AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ไมโลคิวบ์ Milo Cube กับ 12 ข้อน่ารู้ ที่แม่ๆ ฮิตสั่งซื้อกัน!!

ไมโลคิวบ์ Milo Cube ซึ่งกำลังเป็นกระแส และเป็นที่นิยมซึ่งมีคุณแม่หลายบ้านหาซื้อ มาให้ลูกทานและทานเอง รวมไปถึงบางคนก็รับพรีออเดอร์ Milo Cube นี้กันเป็นลังๆ เลยทีเดียว โดยกระแส Milo Cube เข้ามาเมื่อช่วงวันสงกรานต์ที่ผ่านมา

 

โดยชาวโซเชียลเห็นมีคนแชร์ภาพเจ้าไมโลก้อนเล็กๆ รูปร่างน่ารัก ดูแปลกตา เป็นทรงสี่เหลี่ยม ในห่อสีเขียวในสไตล์ไมโล ซึ่งเมื่อได้เห็นแล้ว ก็คงอยากจะลองลิ้มชิมรสเหลือเกิน Amarin Baby & Kids จึงหาข้อมูลมานำเสนอคุณแม่ๆ ทั้งหลายเกี่ยวกับ ที่มาของเจ้า ไมโลก้อนนี้ ว่าแท้จริงแล้ว เป็นมาอย่างไรกันแน่ ถึงทำให้ใครๆ ก็อยากลอง

Milo Cube คืออะไร

Milo Cube มีชื่อเต็มว่า Milo Enenergy Cube (ไมโล เอนเนอร์จี้ คิวบ์) เป็นขนมช็อคโกแลต รสชาติในแบบฉบับของไมโล แต่พิเศษตรงการนำเอาผงไมโลนั้นมาอัดเข้าด้วยกันจนกลายเป็นก้อนเพื่อให้ทานได้สะดวก วางขายในประเทศ อังกฤษ มาเลเซีย และ ดูไบ ซึ่งเจ้า ไมโลคิวบ์ Milo Cube นำเข้าจำหน่ายแบบสั่งออนไลน์ในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์เมื่อปลายปี 2016 แต่ยังไม่ได้มีวางจำหน่ายในประเทศไทย ใครที่อยู่จังหวัดทางภาคใต้จึงค่อนข้างได้เปรียบ เพราะอยู่ใกล้กับมาเลเซีย เช่น ตลาดกิมหยง ในหาดใหญ่ ดังนั้น สาวกคนอยากลิ้มลองของใหม่ต่างก็ต้องพากันพยายามเสาะแสวงหาให้ได้มาทุกวิถีทาง จนจึงเกิดการดราม่าเกาะกระแสของบรรดาพ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ กับการสั่งพรีออเดอร์จากมาเลเซียและมาโก่งราคาสูงลิ่ว 2-3 เท่าตัว ดังนั้น เพื่อไม่ให้ตกเป็นทาสของเจ้า ไมโลคิวบ์ Milo Cube นี้ ทาง เพจ ผู้บริโภค ได้รวบรวมสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับ Milo Cube มาให้คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการซื้อมาทานเองหรือให้ลูกน้อยทาน ได้รับรู้ถึงข้อมูลกัน ดังนี้

ไมโลคิวบ์ Milo Cube กับ 12 ข้อน่ารู้


1. Milo Cube ผลิตที่ ประเทศไนจีเรีย



2. Milo Cube ใน 1 ห่อ มี 100 ก้อน ขนาด/ลูกบาศก์ 0.8cmx0.8cmx0.8cm หรือมีขนาดเทียบเท่าเหรียญ 5 บาท


3. Milo Cube น้ำหนัก/ก้อน = 2.75 g. น้ำหนัก/แพ็ค = 3 kg.

อ่านต่อ >> “ข้อน่ารู้ก่อนซื้อ เกี่ยวกับ ไมโลคิวบ์ Milo Cube” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 


4. Milo Cube จำหน่ายแบบออนไลน์ในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์เมื่อปลายปี 2016 โดยบริษัท Nuriesa Global Enterprise ของมาเลเซีย


5. Milo Cube มียอดขายดีกว่า Milo Nutri G (ไมไลแบบดื่ม) ที่ขายตามท้องตลาด


6. Milo Cube เป็นที่ชื่นชอบมากสำหรับ ชาวมาเลเซีย และ ชาวสิงคโปร์ เพราะให้ความรู้สึกเหมือนกินลูกอมที่เข้าไปละลายในปาก


7. Milo Cube ราคาต่อแพ็ค อยู่ที่ 8.50 £ (สกุลเงินปอนด์) ซึ่งเท่ากับ 373.16 บาท โดยเฉลี่ยตกราคาลูกละ 3.73 บาท
(อัตราแลกเปลี่ยนเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2017)
ราคานี้จำหน่ายใน www.ebay.co.uk


