ลูกเพียงหนึ่งสัปดาห์ ต้องป่วยเป็น ” โรคเริม ” เพราะมีใครสักคนมาแสดงความรักด้วยการสัมผัส
ทราบหรือไม่คะว่า ต่อให้เด็กทารกหรือเด็กเล็กนั้นจะน่ารักหรือน่าเอ็นดูแค่ไหน เราก็ไม่ควรที่จะแสดงความรักกับเด็กด้วยการหอม กอด และ จูบ!! เพราะการแสดงออกแบบนั้น อาจจะนำพาให้ลูกหลานของเรา ต้องป่วยเป็นโรคร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ” โรคเริม “
สถิติการป่วยของทารกที่เป็นโรคนี้ พบมากในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสาเหตุการป่วยนั้นมาจาก “จูบ” และเรื่องที่จะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นนี้ที่ทารกแรกเกิดวัยเพียงหนึ่งสัปดาห์ต้องถูกหามส่งโรงพยาบาลทันที เพราะ “การสัมผัส” ของใครบางคน
หนูน้อยมาเรียน่า ทารกแรกเกิดวัยเพียงหนึ่งสัปดาห์ ต้องถูกหามส่งโรงพยาบาลทันทีที่คุณแม่ของเธอพบว่า ทารกน้อยไม่แสดงอาการตอบสนองใดทั้ง ๆ ที่หลังคลอดนั้นลูกสาวปกติดีทุกอย่าง โดยคุณแม่เล่าวว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา คุณแม่พยายามปลุกให้เธอตื่นมาดูดนม แต่เธอก็ไม่ยอมดูดและไม่มีแม้แต่อาการตอบรับใด ๆ แม้ว่าคุณแม่จะพยายามเท่าไหร่ก็ตาม
เมื่อเห็นท่าไม่ดี คุณแม่จึงรีบนำตัวหนูน้อยรายนี้ส่งโรงพยาบาลทันที ผลการตรวจพบว่า มาเรียน่าติดโรคเริม! ประเภท HSV1 โดยคุณหมอแจ้งว่า อาจจะมีใครสักคนที่ป่วยเป็นโรคนี้มาสัมผัสที่แขนและปากของเธอ ทำให้มาเรียน่าต้องติดโรคดังกล่าวมา ซึ่งผลการตรวจของหนูน้อยนั้นไม่สู้ดี คุณหมอจึงต้องรีบนำตัวเธอเข้ารับการรักษาโดยด่วนในห้อง NICU หลังจากนั้นไม่เกินสองชั่วโมง คุณหมอและทีมงานต่างพากันวิ่งวุ่น เพราะหนูน้อยเริ่มหายใจติดขัด อวัยวะภายในของเธอเริ่มไม่ทำงาน!
อ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่หน้าถัดไป
มาเรียน่า ถูกส่งตัวมาเข้ารับการรักษาต่ออีกโรงพยาบาลหนึ่งทันที โดยมีทีมแพทย์เฉพาะทางไม่ว่าจะเป็นด้านประสาทวิทยา ตับ ไตและระบบเลือด ที่คอยเฝ้าดูแลอาการของเธออย่างใกล้ชิด มาถึงตอนนี้คุณแม่กล่าวว่า ลูกสาวตัวน้อยของเธอยังไม่ยอมแพ้ แล้วเธอจะยอมแพ้ได้อย่างไร
คุณแม่กล่าวทิ้งท้ายว่า “ลูกสาวของคุณแม่จะต้องเข้ารับการรักษาต่อในโรงพยาบาลอีกเป็นเดือน จนกว่าคุณหมอจะมั่นใจว่าได้ขจัดเชื้อไวรัสที่ว่านี้ออกไปได้จนหมดแล้ว และต่อให้หายแน่นอนว่า มาเรียน่า ก็จะมีปัญหาสุขภาพต่อเนื่องในระยะยาวอยู่ดี ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้อ่านและได้ยินประสบการณ์เกี่ยวกับโรคนี้ในเด็กเล็ก และก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง จึงอยากฝากกับคุณพ่อคุณแม่ทุก ๆ คนว่า พยายามหลีกเลี่ยงอย่าให้ใครก็ตามมาสัมผัสลูกของตัวเอง เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า จะมีใครคนไหนบ้างที่จะเป็นพาหะนำโรคร้ายนี้มาสู่ลูกของเรา”
อย่างไรทีมงาน Amarin Baby & Kids ขอร่วมเป็นกำลังใจให้กับคุณแม่ และขอภาวนาให้หนูน้อยมาเรียน่าหายป่วยจากโรคนี้ไว ๆ นะคะ
ทำความรู้จักกับ ” โรคเริม “
เริม เป็นโรคติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งของผิวหนัง และเยื่อเมือกต่าง ๆ ทำให้มีลักษณะพุขึ้นเป็นตุ่มใสเล็ก ๆ แล้วแตกเป็นแผล ตกสะเก็ต ซึ่งหายได้เองแต่มักกำเริบซ้ำและเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำอย่างเด็ก ๆ นัั้นมักจะพบได้บ่อยและอาการรุนแรงกว่าปกติ และเชื้อสามารถแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดแล้วกระจายไปยังอวัยวะต่าง ๆ อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
โรคนี้เป็นโรคติดต่อที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะคนในวัยหนุ่มสาวและวัยผู้ใหญ่ ทั้งผู้ใหญ่และผู้ชายนั้นมีอาการเป็นโรคนี้ได้เท่ากัน และการติดเชื้อนั้นมักเกิดขึ้นกับวัยเด็กเสียเป็นส่วนใหญ่ สูงสุดจะเกิดในเด็กระหว่างอายุ 6 เดือนจนถึง 3 ปี
อ่านสาเหตุของโรค และวิธีการติดต่อคลิก!
