เหลือเชื่อ! ว่า “กลิ่นตด” จะดีขนาดนี้ … เชื่อหรือไม่ ๆ รู้ แต่ที่แน่ ๆ เราไปหาคำตอบนี้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ
คุณแม่ ๆ เคยไหมคะ ที่จู่ ๆ นั่งอยู่แล้วได้กลิ่นฉุน ๆ แปลก ๆ ที่พอได้กลิ่นที ต้องรีบหาทันทีถึงที่มาของกลิ่นนั้น และบ่อยครั้งที่เรามักจะจำได้ว่า กลิ่นนั้นเป็นกลิ่นของใคร!? เรียกได้ว่า เป็นกลิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริง ๆ
แถมบางครอบครัวเกือบทะเลาะกันแทบตายเพราะเจ้ากลิ่นที่ว่านี้ … ซึ่งกลิ่นดังกล่าวจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยละค่ะ นอกจาก กลิ่น ตอ-ออ-ดอ “ตด” … เรียกได้ว่าผู้ปล่อยไม่เหม็น แต่ผู้ดมนี่เกือบเป็นลมกันเลยทีเดียว และที่สำคัญ บุคคลที่ชอบปล่อยเจ้ากลิ่นที่ว่านี้จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก คุณสามีสุดที่รัก และคุณลูกสุดที่เลิฟ นั่นเอง!
ถ้าหากคุณแม่กำลังหงุดหงิดกับเจ้ากลิ่นที่ว่านี้อยู่ละก็ อย่าเพิ่งอารมณ์เสียไปค่ะ เพราะกลิ่นตดที่ว่านี้ ได้มีการวิจัยออกมาแล้วว่า สามารถป้องกันโรคต่าง ๆ ได้แม้แต่โรคร้ายอย่าง “โรคมะเร็ง”
เหลือเชื่อ! เลยใช่ไหมละคะ … ซึ่งในวันนี้เราก็ได้นำข้อมูลดังกล่าวมาฝากคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านกันค่ะ แต่ก่อนที่เราจะไปดูกันนั้น เรามาดูกันก่อนดีกว่านะคะว่า เจ้าตดที่ว่านี้มันเกิดจากอะไรกันแน่?
ตดเกิดจากอะไร?
ตด เกิดจากการสั่นไหวของกล้ามเนื้อหูรูดปากทวารหนัก ตดจะดังมากดังน้อยจึงขึ้นกับความกระชับของกล้ามเนื้อหูรูดและความดันลมภายในลำไส้ใหญ่ แก๊สที่เกิดขึ้นจากการทำงานของแบคทีเรียทีหลายชนิด ชนิดที่ไม่มีกลิ่นและชนิดที่เหม็นแรงไปไกล ชนิดที่ไม่ติดไฟและชนิดที่ติดไฟ
ตดเหม็นเกิดจากแก๊ส Hydrogen Sulfide อันเนื่องมาจากแบคทีเรียไปกินอาหารที่มีซัลเฟอร์สูง เช่น เนื้อสัตว์ เป็นต้น มีรายงานว่าคนที่กินเนื้อสัตว์จะตดเหม็นกว่าคนกินมังสวิรัติ คนชอบกินอาหารรสจัดใส่เครื่องเทศมากหรือชอบดื่มเบียร์ ก็ตดเหม็นไม่เบา นอกจากนั้น อาการท้องผูกก็ทำให้ตดมากและตดเหม็น อีกด้วยละค่ะ
ตดดังและตดเหม็น อันตรายหรือไม่?
การผายลมที่มีเสียงดัง เกิดจากการที่แก๊สถูกขับออกมาด้วยแรงดันอากาศหรือแรงเบ่งที่สูงมาก หรืออาจเกิดจากการที่แก๊สต้องแทรกตัวผ่านกล้ามเนื้อหูรูดที่บีบตัวแน่น เสียงที่มาพร้อมกับการผายลมจึงไม่ได้บ่งบอกถึงความผิดปกติอะไร ส่วน กลิ่นตด นั้นขึ้นอยู่กับอาหารที่เรารับประทานเข้าไป ส่วนใหญ่แล้วอาหารจำพวกโปรตีนจะก่อให้เกิดแก๊สที่มีกลิ่นเหม็นมาก เช่นอาหารกลุ่มเนื้อสัตว์ ไข่ ชีส และนม รวมไปถึงถั่วชนิดต่างๆด้วย อีกทั้งแก๊สเหล่านี้ต้องเดินทางผ่านลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของอาหารและกากอาหารที่ถูกย่อยสลายแล้ว จึงมีกลิ่นเหม็นเป็นธรรมดาและไม่ถือว่าเป็นสัญญาณของความผิดปกติของสุขภาพแต่อย่างใด
อ่านต่อ >> จริงหรือ กลิ่นนี้ช่วยป้องกันโรคได้?
เครดิต: ข่าวสด
จริงหรือ กลิ่นตด ช่วยป้องกันโรค?
ได้มีการศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัยเอ็กเซทเตอร์ ประเทศอังกฤษ แนะนำว่า การสัมผัสกับไฮโดรเจนซัลไฟด์ที่เกิดจากกระบวนการย่อยอาหารของแบคทีเรีย ที่มีกลิ่นเหม็นรุนแรงหรือเป็นก๊าซไข่เน่า สามารถป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ แม้แต่โรคมะเร็ง
การศึกษานี้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Medicinal Chemistry Communications พบว่า ก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ในไข่เน่าหรือท้องอืด อาจเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาโรคต่าง ๆ ถึงแม้มันจะเหม็นแต่ก็มีประโยชน์ การรับก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ ในปริมาณที่มากเกินไปอาจเป็นอันตราย แต่หากรับในปริมาณที่พอดี อย่างกลิ่นจาง ๆ อาจช่วยลดความเสี่ยงทั้งโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคข้ออักเสบและภาวะสมองเสื่อม ดร. มาร์ค วูด ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยเอ็กเซทเตอร์กล่าว
ส่วนศาสตราจารย์ แม็ต ไวต์แมน จากมหาวิทยาลัยเดียวกันกล่าวในการแถลงข่าวว่า นักวิจัยได้จำลองก๊าซในธรรมชาติที่สารประกอบใหม่อย่าง AP39 ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ โดยต้องใช้ในปริมาณต่ำ ซึ่งเจ้า AP39 นี้ จะถูกส่งตรงไปยังเซลล์ไมโทชอนเดรียล เพื่อซ่อมแซมความเสียหาย และมันจะเป็นกุญแจสำคัญต่อการรักษาฟื้นฟูต่อไปในอนาคต ส่วนผลวิจัยนี้ยังมีข้อติงอยู่่ว่า ก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ที่มีประโยชน์ต้องถูกผลิตขึ้นภายในเซลล์ ไม่ได้มาจากภายนอกร่างกาย
เอาละค่ะ! งานนี้อยากป้องกันโรคละก็ทำได้ แต่ก็อย่ามากเกินไปนะคะ เพราะถ้าเกิดไปดมกลิ่นที่รุนแรงเข้า จะทำให้เราเป็นลมก่อนจะเป็นโรคแน่ ๆ … ไม่แน่นะคะ อนาคตเราอาจจะได้เห็นการขายตดกระป๋องรักษาโรคก็เป็นได้ …
เครดิต: Thairao
อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:
- สามีจ๋า อย่ามัวแต่ กลัวเมีย เชื่อเมียกันดีกว่าจะได้รวย ๆ
- 10 สูตรผัวรักผัวหลง มัดใจสามีให้ดิ้นไม่หลุด!
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่