“รีไฟแนนซ์บ้าน” คืออะไร มีข้อเสียหรือไม่ แล้วแต่ละธนาคารมีโปรโมชั่นอะไร ลงทุนไปแล้วจะขาดทุนหรือไม่ วันนี้เราจะไปเปิดโพยไปพร้อม ๆ กันค่ะ
เมื่อการมีบ้านหรือคอนโดเป็นของตัวเอง คือความฝันอันสูงสุดของทุก ๆ คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่กำลังจะสร้างครอบครัวหรือมีลูกแล้ว และเมื่อใดก็ตามที่คุณตัดสินใจจะลงทุน คุณก็ต้องยอมรับให้ได้ว่า คุณกำลังมีภาระอันหนักอึ้งในการสานฝันของคุณให้เป็นจริง แต่อย่างน้อยทางออกที่ว่านี้ก็ไม่ใช่ภาระเสมอไป เพราะเมื่อใดก็ตามที่คุณผ่อนบ้านหรือคอนโดไปได้สักพักหนึ่ง คุณก็สามารถที่จะทำการ รีไฟแนนซ์บ้านหรือคอนโดนั้นได้ไม่ยาก หากแต่ว่า ก่อนที่คุณจะทำนั้น คุณจะต้องทำความเข้าใจกับข้อมูลที่แท้จริงของการทำรีไฟแนนซ์ก่อน
รีไฟแนนซ์ คือ อะไร
คือ การเปลี่ยนแหล่งเงินกู้ โดยการไปกู้หนี้ที่ใหม่หรือที่เดิม เพื่อมาโปะหนี้ปัจจุบัน สั้น ๆ ง่าย ๆ ก็คือ การสร้างหนี้ใหม่เพื่อมาโปะหนี้เก่านั่นเอง สำหรับการรีไฟแนนซ์นั้น เราจะใช้ในกรณีที่เรารู้สึกว่าตอนนี้หมุนเงินไม่ทัน ทำอะไรไม่ค่อยคล่องเพราะกำลังแบกภาระที่หนักอึ้งนี้อยู่ ทำให้ธนาคารเกิดช่องทางเพื่อเป็นตัวช่วยให้กับบุคคลที่กำลังมองหาเงินสักก้อนมาโป่ะหนี้ก้อนปัจจุบันนั้น ยกตัวอย่างเช่น การรีไฟแนนซ์บ้าน คอนโด หรือรถ เป็นต้น
ข้อดีของการทำรีไฟแนนซ์
- ได้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ใหม่ที่ถูกกว่า ทำให้เราผ่อนชำระได้ดอกเบี้ยถูกลงกว่าเดิม
- บางกรณีอาจได้วงเงินกู้มากขึ้นกว่ายอดคงค้างเดิม
- ลดภาระหนี้ ทำให้จำนวนเงินที่ต้องผ่อนต่อเดือนลดลง
- ได้เงินส่วนต่างจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ทำให้มีเงินเหลือใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ที่จำเป็นได้มากขึ้น สามารถนำไปหมุนเวียนใช้จ่ายหรือหมุนเวียนในธุรกิจได้
ข้อเสียของการทำรีไฟแนนซ์
- ทำให้ระยะเวลาผ่อนชำระนานขึ้น
- เสียค่าจัดรีไฟแนนซ์ใหม่ เสียค่าใช้จ่ายจิปาถะในการดำเนินการ เสียเวลา และอาจต้องเสียค่าปรับหากมีการไถ่ถอนก่อนกำหนด
- มีความยุ่งยากในการเตรียมเอกสาร เช่น เอกสารเกี่ยวกับรายได้ของผู้กู้ หากปัจจุบันผู้กู้ตกงาน ไม่มีรายได้ ไม่สามารถหาเอกสารที่ยืนยันรายได้ของตนเอง อาจทำให้ไม่สามารถทำการรีไฟแนนซ์ได้
ดูโปรโมชั่นการ รีไฟแนนซ์บ้านของแต่ละธนาคาร คลิก!