เครดิต: Drmomma
เริมเกิดจากอะไร
-
เกิดจากการติดเชื้ิอไวรัสเริม ซึ่งเป็นไวรัสต่างชนิดกับงูสวัดและอีสุกอีใส โดยเชื้อไวรัสที่ว่านี้มีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท
-
ไวรัสเริมชนิดที่ 1 หรือ เอชเอสวี-1 (Herpes simplex virus 1 หรือ HSV-1) พบที่ปากมากกว่าอวัยวะเพศ
-
ไวรัสเริมชนิดที่ 2 หรือ เอชเอสวี-2 (Herpes simplex virus 1 หรือ HSV-2) พบที่อวัยวะเพศมากกว่าที่ปาก
-
ติดต่อได้อย่างไร
ติดต่อโดยการสัมผัสโดยตรงกับผู้ที่เป็นโรค ซึ่งอาจแสดงอาการหรือไม่แสดงอาการก็ได้ ผ่านทางรอยถลอกของผิวหนังหรือทางเยื่อเมือก (เช่น เยื่อบุตา ช่องปาก องคชาต ช่องคลอด ปากมดลูก ทวารหนัก) จากน้ำลายหรือสิ่งคัดหลั่ง รวมไปถึงจากการใช้ของใช้ร่วมกัน การกิน การจูบ หรือจากมือติดโรคแล้วป้ายเข้าตา ดังนั้น ผู้ที่คลุกคลีอยู่ใกล้ชิดกัน เช่น สามีภรรยา สมาชิกในครอบครัว เด็กในโรงเรียนหรือในสถานรับเลี้ยงเด็ก จะมีโอกาสติดเชื้อเริมได้ง่าย
กว่าที่จะแสดงอาการติดเชื้อนั้นจะใช้เวลาประมาณ 2 – 20 วัน เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายและฝังอยู่ในชั้นผิวหนัง ก็จะเริ่มแบ่งตัวทำให้เกิดอาการบวมเป็นตุ่มน้ำและเกิดการอักเสบ แต่พอหายจากโรคแล้ว เชื้อเริมจะเข้าไปหลบซ่อนที่ปมประสาทในบริเวณใต้ผิวหนังหรือเยื่อบุและแฝงตัวอยู่อย่างสงบ โดยไม่มีการแบ่งตัว (เชื้อจะอยู่ในตัวตลอดชีวิตในปมประสาท เพื่อรอให้มีปัจจัยต่าง ๆ มากระตุ้นแล้วจึงแสดงอาการ) แต่เมื่อมีปัจจัยมากระตุ้น เช่น เป็นไข้ ถูกแดดจัด ร่างกายอิดโรย เกิดความวิตกกังวล มีอารมณ์เครียด มีประจำเดือน มีการตั้งครรภ์ ได้รับบาดเจ็บหรือผ่าตัดบริเวณใบหน้า การทำฟัน ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำ เป็นต้น เชื้อเริมที่แฝงอยู่ตัวอยู่ขณะนั้นจะเกิดการแบ่งตัวเจริญเติบโตเกิดการปลุกฤทธิ์คืน ทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำ
วิธีการรักษา
หากผู้ป่วยแสดงอาการชัดเจน แพทย์ก็จะให้การรักษาไปตามอาการ ยกตัวเช่น หากปวดก็จะให้ยาแก้ปวด หากคันก็จะให้ยาบรรเทาอาการคัน ให้สารน้ำในรายที่มีภาวะขาดน้ำ ร่วมไปกับยาต้านไวรัส
เพื่อเป็นการป้องกันในเบื้องต้น แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ตรวจเช็คสุขภาพร่างกายของตัวเองก่อนที่จะมีลูกนะคะ แล้วที่สำคัญหากทำได้ พยายามอย่าให้ใครมากอด หอมหรือจูบโรคจะดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนแปลกหน้า เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า ใครจะป่วยหรือเป็นโรคอะไรบ้าง
เครดิต: Medthai
อ่านเรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติม
- 3 โรคนี้เป็นแล้ว! หยุด ให้นมลูก ทันที พร้อมรู้อีก 7 โรค! ไม่ต้องหยุดให้นม
- แพทย์เผย! โรคมะเร็งที่คนเป็นมากที่สุดคือ 5 อวัยวะนี้!
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่