ฮือฮา! ในโลกออนไลน์กับคลิป “ลูกเอาแต่ใจ” กระโดดให้รถชน เพียงเพราะแม่ไม่ทำสิ่งนี้ให้!
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้ เป็นที่ฮือฮากับพฤติกรรมของเด็กชายคนหนึ่งเกิดอาการคลุ้มคลั่งพยายามจะวิ่งให้รถชน โดยเหตุเกิดที่ถนนชัยพฤกษ์ 1 หน้าบ้านสวนลลนา หมู่ 12 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่รุดไปยังที่เกิดเหตุ ก็พบเด็กชาวต่างชาติ คาดว่าจะเป็นชาวจีนร้องเอะอะโวยวายอยู่ที่พื้นข้างถนน โดยเกาะผู้เป็นแม่อยู่ ทั้งเจ้าหน้าที่และคนในระแวกนั้นต่างพากันเข้าให้การช่วยเหลือ ซึ่งจากการสอบถามพบว่า เด็กชายคนดังกล่าวมากับแม่และกลุ่มทัวร์ที่โดยสารมากับรถตู้นั้น เกิดความไม่พอใจที่แม่ลงไปซื้อพิซซ่ามาให้ลูกชาย แทนที่จะเป็นแมคโดนัลด์ที่ลูกชายอยากทาน จึงไม่พอใจและพยายามวิ่งให้รถชน!! แต่โชคดีที่รถเบรกทันทำให้ไม่ได้รับอันตรายใด ๆ
ขณะเดียวกันเด็กชายคนดังกล่าวก็ลงไปนอนชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นถนน ผ่านไป 20 นาทีก็หมดสติไปเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อให้การช่วยเหลือโดยด่วน
อัพเดทข่าวคราวล่าสุด สาเหตุที่แท้จริงที่น้องต้องแสดงออกขนาดนี้เป็นเพราะ น้องเป็นออทิสติกนั่นเองค่ะ ทั้งนี้ทีมงาน Amarin Baby & Kids ก็มีข้อมูลเกี่ยวกับ วิธีการรับมือกับลูกน้อยที่เป็นออทิสติกมาฝากด้วยเช่นกันนะคะ สนใจอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ชมคลิปเหตุการณ์ดังกล่าว
อย่างไรก็แล้วแต่ เรื่องที่เกิดขึ้นนี้อาจจะถือได้ว่าเป็นข้อยกเว้น และทำให้โลกออนไลน์เข้าใจน้องมากขึ้นว่า ทำไมน้องถึงต้องทำขนาดนี้ และในขณะเดียวกันหากเปรียบเทียบเด็กบางคนที่เติบโตมากับครอบครัวที่ปกติสมบูรณ์ดี ก็ไม่วายที่จะมีพฤติกรรมเอาแต่ใจตัวเอง ซึ่งในวันนี้เราก็ได้เตรียมวิธีการรับมือเมื่อลูกเอาแต่ใจตัวเองมาฝากกันค่ะ
คลิกอ่านสาเหตุหลักที่ลูกเอาแต่ใจได้ที่หน้าถัดไป
เครดิต: Real Clip Channel และ ข่าวสด
หมอแนะ ทำอย่างไรเมื่อ ลูกเอาแต่ใจ!
คุณหมอสินดี จำเริญนุสิต กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการและพฤติกรรมกล่าวว่า การลงโทษลูกด้วยความรุนแรงหรือใช้อารมณ์ในเด็กนั้น ไม่สามารถช่วยทำให้เด็กคิดได้ เพราะเด็กนั้นโดยเฉพาะเด็กที่มีอายุระหว่าง 3 – 5 ปีนั้น อยู่ในช่วงที่กำลังพัฒนาการควบคุมตัวเองทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะเมื่อต้องพบเจอกับความเครียดหรือความไม่ได้ดั่งใจ ทำให้เขาแสดงพฤติกรรมบางอย่างออกมา เพื่อเรียกร้องให้ได้สิ่งที่หวัง
และแน่นอนว่า หากเราไม่แก้ปัญหาเสียตั้งแต่ลูกอายุยังน้อย ก็อาจจะส่งผลในระยะยาว และมีแต่จะรุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่เราจะมีวิธีการสอนลูกอย่างไรนั้น ไปดูกันเลยค่ะ
สาเหตุที่พบมากของเด็กที่ชอบเอาแต่ใจตัวเอง
-
เป็นลูกคนเดียว
-
ไม่ค่อยได้เล่นกับเด็กคนอื่น ๆ
-
รู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญน้อยลง
-
พ่อแม่ตามใจมากเกินไป
-
ได้ทุกอย่างมาง่าย
-
เลียนแบบพฤติกรรมของคนใกล้ตัว
พอทราบสาเหตุของปัญหาแล้ว ก็ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนต้องกลับมาคิดแล้วละค่ะว่า สาเหตุที่ลูกมีพฤติกรรมดังกล่าวนั้น เป็นเพราะสิ่งที่เรากำลังทำให้ลูกอยู่นั้น และวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคืออะไร?
วิธีแก้ปัญหาลูกเอาแต่ใจ คลิก!!
