AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

เทรนด์ฮิตแม่ยุคใหม่! “ฝากไข่” เพื่อมีลูกในอนาคต

“ฝากไข่” เทรนด์ใหม่ของสาวโสดที่อยากมีลูกในอนาคต … และกลัวว่าอายุเพิ่มขึ้นแล้วจะมีลูกไม่ได้

 

 

เมื่อยุคนี้คือยุคของหญิงเก่งและแกร่ง แถมเวลาก็ไม่ค่อยมี การ ฝากไข่ จึงกำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในหมู่ของสาวโสด เนื่องจากกลัวว่าพอวันเวลาผ่านไป อายุเริ่มมีมากขึ้น การตั้งครรภ์จะเป็นอะไรที่ยากลำบากแถมยังถือเป็นความเสี่ยงกับพัฒนาการของลูกด้วย

นอกเสียจากนี้ ยังพบว่าผู้หญิงแต่งงานน้อยลงหรือช้าลง โดยนิยมอยู่เป็นโสดมากขึ้น ยืนยันได้จากอัตราการเพิ่มประชากรไทยลดลงจากร้อยละ 2.7 ในปี 2513 ลดลงเหลือ ร้อยละ 0.4 อาจจะด้วยเหตุผลจากหน้าที่การงาน หรือความรักอิสระมากขึ้นของสาว ๆ ในยุคปัจจุบัน แต่ในความเปลี่ยนแปลงนั้น เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์โดยการฝากไข่แช่แข็ง หรือ Oocyte Freezing จึงเป็นที่ตอบโจทย์ที่ทำให้เราไม่ต้องกังวลกับอายุที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีอีกต่อไปค่ะ

อ่านต่อ >> เนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่หน้า 2

 

 

แพทย์หญิงนิศารัตน์ สุนทราภา ผู้อำนวยการแพทย์ฝ่ายวิชาการ ศูนย์ซูพีเรีย เอ.อาร์.ที. ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก และวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนกล่าวว่า ปัจจุบันผู้หญิงส่วนใหญ่จะทุ่มเทเวลาให้การทำงาน การท่องเที่ยว และหวงแหนการใช้ชีวิตโสดจนลืมคิดเรื่องการมีครอบครัวและมีลูก ซึ่งในปัจจุบันพบว่าผู้หญิงแต่งานช้าลงจากเดิมมาก เฉลี่ยอายุ 35 ปี ถึงจะยอมแต่งงานมีครอบครัว เมื่อแต่งงานช้า ความสมบูรณ์ของร่างกายก็จะค่อย ๆ ลดลง ทำให้มีลูกยาก ดังนั้นสาวโสดยุคใหม่ จึงนิยมเลือกการฝากไข่เพื่อจะได้สามารถโฟกัสในการทำงานโดยไม่ต้องพะวงเรื่องภาวะมีบุตรยากในอนาคต เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้นความสมบูรณ์ของไข่จะลดลงไปตามอายุด้วย โดยตั้งแต่แรกเกิดที่เราอยู่ในท้องแม่จะมีไข่อยู่ในร่างกายประมาณ 6-7 ล้านใบและปริมาณจะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ ตามอายุที่มากขึ้น แต่เมื่ออายุมากขึ้นความสมบูรณ์ของไข่และจำนวนของไข่ในร่างกายจะลดลงมาก หรือบางคนที่อายุมากขึ้นก็อาจจะมีไข่ตกบ้าง และไข่ไม่ตกบ้างในบางเดือน เพื่อลดปัญหาความกังวลต่างๆ สาวโสดจึงเลือก “วิธีฝากไข่” เปรียบเสมือนการซื้อประกันสุขภาพสำหรับอนาคต นั่นเอง

