาดูแลลูก คุณอาจจะออกไปเดินเล่นตามห้างฯ หรือออกกำลังกายที่สวนสาธารณะก็ได้

คุณต้องมีผู้ช่วย เพราะการเลี้ยงเด็กวัย 1 ปี เป็นความเหน็ดเหนื่อยมาก อาจจ้างแม่บ้านหรือให้ญาติสนิทที่ไว้ใจได้มาผลัดเปลี่ยน และคุณจะไม่เหนื่อยมากเกินไป

ควรมีวันหยุดต่อเนื่องที่คุณและสามีได้ใช้ชีวิต ‘สามีภรรยา’ โดยฝากลูกให้ญาติช่วยเลี้ยง มิฉะนั้นนาน ๆ ไปความสัมพันธ์ฉันผัวเมียจะเลือนหายไป เหลือแต่ความเป็นพ่อแม่ของเด็กคนนี้

การแก้ปัญหาระยะยาวคือเมื่อลูกเข้าโรงเรียนอนุบาลแล้ว คุณควรมีงานทำ อาจเป็นงานธุรกิจส่วนตัวที่ทำในบ้านหรืองานอาชีพอิสระ เพื่อจะมีรายได้ของตนเองและมีผลงานทำให้เกิดความภาคภูมิใจในตนเอง

พูดง่าย ๆ คือต้องความสมดุลของชีวิตทั้ง 4 ด้าน คือ การงาน(Work Life) ครอบครัว (Family Life) ส่วนตัว (Private Life) และสังคม (Social Life) แล้วคุณจะมีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้นครับ

คุณพ่อคุณแม่คำ คำว่าครอบครัว คือการดูแลซึ่งกันและกันในทุก ๆ เรื่อง ไม่โยนหน้าที่ทั้งหมดให้กับใครคนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียว เพราะสิ่ง ๆ นั้น สามารถบั่นทอนความรู้สึกของฝ่ายที่เป็นผู้ถูกกระทำได้เป็นอย่างมากเลยละค่ะ

อ่านต่อ >> 10 วิธีครองชีวิตรักให้มั่นคง

10 วิธีประคองชีวิตคู่ให้มีความสุข

  1. ทำดีต่อกันให้มากที่สุด ในทุก ๆ เรื่อง ให้เหมือนกับตอนที่รักกันใหม่ ๆ อย่าปล่อยให้เวลามาทำให้ทุกอย่างจืดจางไป
  2. บอกรักด้วยการกระทำ ดีกว่าด้วยคำพูดเสมอ ทำให้เขารู้ว่าเขาคือคนที่เรารักและคือคนสำคัญสำหรับเราจริง ๆ ไม่ใช่ปากพูดว่ารักแต่การกระทำกลับสวนทาง
  3. “กอด” ช่วยให้กำลังได้ดีแม้ไม่พูดสักคำ … การกอดกันนั้น สามารถช่วยทำให้อีกฝ่ายมีความรู้สึกที่ดีขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่กำลังประสบกับปัญหาหรือมีอะไรในใจอยู่
  4. เอาใจใส่คนรักแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ทำให้เขารู้สึกดี
  5. เข้าใจแต่ไม่ต้องตามใจ ควรเข้าใจคนรักว่าเขาต้องการอะไร ต่างกันกับตามใจ เพราะวันหนึ่งเมื่อเราไม่ตามใจ จะทำให้มีปัญหากัน ทุกอย่างควรอยู่ในคำว่าพอดีและสม่ำเสมอ
  6. ไม่จำเป็นต้องพูดว่า “อย่าทิ้งฉันนะ” เพราะถ้าคนจะไป ยังไงก็ไปอยู่ดี
  7. ตอนที่ไม่เข้าใจกันอย่าโทษอีกคนว่าผิด ให้อยู่กับตัวเองสักพัก เมื่อใจเย็นขึ้นแล้วค่อยกลับมาคุยกัน เพราะคุยกันเมื่อโกรธจะทำให้เรายิ่งรู้สึกไม่ดีกับอีกฝ่าย
  8. “ไม่” ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกันและกัน เพราะจะทำให้รู้สึกอึดอัด
  9. หาโอกาสเจอกับครอบครัวอีกฝ่ายบ้างเพราะการเป็นคู่ชีวิตก็ต้องมีคนในครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
  10. ไม่โยนภาระหน้าที่ทั้งหมดให้อีกฝ่ายหนึ่งดูแล

เพียงเท่านี้ ชีวิตคู่ของเราก็มีความสุขกันได้ไม่ยากแล้วละค่ะ คุณพ่อคุณแม่สุข ลูกน้อยก็สุขตามไปด้วยนะคะ

เครดิต: MGR Online

อ่านต่อเนื้อหาอื่นที่น่าสนใจ:

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids