AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

สุดสลด! ครูลงโทษใช้เทปปิดปากทากาว ด.ญ.อนุบาล จนขาดอากาศเสียชีวิต เพียงเพราะเหตุนี้…!

ครูลงโทษนักเรียน เกินเหตุ …กำลังกลายเป็นประเด็น ดราม่าบนโลกออนไลน์ของประเทศจีนในขณะนี้ ซึ่งเป็นเรื่องราวของเด็กหญิงวัย 6 ขวบ เสียชีวิตจากสาเหตุขาดอากาศหายใจ เนื่องจากถูกสก็อตเทปปิดปากโดยคุณครูที่โรงเรียน

ครูลงโทษนักเรียน เกินเหตุ ใช้เทปปิดปากทากาวด.ญ.อนุบาล “พูดมาก” จนขาดอากาศเสียชีวิต

ทางเว็บไซต์เดอะมิร์เรอร์ของอังกฤษรายงานเหตุสลด เมื่อเด็กอนุบาลเสียชีวิต เนื่องจากครูปิดปากเพราะพูดมากเกินไป โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่โรงเรียนอนุบาลสาธิตฮั่วเตี้ยน มณฑลจี๋หลิน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน

ซึ่งคุณพ่อของหนูน้อยผู้เสียชีวิตได้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดผ่านเว็บไซต์ Weibo ไว้ดังนี้..

‘ลูกสาวของผมวัย 6 ขวบ เธอไปโรงเรียนเตรียมอนุบาลแห่งหนึ่งในเมืองฮั่วเตี้ยน และเธอก็ได้เสียชีวิตตอนอยู่ที่โรงเรียน โดยคุณครูชี้แจงว่าลูกสาวของผมพูดมากเกินไป จึงถูกทำโทษด้วยการเอาสก็อตเทปและกาวมาปิดปากลูกสาวผม’

ข้อความต้นฉบับของคุณพ่อที่นำมาเผยแพร่บนโลกออนไลน์

ซึ่งจากที่เด็กหญิงเสียชีวิต เมื่อแพทย์มาที่เกิดเหตุ 30 นาที หลังรับแจ้งเหตุ พยานบอกว่า เด็กหญิงคนนี้พูดมากขณะทำกิจกรรมออกกำลังกายยามเช้า ครูจึงใช้เทปปิดปากและทากาวจนขาดอากาศหายใจ

เมื่อเห็นว่าผิดปกติจึงนำตัวส่งห้องพยาบาลโรงเรียนและโทร.เรียกรถฉุกเฉิน แต่แพทย์ก็ไม่สามารถช่วยได้ทันเมื่อไปถึงโรงพยาบาลแล้ว

โดยมีการบันทึกพบว่ารถพยาบาลมาถึงโรงเรียนเวลา 10.19 นาฬิกา ในขณะที่หนูน้อยเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในช่วงเวลาประมาณ 11 นาฬิกา

ทั้งนี้ โรงเรียนอนุบาลยังไม่ออกแถลงการณ์ แต่เจ้าหน้าที่รัฐระบุว่ากำลังสอบสวนร่วมกับตำรวจ ส่วนข้างหน้าโรงเรียนมีสมาชิกชุมชนและผู้ปกครองจุดเทียนและนั่งรอคำตอบจากโรงเรียน ขณะที่พ่อแม่ของเด็กหญิงยังคงมานั่งอยู่นอกรั้วโรงเรียนตั้งแต่เกิดเหตุโศกนาฏกรรมไม่คาดฝัน เพื่อรอคำตอบที่ชัดเจนจากทางโรงเรียน

อย่างไรก็ตามบทสรุปของเรื่องนี้ก็ต้องรอดูต่อไปว่าชั้นศาลจะตัดสินอย่างไร แต่การสูญเสียย่อมไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ทาง Amarin Baby & Kids ก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของหนูน้อยผู้เสียชีวิตมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

แม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นจะไม่ได้เกิดขึ้นที่ปะเทศไทย แต่เราก็มักจะได้ยินข่าวออกมาอย่างหนาหูเกี่ยวกับการที่ ครูลงโทษนักเรียน เกินเหตุ อยู่หลายครั้ง และกลายเป็นเรื่องที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองรับไม่ได้

ซึ่งการลงโทษ นั้นมีจุดประสงค์หลักเพื่อให้หลาบจำ และไม่ทำพฤติกรรมเช่นนั้นอีก โดยต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ถูกต้องดีงามตามที่สังคมกำหนด แต่สำหรับประเทศไทยปัญหาประการหนึ่งที่ถูกยกมาถกเถียงกันบ่อย คือ ครูควรทำโทษ หรือตีเด็กนักเรียนหรือไม่ ไม้เรียวที่เคยใช้ตีเด็กในยุคก่อน ควรนำกลับมาใช้ต่อหรือไม่

อ่านต่อ >> กฎหมายไทย ครูลงโทษนักเรียนด้วยวิธีรุนแรง ทำได้หรือไม่”คลิกหน้า 2

อ่านต่อ “บทความอื่นน่าสนใจ” คลิก!