วิธีการก็คือ การที่ผู้หญิงสามารถเก็บเซลล์สืบพันธุ์หรือที่เรียก “ไข่” โดยนำมาแช่แข็งเอาไว้ในอุณหภูมิที่เย็นจัด-196 องศาเซลเซียส ซึ่งการเก็บไข่จะสามารถเก็บได้ตามปริมาณไข่ต่อรอบเดือนที่มีอยู่ในผู้หญิงของแต่ละคน โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ครั้งละประมาณ 10-15 ใบ แต่สำหรับผู้หญิงที่มีจำนวนไข่มากอาจเก็บได้มากถึง 20-30 ใบได้ ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของร่างกายแต่ละคน อายุการเก็บอยู่ที่ 5-6 ปีค่ะ
ช่วงอายุที่เหมาะสมในการฝากไข่ คือ อายุต่ำกว่า 35 ปี เพื่อให้ได้ไข่ที่มีความสมบูรณ์ มีคุณภาพ และมีจำนวนที่เพียงพอต่อการฝากหรือทำในครั้งเดียว” ผู้ชี่ยวชาญแนะ

พญ.นิศารัตน์ ยังกล่าวอีกว่า การฝากไข่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้ความเสี่ยงต่าง ๆ ลดลง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการมีลูกยาก หรือมีลูกเป็นดาวน์ซินโดรม เพราะการฝากไข่ไม่ใช่แค่สาวโสดเท่านั้นที่ทำได้ แต่ในกรณีของคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคร้ายแรง อาทิ โรคมะเร็ง ก็สามารถฝากไข่ได้เช่นกัน

ทำความรู้จักกับธนาคารไข่ได้ที่หน้า 3 >>


เครดิต: กรุงเทพธุรกิจ

 

ธนาคารไข่ หรือ ธนาคารที่มีไว้สำหรับ ฝากไข่ คืออะไร?

ศรายุธ อัสสมกร กรรมการผู้จัดการ ซูพีเรีย เอ.อาร์.ที. ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากและวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อน เล่าให้ฟังว่า ผู้หญิงที่มาใช้บริการฝากไข่มีด้วยกัน 2 ประเภท ประเภทแรกคือ ฝากไข่ด้วยเหตุผลเชิงสังคม ประเภทที่สองคือ ผู้หญิงที่เสี่ยงต่อโรคทางพันธุกรรม

“การฝากไข่ก็เหมือนกับการทำประกัน เป็นการเก็บไข่ไว้สำหรับใช้ในอนาคต เพราะผู้หญิงเกิดมาจะมีไข่อยู่จำนวนหนึ่ง ประเด็นคือ ทุกวันที่ไข่ตก เราไม่รู้ว่าไข่ที่ตกไปเป็นไข่ดีหรือไม่ดี และที่เหลืออยู่ก็ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี การแช่แข็งไข่จึงเป็นการเพิ่มโอกาส เพราะด้วยเทคนิคเราสามารถกระตุ้นไข่ให้ออกมาในปริมาณที่พอเหมาะ พร้อมกับคัดสรรคุณภาพไข่ที่ดี ประมาณ 10-15 ใบ มาเก็บไว้โดยการแช่แข็งที่อุณหภูมิ -150 องศาเซลเซียส”

ไข่ที่แช่แข็งไว้สามารถเก็บไว้ได้นานเท่าที่ต้องการ โดยที่คุณภาพของไข่ยังเหมือนเดิม เพราะที่อุณหภูมิ -150 องศาเซลเซียส ทำให้เซลล์หยุดการเจริญเติบโต นั่นคือถ้าผู้ฝาก-ฝากไข่เมื่ออายุ 30 ปี แม้เวลาผ่านไป 10 ปี ไข่นั้นจะยังคงคุณภาพและอายุเท่าเดิม

ส่วนอีกกลุ่มคือ คนที่มีความเสี่ยงต่อโรคทางพันธุกรรม เช่น มะเร็ง เพราะการรักษาด้วยเคมีบำบัดเป็นการกดภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งส่งผลกระทบกับไข่ นั่นคือแม้ผู้ป่วยจะหายจากมะเร็ง แต่รังไข่ไม่สามารถผลิตไข่ได้อีก เป็นต้น

ขอบคุณที่มา: ประชาชาติธุรกิจ และมติชนรายวัน

อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids