AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

เตือนพ่อแม่!! สารดูดความชื้นทำให้ลูกน้อยตาบอด

กรณีศึกษาหนึ่งเล่าจากปากของคุณแม่ เมื่อลูกน้อยวัย 8 ขวบที่เพิ่งจะสอบเสร็จกลางภาค ด้วยความดีใจที่ทำข้อสอบได้มาก คุณแม่ก็ภูมิใจที่ลูกน้อยตั้งใจเรียน จึงให้รางวัลด้วยการพาไปซื้อขนมก่อนกลับบ้าน ลูกนั่งกินขนมอย่างเพลิดเพลิน แต่สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเพราะ สารดูดความชื้น

สารดูดความชื้น ทำลูกตาบอด!!

เมื่อกลับถึงบ้าน ลูกน้อยก็นั่งกินขนมอยู่ที่โซฟา และดูการ์ตูนไปด้วยอย่างสบายใจ ส่วนคุณแม่ก็ยุ่งอยู่กับการทำอาหารเย็นอยู่ในครัว ผ่านไปได้สักประมาณ 15 นาที คุณแม่ก็ได้ยินเสียงลูกน้อย ร้องลั่นมาจากห้องรับแขก คุณแม่จึงรีบมาดู สิ่งที่คุณแม่ได้เห็นทำให้ถึงกับตกตะลึง

เมื่อลูกน้อยเอามือกุมดวงตาไว้ แล้วร้องไห้ลั่น พร้อมลงไปดิ้นอยู่บนพื้น ขวดน้ำแตกกระจาย น้ำเจิ่งนองไปทั่ว คุณแม่ยังไม่ทันคิดว่าเกิดอะไรขึ้น ก็รีบอุ้มลูกน้อยไปโรงพยาบาลทันที ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที แต่สิ่งที่คุณแม่คาดไม่ถึงนี้ ในระยะเวลาสั้นๆ เพียง 20 นาที จะทำให้ลูกน้อยสูญเสียดวงตาข้างขวาไปตลอดชีวิต

***หมายเหตุ: เป็นภาพที่ใช้ประกอบเนื้อหาเท่านั้น ไม่ใช่ภาพเหตุการณ์จริง***

หลังจากที่คุณหมอตรวจดู ก็พบว่า ตาขวาของลูกน้อยโดนสารชนิดหนึ่ง ทำให้ลูกตาขวาละลาย ซึ่งเป็นต้นเหตุให้ตาบอดไปตลอดชีวิต และไม่มีการรักษาใดที่จะรักษาได้ จากผลการตรวจทำให้คุณแม่แทบช็อค หมดเรี่ยวแรง

คุณหมอสอบถามเด็กน้อยว่าได้รับอันตรายนี้ได้ยังไง ลูกน้อยเล่าว่า ตอนนั้นเขากำลังกินขนมจนหมด ก็เห็นว่ามีซองเล็กๆ อยู่ข้างใน และไม่รู้ว่ามันคืออะไร จึงเอาออกมาเล่น ตอนแรกก็เอามาดม แล้วเอาไปปาใส่ในแก้วน้ำ คิดไม่ถึงว่าเมื่อเอาใส่ลงไปในน้ำแล้วมันจะระเบิดออกมา ลูกน้อยรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกระเด็นเข้าตา เขารู้สึกไหม้จนเจ็บปวด หลังจากนั้นก็มองไม่เห็น คุณหมอ และคุณแม่จึงทราบได้ว่า ถุงเล็กๆ ที่ลูกน้อยบอกนั้น คือสารดูดความชื้น

คุณแม่รู้สึกเสียใจที่สุดในชีวิต เมื่อคุณแม่รู้ว่าสารดูดความชื้นรับประทานไม่ได้ แต่ไม่เคยรู้ว่ามันมีอันตราย และก่อให้เกิดผลร้ายแรงได้ถึงขนาดนี้

เรามาทำความรู้จักกับสารดูดความชื้น เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับลูกน้อยกันค่ะ

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

อ่านต่อ “สารดูดความชื้นคืออะไร และมีกี่ชนิด” คลิกหน้า 2

สารดูดความชื้นคืออะไร?

สารดูดความชื้นที่ใส่อยู่ในห่อขนม เด็กๆ ก็คงรู้สึกสงสัยว่าสิ่งนี้มันคืออะไร? แล้วกินได้หรือเปล่า? คุณพ่อ คุณแม่ หลายคนก็คงจะสอนลูกน้อยว่า “กินแล้วชักแหง็กๆ นะลูก” และเด็กๆ ก็คงสงสัยต่อว่า แล้วจะทำออกมาเพื่ออะไร?

สารดูดความชื้น หรือซิลิก้าเจล สกัดได้จากทรายขาวผสมกำมะถัน มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า ซิลิกอนไดออกไซด์ มีลักษณะเป็นเม็ดกลมๆ มีหลายสี  ซึ่งนอกจากจะพบในขนมแล้ว ยังพบได้ในซองยา หรือเฟอร์นิเจอร์หนัง ใช้สำหรับกันชื้นในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อไม่ให้คุณสมบัติของสินค้าเปลี่ยนไป หรือป้องกันการเกิดเชื้อรา หรือความกรุบกรอบของขนมไม่ให้เสียไป

สารดูดความชื้นมีประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมหลายประเภท แต่ต้องมีการระบุไว้ว่า “ห้ามรับประทาน” ปรากฏอยู่ด้วย แต่ถึงแม้ว่าจะมีคำเตือน คุณพ่อ คุณแม่ก็ต้องระมัดระวัง และคอยเตือนลูกน้อยที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาจจะเอามาเล่น โดยที่ไม่รู้ถึงอันตรายได้

สารดูดความชื้นมีกี่ชนิด?

สารดูดความชื้นที่เห็นโดยทั่วไป มีหลากหลายชนิด เช่น สารดูดความชื้นที่ทำจากปูนขาว สารดูดความชื้นประเภทดินธรรมชาติ และซิลิก้าเจล ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ดังนี้

1.สารดูดความชื้นที่ทำจากปูนขาว มีต้นทุนต่ำที่สุด แต่ประสิทธิภาพสูงมาก จึงนิยมใช้กันในอดีต แต่ในปัจจุบันเริ่มมีการใช้ในอาหาร และผลิตภัณฑ์อื่นๆ น้อยลง

2.สารดูดความชื้นประเภทดินธรรมชาติ นิยมนำมาใส่ไว้ในกระเป๋า หรือกล่องใส่เสื้อผ้า

3.ซิลิก้าเจล สารดูดความชื้นสีเขียว เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่มีประสิทธิภาพด้อยกว่าสารดูดความชื้นที่ทำจากปูนขาว ซึ่งผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยา นิยมใช้ซิลิก้าเจล เพราะปลอดภัยกว่า และในปัจจุบันอาหารหลายๆ ชนิดก็เริ่มหันมาใช้ซิลิก้าเจลมากขึ้น เพราะไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เมื่อโดนน้ำ และสามารถนำมาใช้ได้ใหม่

นอกจากนี้ยังพบสารดูดความชื้นชนิดใหม่ ซึ่งทำจากแป้งมันสำปะหลัง โดย ดร.ปัญญา วงศ์พานิชย์ อาจารย์ประจำคณะเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์การเกษตร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า จากงานวิจัยเรื่อง การวิเคราะห์คุณลักษณะของสารดูดความชื้นของแป้งมันสำปะหลัง พบว่ามีความไวต่อความชื้นในอากาศอย่างมาก และมีราคาถูก เมื่อเปรียบเทียบสารดูดความชื้นชนิดซิลิก้าเจลจากต่างประเทศ พบว่ามีราคาสูงกว่าแป้งมันสำปะหลังมาก

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

อ่านต่อ “สารดูดความชื้นอันตรายแค่ไหน” คลิกหน้า 3

สารดูดความชื้นอันตรายแค่ไหน?

1.สารดูดความชื้นจะระเบิดเมื่อโดนน้ำจริงหรือ?

จริงๆ แล้วสารดูดความชื้นมีหลากหลายชนิด และมีส่วนผสมที่แตกต่างกัน จึงไม่ใช่สารดูดความชื้นทุกชนิดที่โดนน้ำ แล้วจะระเบิด เช่น สารดูดความชื้นประเภทดินธรรมชาติ และซิลิก้าเจล เมื่อโดนน้ำแล้ว แค่ทำให้น้ำขุ่น หรือบวมขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้ทำให้เกิดการระเบิด

แต่สารดูดความชื้นที่ทำจากปูนขาว ซึ่งมีส่วนประกอบของแคลเซียมออกไซด์ ซึ่งเมื่อโดนน้ำแล้ว จะเกิดปฏิกิริยารุนแรง ทำให้มีความร้อนสูง ถ้าใส่จำนวนน้อยๆ ก็อาจจะทำให้ขวดพลาสติกร้อน หรือเปลี่ยนรูปร่าง แต่ถ้าใส่ลงไปเป็นจำนวนมาก และปิดฝาขวดเอาไว้ ก็อาจเกิดการระเบิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นเหตุทำให้คนได้รับบาดเจ็บ

ด้วยความที่สารดูดความชื้นที่ทำจากปูนขาว มีประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม มีราคาถูก ในสมัยก่อนจึงนิยมนำมาใช้ประโยชน์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก คุณพ่อ คุณแม่ต้องคอยสังเกต และอย่าให้ลูกน้อยเล่น หรือรับประทานสารดูดความชื้นเหล่านี้ โดยเฉพาะสารดูดความชื้นที่ทำจากปูนขาว

2.สารดูดความชื้นทำให้ตาบอดได้จริงหรือ?

ดร.ปัญญา วงศ์พานิชย์ อาจารย์ประจำคณะเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์การเกษตร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวว่า สารดูดความชื้นอย่าง ซิลิก้าเจล ซึ่งเป็นเม็ดใสๆ บรรจุอยู่ในถุง หรือห่อ ซึ่งบ่อยครั้งที่ถุงบรรจุเล็กๆ จะแตก และเม็ดใสๆ เหล่านั้น เข้าไปรวมอยู่ในขนม หรืออาหาร

ถ้าลูกน้อยที่ยังขาดความรู้รับประทานเข้าไป ก็อาจจะเกิดความเสี่ยงต่อร่างกาย ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุต่างๆ ถึงแม้ว่าจะไม่มีการรายงานว่าพบผู้เสียชีวิต แต่ก็มีคนเคยโดนสารดูดความชื้นที่ถุงฉีกขาด และกระเด็นเข้าตา ทำให้ตาบอด เพราะคุณสมบัติคือการดูดความชื้น ซึ่งสามารถดูดความชื้นทุกชนิดที่อยู่ในร่างกาย ทำให้เกิดปฏิกิริยารุนแรงที่บริเวณดวงตาทันที

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ปกครองรายหนึ่ง เมื่อลูกน้อยวัยเพียง 1 ขวบกว่า ถูกสารดูดความชื้นที่เด็กแถวบ้านนำซองมาปาเล่น แล้วซองแตกกระเด็นใส่ตาลูกน้อย ผู้ปกครองเห็นเด็กร้องไห้ และเจ็บตามาก จึงรีบพาไปหาหมอ คุณหมอแจ้งว่าถูกสารดูดความชื้น ไม่สามารถรักษาได้ทัน เพราะสารเข้าไปทำปฏิกิริยาทำให้ตาบอดแล้ว

หลังจากที่พบว่าสารดูดความชื้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงมีการทำวิจัยพัฒนาสารดูดความชื้นที่ไม่เป็นอันตราย ถ้าซองดูดความชื้นแตก และปนเปื้อนไปในอาหาร จึงนำแป้งมันสำปะหลัง และสารเติมแต่ง ทำให้ขึ้นรูปเป็นเม็ดคล้ายซิลิก้าเจล ใส่ลงไปในอาหารหลายๆ ชนิด พบว่าสามารถรับประทานสารดูดความชื้นที่ทำจากแป้งมันสำปะหลังได้ แต่ก็ไม่สนับสนุนให้รับประทาน เพราะไม่ได้คิดขึ้นมาเพื่อรับประทาน เพียงแต่นำมาใช้เพื่อความปลอดภัยเท่านั้น

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

อ่านต่อ “วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อโดนสารดูดความชื้น” คลิกหน้า 4

วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อโดนสารดูดความชื้น

1.ถ้าผิวหนังสัมผัสโดน ให้รีบล้างออกด้วยน้ำสะอาดนานอย่างน้อย 15 นาที แล้วรีบไปโรงพยาบาล

2.ถ้าดวงตาสัมผัสโดน ให้รีบล้างออกด้วยน้ำสะอาดนานอย่างน้อย 30 นาที พยายามกรอกตาไปมา ห้ามรอไปรักษาที่โรงพยาบาล เพราะอาจจะไม่ทันกาล หลังจากนั้นให้รีบไปพบแพทย์ที่ใกล้ที่สุด และเร็วที่สุด

3.ถ้ารับประทานเข้าไป อาจทำให้เกิดอันตรายต่อระบบทางเดินอาหาร ให้รีบดื่มน้ำเข้าไปทันที (อัตราส่วน 10 มิลลิลิตร ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมแต่ไม่เกิน 200 มิลลิลิตร เพื่อให้สารดูดความชื้นเจือจาง หลังจากนั้นตามด้วยนม หรือไข่ดิบ หรือน้ำมันมะกอก หรือน้ำมันพืช เพื่อช่วยหล่อลื่นทางเดินอาหาร ไม่ให้เกิดแผลลึกมากขึ้น แล้วรีบไปโรงพยาบาล

เครดิต: www.liekr.com, ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, http://variety.teenee.com, www.horapa.com, www.termsuk.com

อ่านเพิ่มเติม คลิก!!

อุทาหรณ์! ลูก “ตาบอด” หลังตกลงมาจากเตียง

อุทาหรณ์! ไม้เสียบหมูปิ้งทิ่มตา เด็ก 2 ขวบ

15 อาหาร บำรุงสุขภาพ สายตาลูกน้อย

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

Save

Save

Save

Save

Save