ขอบคุณข้อมูลข่า ภาพ และคลิปวีดีโอจาก : www.khaosod.co.th , www.catdumb.com , www.mirror.co.uk

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

 

โดยทางกระทรวงศึกษาธิการ ได้สั่งยกเลิกการ ลงโทษเด็กนักเรียนด้วยการเฆี่ยนตีมาถึง 10 ปี แล้ว ด้วยการออกระเบียบของกระทรวง ว่าด้วยการลงโทษนักเรียน พ.ศ. 2548 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 และมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จึงวางระเบียบว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษาไว้ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548”
ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ข้อ 3 ให้ยกเลิกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียน หรือนักศึกษา พ.ศ. 2543
ข้อ 4 ในระเบียบนี้ “ผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษา” หมายความว่า ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ ผู้อำนวยการ อธิการบดี หรือหัวหน้าของโรงเรียนหรือสถานศึกษา หรือตำแหน่งที่เรียก ชื่ออย่างอื่นของโรงเรียนหรือสถานศึกษานั้น

“กระทำความผิด” หมายความว่า การที่นักเรียนหรือนักศึกษาประพฤติฝ่าฝืนระเบียบ ข้อบังคับของสถานศึกษา หรือของกระทรวงศึกษาธิการ หรือกฎกระทรวงว่าด้วยความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา

“การลงโทษ” หมายความว่า การลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาที่กระทำความผิด โดยมีความมุ่งหมายเพื่อการอบรมสั่งสอน

ข้อ 5 โทษที่จะลงโทษแก่นักเรียนหรือนักศึกษาที่กระทำความผิด มี 4 สถานดังนี้ 

5.1 ว่ากล่าวตักเตือน 
5.2 ทำทัณฑ์บน 
5.3 ตัดคะแนนความประพฤติ
5.4 กิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

ข้อ 6 ห้ามลงโทษนักเรียน และนักศึกษาด้วยวิธีรุนแรง หรือแบบกลั่นแกล้ง หรือลงโทษด้วยความโกรธ หรือด้วยความพยาบาท โดยให้คำนึงถึงอายุของนักเรียน หรือนักศึกษา และความร้ายแรงของพฤติการณ์ประกอบการลงโทษด้วย
การลงโทษนักเรียน หรือนักศึกษาให้เป็นไป เพื่อเจตนาที่จะแก้นิสัยและความประพฤติไม่ดีของนักเรียน หรือนักศึกษาให้รู้สำนึกในความผิด และกลับประพฤติตนใน ทางที่ดีต่อไป
ให้ผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษา หรือผู้ที่ผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษามอบหมายเป็นผู้มีอำนาจในการลงโทษนักเรียน นักศึกษา
ข้อ 7 การว่ากล่าวตักเตือนใช้ในกรณีนักเรียน หรือนักศึกษากระทำความผิด ไม่ร้ายแรง
ข้อ 8 การทำทัณฑ์บนใช้ในกรณีนักเรียนหรือนักศึกษาที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม กับสภาพนักเรียนหรือนักศึกษา ตามกฎกระทรวงว่าด้วยความประพฤตินักเรียน และนักศึกษา หรือได้รับโทษว่ากล่าวตักเตือนแล้ว แต่ยังไม่เข็ดหลาบ
การทำทัณฑ์บนให้ทำเป็นหนังสือ และเชิญบิดามารดาหรือผู้ปกครองมาบันทึกรับทราบความผิดและรับรองการทำทัณฑ์บนไว้ด้วย
ข้อ 9 การตัดคะแนนความประพฤติ ให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการ ตัดคะแนนความประพฤตินักเรียนและนักศึกษาของแต่ละสถานศึกษากำหนด และให้ทำบันทึกข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน
ข้อ 10 ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ใช้ในกรณีที่นักเรียน และนักศึกษากระทำความผิดที่สมควร ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
การจัดกิจกรรมให้เป็นไปตามแนวทางที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด
ข้อ 11 ให้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และ ให้มีอำนาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้

ดังนั้น การลงโทษของครู ต้องเป็นไปตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียน จะลงโทษนอกเหนือจากระเบียบที่กำหนดไว้ไม่ได้ ถือว่าไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะทำได้

สุดท้าย สุภาษิตที่ว่า รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี จึงใช้ไม่ได้สำหรับ ครู  อาจารย์ กับนักเรียนในปัจจุบัน เด็กๆ มีสิทธิ์ที่จะเรียนหนังสือโดยปราศจากความหวาดกลัว แต่โจทย์ใหญ่ที่ครูจะต้องรับมือคือ การตักเตือนหรือหักคะแนน อาจไม่ได้ผลกับเด็กบางกลุ่ม  จึงต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติ และวิธีการไม่ใช้ความรุนแรง ลงโทษให้สอดคล้องกับสถานการณ์และความเหมาะสม

อ่านต่อ “บทความอื่นน่าสนใจ” คลิก!


ขอบคุณข้อมุลจาก : www.school.stjohn.ac.th