เครดิต: Manager
ปลูกฝังอย่างไร? ให้ ลูกเอาแต่ใจ น้อยลง
วิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดนั้นต้องแก้ที่ต้นเหตุค่ะ เพราะการแก้ที่ปลายเหตุนั้นอาจจะสายเกินไปจนเราไม่สามารถแก้ไขได้ทัน ยิ่งถ้าหากเราไม่ทำและปล่อยให้นานเข้า อาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์คล้ายกับคลิปที่นำเสนอไปในวันนี้ก็เป็นได้ ซึ่งการแก้ที่ว่านี้นั้นก็คือ “การปลูกฝังพฤติกรรมที่ดีให้กับลูกตั้งแต่ยังเล็ก โดยที่มีคุณพ่อคุณแม่เป็นต้นแบบ”
-
คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ของลูกได้ แต่ควรที่จะให้เหตุผลกับลูกทุกครั้งว่าทำไมลูกถึงได้ ไม่ใช่ลูกอยากได้อะไรก็หาให้ทุกอย่าง หากเราไม่ให้ แค่ลูกลงไปชักดิ้นชักงอที่พื้น คุณพ่อคุณแม่ก็ใจอ่อนยอมซื้อให้ลูกแล้ว แบบนี้ก็ไม่เอานะคะ เพราะเท่ากับเป็นการปลูกฝังให้ลูกมีนิสัยเอาแต่ใจทางอ้อมเลยละค่ะ
-
อย่าพยายามเป็นต้นแบบของพฤติกรรมดังกล่าว ยกตัวอย่างเช่น คุณแม่อยากได้อะไรสักอย่าง แต่คุณพ่อไม่สนับสนุนหรือไม่ยอมซื้อให้ คุณแม่ก็จะแสดงอาการเหวี่ยงวีน หงุดหงิดโวยวาย ไม่พอใจต่อหน้าลูก จนสุดท้ายเกิดมีปากมีเสียงกัน ทำให้ลูกจดจำพฤติกรรมนั้น และคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี หากวันใดที่เขาจะได้อะไร เพียงแค่เขาแสดงพฤติกรรมที่ว่านี้ เขาก็จะสามารถได้มาอย่างง่ายดาย
-
ให้เหตุผลกับลูก หากคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าสิ่งที่ลูกอยากได้นั้น เป็นสิ่งที่ยังไม่สมควรกับการให้ละก็ ให้อธิบายให้ลูกฟังด้วยเหตุผล พร้อมกับน้ำเสียงที่นุ่มนวล อย่าแสดงอาการดุดัน หรือโมโหกับลูกเด็ดขาด เพราะลูกจะไม่ฟังพร้อมกับต่อต้านทันที คราวนี้ก็จะเกิดความลำบากที่จะต้องมาอธิบายหรือชักจูงให้ลูกเข้าใจแล้วละค่ะ
-
บ่ายเบี่ยงประเด็น คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องหาเรื่องเบี่ยงเบนความสนใจของลูกด้วยการชักจูงผลลัพธ์หรือสิ่งต่าง ๆ ที่ดูแล้วน่าสนใจกว่า แน่นอนว่า วิธีนี้อาจจะยากหน่อยแต่อย่างน้อยก็ทำให้คุณพ่อคุณแม่เหนื่อยน้อยลง
-
สัญญาต้องเป็นสัญญา หากคุณพ่อคุณแม่สัญญากับลูกแล้วว่าจะให้ ก็ควรให้นะคะ เราควรที่จะรักษาสัญญาที่ได้ให้ไว้กับลูก แต่ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ดูแล้วว่า มันเร็วเกินไปที่ลูกควรจะได้ ก็ต้องหาเหตุผลมารองรับ พร้อมกับตัวอย่างง่าย ๆ ที่จะทำให้ลูกของเราเข้าใจ และรับฟัง แต่แนะนำว่าอย่าทำบ่อยนะคะ เพราะอาจจะทำให้ลูกจดจำว่าคุณพ่อคุณแม่โกหกเขา ยิ่งทำให้เกิดความไม่พอใจขึ้นกว่าเดิมได้ ดังนั้น ก่อนที่จะให้คำสัญญาอะไรกับลูก ควรพิจารณาให้ดีก่อนว่า มีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด และสมเหตุสมผลหรือไม่
-
สอนให้ลูกออมเงิน วิธีนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจเลยละค่ะ หากลูกบอกว่า ลูกอยากได้รถของเล่น หรือตุ๊กตาสักตัว แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่สอนให้ลูกรู้จักเก็บเงินเพื่อให้เขาจะได้เอาเงินนั้นไปซื้อในสิ่งที่เขาต้องการ โดยคุณพ่อคุณแม่อาจจะพาลูกไปดูราคาของที่เขาอยากได้ก่อน และให้เขาเก็บเงินให้ได้ตามจำนวนนั้น เมื่อครบก็พาลูกไปซื้อ มาถึงตอนนี้ลูกก็จะรับรู้แล้วละค่ะว่า กว่าที่เขาจะซื้อของสิ่งนึงได้นั้น ต้องเก็บเงินมากมายขนาดไหน และยากเพียงใดกว่าจะได้มา ไม่แน่นะคะ พอถึงเวลาจริง ๆ ลูกอาจจะรู้สึกเสียดาย และตัดสินใจไม่ซื้อของชิ้นนั้นเลยก็เป็นได้
เพราะเด็กคือผ้าขาวที่พวกเราทุกคนสามารถขีดเขียนลงบนผ้าผืนนั้นได้ ดังนั้น การปลูกฝังสิ่งดี ๆ รวมไปถึงคุณธรรมและจริยธรรมตั้งแต่พวกเขายังเด็กนั้น จะสามารถช่วยให้ลูก ๆ เป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันข้างหน้าได้ … ยอมเหนื่อยที่จะเคี่ยวเข็ญลูกในวันนี้ ดีกว่าจะต้องมานั่งเสียใจกับพฤติกรรมของลูกในอนาคตนะคะ
อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ :
-
เลี้ยงลูกแบบญี่ปุ่น กับ 8 ความลำบาก เพื่อให้ลูกเป็นเด็กเก่ง โตไปมีคุณภาพ
-
ลักษณะบุตร 3 ประเภท ในศาสนาพุทธ และวิธีเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่