เครดิต: ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และ Poolprop
โปรโมชั่นการรีไฟแนนซ์บ้าน
เรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการ รีไฟแนนซ์บ้าน หรือคอนโดควรรู้ก็คือ “ดอกเบี้ย” นั่นเองค่ะ และวันนี้เราก็ได้รวบรวมเอาโปรโมชั่นของดอกเบี้ยเงินกู้ในการรีไฟแนนซ์บ้านมาฝาก จะมีธนาคารอะไรบ้างไปอ่านบทความนี้พร้อม ๆ กันค่ะ
- ธนาคารทหารไทย ไม่ต้องเสียค่าจดทะเบียนจำนอง ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย และค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ หากสมัครประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ ทีเอ็มบี คุ้มบ้าน สมัครใช้บริการหักบัญชีอัตโนมิตผ่านบัญชีออมทรัพย์ และสมัครบัตรเดบิต ก็จะได้รับดอกเบี้ยคงที่ 3.75% ต่อปี ตลอด 3 ปีแรก ตลอดอายุสัญญา 4.59 % ต่อปี กรณีไม่สมัครแพ็กเกจเสริม ดอกเบี้ยคงที่ 4.25% ต่อปี ตลอด 3 ปีแรก และ 4.92% ต่อปีตลอดอายุสัญญา
- ธนาคารเกียรตินาคิน จัดโปรโมชั่นพิเศษจัดหนักกว่าที่อื่น ฟรีค่าใช้จ่าย ค่าจดจำนอง และประเมินหลักทรัพย์ ให้วงเงินกู้สูงสุดถึง 50 ล้านบาท ดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน ตลอดอายุสัญญาเฉลี่ยประมาณ 7.15% ต่อปี
- ธนาคารธนชาติ เสียค่าจดจำนอง อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยเริ่มต้น 3.77% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา 4.977% ต่อปี หากฟรีค่าจดจำนอง
- ธนาคารซีไอเอ็มบี ฟรีค่าจดจำนอง สูงสุด 100,000 บาท ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ ค่าอากรแสตมป์ และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย 3 ปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยเริ่มต้น 3.97% ตลอดอายุสัญญา 5.040% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกเดือนที่ 1-3 ดอกเบี้ย 0% ส่วนเดือนที่ 4-12 อยู่ที่ 3.50% ต่อปี
- ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ แบบไม่ทำประกัน ปีที่ 1-3 อัตรดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.90% ต่อปี หลังจากนั้น MRR-2.25% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา แบบมีประกันปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.65% ต่อปี หลังจากนั้น MRR-2.25% ต่อปีตลอดอายุสัญญา
- ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ปีที่ 1-2 MRR – 3.00% ต่อปี ปีที่ 3 MRR – 1.50% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา MRR – 0.50% ต่อปี
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารจะใช้อัตราดอกเบี้ยเดียวกัน แต่สำหรับแบบมีประกัน จะได้รับการลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี เฉพาะปีที่ 1 จากอัตราดอกเบี้ยทุกทางเลือก ยกเว้นค่าจดจำนอง
- แบบที่ 1 อัตราดอกเบี้ย MRR -3.20% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา
- แบบที่ 2 ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 3.90% ต่อไป ตลอดอายุสัญญา MRR -2.35% ต่อปี
- แบบที่ 3 ฟรีค่าจดจำนองปีที่ 1 อยู่ที่ 3.56% ต่อปี ปีที่ 2-3 อยู่ที่ 4.40% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา MRR -2.35% ต่อปี
อ่านโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มเติมได้ที่หน้าถัดไป
- ธนาคารกรุงไทย แบบมีประกันและไม่มีประกัน ปีที่ 1 ดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.25% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา MRR -0.25% ต่อปี
- ธนาคารกรุงเทพ
- วงเงินต่ำกว่า 5 แสน MRR -0.625% ต่อปีตลอดอายุสัญญา
- วงเงิน 5 แสนบาทแต่ไม่เกิน 1 ล้าน ปีที่ 1 อยู่ที่ 5% ตลอดอายุสัญญา MRR -1.00% ต่อปี
- วงเงินตั้งแต่ 1 ล้านบาทแต่ไม่เกิน 3 ล้านบาท
- แบบที่ 1 ปีที่ 1 อยู่ที่ 2.99% ต่อปีตลอดอายุสัญญา -1.00% ต่อปี
- แบบที่ 2 ปีที่ 1-2 อยู่ที่ 5% ต่อปีตลอดอายุสัญญา -1.00% ต่อปี
- แบบที่ 3 ปีที่ 1-2 อยู่ที่ 3.00% ต่อปีตลอดอายุสัญญา -1.00% ต่อปี
- วงเงินตั้งแต่ 3 ล้านบาทแต่ไม่เกิน 5 ล้านบาท
- แบบที่ 1 ปีที่ 1 อยู่ที่ 2.75% ต่อปีตลอดอายุสัญญา -1.25% ต่อปี
- แบบที่ 2 ปีที่ 1-2 อยู่ที่ 5% ต่อปีตลอดอายุสัญญา -1.25% ต่อปี
- แบบที่ 3 ปีที่ 1-2 อยู่ที่ 3.00% ต่อปีตลอดอายุสัญญา -1.25% ต่อปี
- วงเงินตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป
- แบบที่ 1 ปีที่ 1 อยู่ที่ 2.50% ต่อปีตลอดอายุสัญญา -1.50% ต่อปี
- แบบที่ 2 ปีที่ 1-2 อยู่ที่ 4.75% ต่อปีตลอดอายุสัญญา -1.50% ต่อปี
- แบบที่ 3 ปีที่ 1 อยู่ที่ 4.00% ปีที่ 2 ต่อปีตลอดอายุสัญญา 1.50% ต่อปี
นอกจากดอกเบี้ยที่คุณแม่ควรคำนึงถึงแล้ว ยังมีเรื่องอื่น ๆ อีกด้วยเช่นกัน ที่ควรจะพิจารณาให้ดี ก่อนที่จะยื่นเรื่องขอทำการรีไฟแนนซ์บ้านนะคะ จะมีเรื่องอะไรบ้าง ไปหาคำตอบกันค่ะ
อ่านสิ่งควรพิจารณก่อนรีไฟแนนซ์ คลิก!
