คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสังคมปัจจุบันเป็นสังคมที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งการอ่านเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการแสวงหาความรู้ ทั้งนี้การปลูกฝังนิสัยรักการอ่านตั้งแต่ในวัยเด็กจึงเป็นวิธีที่จะช่วยให้เด็กพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพสามารถเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันในอนาคตได้ ดังนั้นจึงเกิดโครงการส่งความรู้ สร้างความสุข ขึ้นมาเป็นปีที่ 2 เพื่อจุดประกายรักการอ่านขึ้นในเด็ก โดยได้รับความร่วมมือระหว่างบริษัทอมรินทร์ พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) และบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ที่ได้คัดสรรหนังสือคุณภาพกระจายไปตามโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศไทย
ซึ่งโรงเรียนอนุบาลดำรงราชานุสรณ์ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ถือเป็นอีกหนึ่งโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 2 ด้วย สำหรับหนังสือที่ทางโรงเรียนได้รับมีหลากหลายประเภท เช่น หนังสือความรู้รอบตัว หนังสือการ์ตูนภาพสี่สี เป็นต้น ทั้งนี้หนังสือในโครงการดังกล่าวจะส่งผลต่อการอ่านของเด็กๆ ได้อย่างไรบ้าง เราไปฟังพร้อมกันจาก คุณครูสุบรรณ์ ฉัตรสุวรรณ (ครูชำนาญการพิเศษ) หัวหน้างานห้องสมุดโรงเรียนอนุบาลดำรงราชานุสรณ์ ผู้ดูแลโครงการโดยตรง
“ก่อนอื่นทางโรงเรียนอนุบาลดำรงราชานุสรณ์ ต้องขอขอบคุณบริษัทอมรินทร์ พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) และบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ที่เล็งเห็นความสำคัญเรื่องการอ่านของเยาวชนไทย จึงทำให้เกิดโครงการดี ๆ อย่างโครงการส่งความรู้ สร้างความสุขปี 2 ขึ้นมา เพราะโครงการนี้ทำให้นักเรียนกระตือรือร้น และสนใจการอ่านมากยิ่งขึ้น เด็กบางคนจากที่ไม่เคยอ่านหนังสือเลย แต่พอเริ่มเข้าโครงการเขาก็เริ่มอ่านหนังสือ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะหนังสือที่เราได้รับมามีความน่าสนใจ อ่านสนุก สามารถดึงดูดเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี
ซึ่งหนังสือนอกจากจะช่วยสร้างเสริมความรู้ และจินตนาการแล้ว ยังเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมทักษะอื่นๆ ให้ดียิ่งขึ้นด้วย เช่น ยิ่งอ่านหนังสือมาก ยิ่งซึมซับรูปแบบภาษาที่ดีมาใช้ได้ มีคลังคำศัพท์ให้เลือกใช้ได้อย่างหลากหลาย ซึ่งหนังสือที่นักเรียนชอบมากที่สุดเป็นหนังสือการ์ตูนแฝงความรู้อย่างหนังสือการ์ตูนชุดวิทยาศาตร์ฉลาดรู้ อย่างไรก็ดีทางโรงเรียนก็มีการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว แต่พอได้เข้าร่วมโครงการก็ถือเป็นการเปิดโอกาส เพิ่มทางเลือกในการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน โดยประยุกต์เข้ากับกิจกรรมวันสำคัญต่างๆ เช่น วันภาษาไทย วันสุนทรภู่ กอปรกับครู ๆ ทุกท่านก็มีการส่งเสริม รวมถึงสอนนักเรียนทำบันทึกการอ่าน จึงทำให้นักเรียนสามารถสรุปใจความสำคัญและเรียบเรียงการเขียนได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลโดยตรงทำให้การเรียนของนักเรียนมีแนวโน้มสูงขึ้น เพราะนักเรียนได้ทักษะการวิเคราะห์มาจากการอ่าน ทำให้เมื่อทำข้อสอบหรือแบบทดสอบก็จะตีโจทย์แตก และตอบคำถามสิ่งต่างๆ ได้อย่างถูกต้องค่ะ”
นอกจากนี้คุณครูสุบรรณ์ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า “การอ่านหนังสือไม่ใช่เพียงการท่องจำ แต่เป็นการเปิดโลกแห่งการเรียนรู้อย่างแท้จริง สามารถสร้างเด็กให้มีความรู้และจินตนาการไปพร้อมๆ กัน อีกทั้งยังเป็นทางเลือกให้เด็กใช้เวลาว่างอย่างเป็นประโยชน์ สามารถละสายตา และความสนใจจากโทรศัพท์มือถือได้ ซึ่งการได้เข้าร่วมโครงการส่งความรู้ สร้างความสุขทำให้เด็กๆ ได้มีโอกาสอ่านหนังสือที่ดีมีประโยชน์ ซึ่งผลในระยะยาวจะทำให้เด็กมีนิสัยรักการอ่านอย่างยั่งยืน เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและมีคุณภาพต่อไปค่ะ”
โครงการส่งความรู้ สร้างความสุข ยังคงจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง คุณพ่อคุณแม่ลองตรวจสอบดูว่าโรงเรียนของลูกน้อยอยู่ในโครงการหรือไม่ หากอยู่ในโครงการลองชักชวนลูกน้อยมาเข้ามาอ่านหนังสือ ปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน สร้างความรู้ เพื่อนำไปสู่อนาคตที่ดี หากสนใจกิจกรรมดีๆ สามารถติดตามได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ : thehappyread หรือ www.thehappyread.com