8. Milo Cube 1 ก้อน ให้พลังงาน 11 แคลอรี่


9. Milo Cube 13 ก้อน จะเท่ากับ Milo 3 in 1 จำนวน 1 ซอง

อ่านต่อ >> “ข้อน่ารู้ก่อนซื้อ เกี่ยวกับ ไมโลคิวบ์ Milo Cube” คลิกหน้า 3

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

10. Milo Cube เป็นช็อคโกแลตก้อนเล็กๆ ที่ทำมาจากไมโลผงนำมาอัดเป็นก้อนให้ทานสะดวก


11. Milo Cube มีวิธีการกินที่นิยม
⇒ กินเดี่ยวๆ แกะห่อ ใส่ปากเลย ได้รสชาติหนึบๆ เคี้ยวมัน
⇒ เอาใส่นมร้อน แล้วรอละลาย ก็ฟินได้อีกแบบ


12. ทางบริษัทเนสท์เล่ประเทศไทยยืนยัน ยังไม่ได้นำ Milo Enenergy Cube เข้ามาจำหน่ายในไทย

 

และขอเพิ่มอีก 1 เรื่องคือ คุณเองก็สามารถทำ Milo Cube ได้ด้วยตัวเอง!!

โดยมีชาวโซเชียลส่วนหนึ่งมองว่า ไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินซื้อ ไมโลคิวบ์ (Milo Cube) ที่ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากของเดิมซะเท่าไหร่ เพียงแค่นำไมโลผลดิบปกติมาผสมๆ กับนมข้นหวานหรือกับวัตถุดิบอื่นๆ ตามสูตร ก็จะได้ไมโลคิวบ์ของเราเองแล้วเหมือนกัน

Milo Cube ที่อยู่ดีๆก็เป็นของหายาก เอาว่านี่ลองทำเองด้วยไมโลถุงและนมข้นหวานที่มีในบ้านเลย 1.เทไมโลออกมาค่ะ แล้วสาดนมข้น…

โพสต์โดย Cinnamongal.com บน 17 เมษายน 2017

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สำหรับใครที่เคยกินไมโล จะรู้ว่ารสชาติค่อนไปทางหวานน้ำตาลสูงหากบริโภคเยอะ บางทีถึงกับหวานจนบาดคอ อีกทั้งความหวานหากทานเกินพอดียังเสี่ยงสุขภาพแย่อีกด้วย โดยมีงานวิจัยพบว่า ประเทศไทยกินหวานมากที่สุดในโลก รองจากประเทศบราซิล โดยคนไทย 1 คน กินน้ำตาลถึง 36 กิโลกรัมต่อปี หรือวันละ 25 ช้อนชา โดยปกติแล้วเราไม่ควรกินน้ำตาลเกิน 9-10 กิโลกรัมต่อปี หรือ 6 ช้อนชาต่อวัน

การบริโภคน้ำตาลเพียงเล็กน้อย ถือว่าปกติ เพราะน้ำตาลจะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง และให้พลังงานแก่ร่างกายแต่การกินน้ำตาลมากเกิน ไม่ใช่เรื่องดี เพราะมันจะไปทำร้ายร่างกาย เนื่องจากน้ำตาลประกอบด้วยสารที่ให้พลังงานสูง แต่ไร้สารอาหารที่เป็นประโยชน์ ปราศจากโปรตีน ไขมันดี วิตามิน แร่ธาตุ หรือเอนไซม์ต่างๆ ดังนั้น หากกินหวานมากไป จะต้องเจอ 12 โรคร้ายนี้อย่างแน่นอน 1. เสี่ยงโรคหัวใจ 2. ฟันผุ 3. ตับทำงานหนัก 4. ไขมันพอกตับ 5. อินซูลินทำงานผิดปกติ 6. เป็นเบาหวานชนิดที่ 2,7. อาจทำให้เป็นมะเร็ง 8. อายุสั้น 9. เสพติดรสหวาน 10. แก่ก่อนวัย 11. เป็นโรคอ้วน 12. น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ กองโภชนาการ กรมอนามัยได้มีการแนะนำปริมาณน้ำตาลที่เหมาะสมต่อวันดังนี้ เด็กอายุ 6-13 ปี ควรบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 4 ช้อนชา, วัยรุ่นหญิง-ชาย 14-25 ปี ควรบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา, ผู้ชายวัยทำงาน 25-60 ปี ควรบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา, ผู้หญิงวัยทำงาน 25 – 60 ปี ควรบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 4 ช้อนชา, ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ควรบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 4 ช้อนชา, คนที่ใช้พลังงานมาก อย่างเช่น เกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน นักกีฬา ควรบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 8 ช้อนชา

ซึ่งน้ำตาลแทบไม่มีประโยชน์เลย เพราะน้ำตาลคือคาร์โบไฮเดรต ซึ่งปกติเราทานอาหารพวกคาร์โบไฮเดรตจากแหล่งอื่นๆ เช่น แป้ง ข้าว ก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง พวกนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลอยู่แล้ว การกินน้ำตาลเพิ่มจากในอาหารปกติ แค่วันละไม่เกิน 6 ช้อนชา น้ำตาลก็จะถูกเผาผลาญไปเป็นพลังงานแบบพอดี

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก :
Facebook เพจ ผู้บริโภค , Cinnamongal.com , www.bugaboo.tv , www.manager.co.th ,
www.minimeinsights.com

ขอบคุณภาพจาก : Xavier Lur (@xavierlur) | Twitter , www.11street.my , EDTguide