เครดิต: ไทยรัฐ
สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนรีไฟแนนซ์
1. ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ ก่อนจะตัดสินใจรีไฟแนนซ์ควรรวบรวมค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นก่อน ได้แก่
- ค่าใช้จ่ายให้กับสถาบันการเงินแห่งเดิม ได้แก่ ค่าปรับในกรณีไถ่ถอนหลักประกันก่อนระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งระยะเวลาโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 3 ปีนับจากวันเริ่มกู้ โดยจะคิดค่าปรับประมาณ 2-3% ของยอดหนี้
- ค่าใช้จ่ายให้กับสถาบันการเงินแห่งใหม่ ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการประเมินมูลค่าหลักประกัน ค่าธรรมเนียมการใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่ และค่าธรรมเนียมการทำประกันอัคคีภัยเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง หากยังมีกรมธรรม์เดิมอยู่ เราก็สามารถแจ้งยกเลิกการโอนผลประโยชน์จากสถาบันการเงินเดิม แล้วเปลี่ยนเป็นยกผลประโยชน์ให้กับสถาบันการเงินแห่งใหม่ได้
- ค่าใช้จ่ายให้กับกรมที่ดิน ได้แก่ ค่าธรรมเนียมจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ และค่าอากรแสตมป์อีก 0.05%
2. ผลประโยชน์ที่ได้รับเพิ่มขึ้นจากการรีไฟแนนซ์ หากเหตุผลหลักในการรีไฟแนนซ์คือต้องการลดอัตราดอกเบี้ยให้เราจ่ายน้อยลง เราก็ต้องมาดูผลประโยชน์ที่เป็นตัวเงินจากการลดดอกเบี้ย เช่น หากมียอดหนี้ที่ต้องการโอน 1 ล้านบาท ปัจจุบันเสียดอกเบี้ยอยู่ที่ 7.13% ต่อปี สถาบันการเงินแห่งใหม่เสนอการรีไฟแนนซ์ที่อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ 3 ปี ที่ 3.45% ต่อปี คิดเป็นส่วนต่างดอกเบี้ย 3.68% ต่อปี เท่ากับว่าเดิมที่ต้องเสียดอกเบี้ยรวม 3 ปี (คิดแบบลดต้นลดดอก) ประมาณ 206,317 บาท หากใช้อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ (คิดแบบลดต้นลดดอก) เท่ากับ 98,074 บาท นั่นคือ เราจะสามารถประหยัดได้ถึง 108,523 บาทเลยทีเดียว
3. เงื่อนไขอื่นๆ เช่น
- พิจารณายอดหนี้คงเหลือและระยะเวลาผ่อนชำระ หากยอดหนี้เหลือไม่มาก และเหลือระยะเวลาผ่อนเพียง 1-2 ปี การรีไฟแนนซ์อาจเป็นการตัดสินใจที่ได้ไม่คุ้มเสีย อาจใช้เงินโบนัสมาโปะหรือปิดหนี้เลยจะดีกว่า
- พิจารณาเงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยคงที่ สถาบันการเงินบางแห่งมีเงื่อนไขกำหนดให้การผ่อนค่างวดรายเดือนได้ไม่เกิน 2 เท่าของยอดผ่อนชำระต่อเดือน โดยกำหนดเงื่อนไขค่าปรับในกรณีชำระหนี้ก่อนกำหนด เท่ากับว่า ต่อให้เรามีเงินมากพอ ก็ไม่สามารถลดยอดหนี้ได้ในระยะเวลาที่ใช้อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ ซึ่งหากชำระมากกว่าค่างวดที่กำหนด จะต้องเสียค่าปรับในส่วนที่จ่ายเกิน
- พิจารณาค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินเรื่องหรือเกิดขึ้นหลังจากรีไฟแนนซ์ เช่น ค่าเดินทาง ค่าเสียเวลา หรือหากเรามีโครงการที่จะขายบ้านในช่วงระยะเวลาก่อน 3 ปี สถาบันการเงินแห่งใหม่อาจมีค่าธรรมเนียมในการปิดบัญชีก่อนกำหนด ซึ่งมักจะคิดในอัตรา 2-3% ของวงเงินกู้
มาถึงตอนนี้ คุณพ่อคุณแม่ก็คงจะทราบและเข้าใจดีกันแล้วนะคะว่า รีไฟแนนซ์คืออะไร แล้วควรจะต้องพิจารณาอะไรบ้าง ถ้าหากตัดสินใจได้แล้ว ก็อย่าลังเลค่ะ ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยแต่อย่างน้อยเราก็ได้บ้านหรือคอนโดมาเป็นของขวัญให้กับตัวเองได้สมใจ
เครดิต: Nation TV
อ่านเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่